หลังจากผิดหวังจากเกมฟอร์มยักษ์ และภาคต่อหลายต่อหลายเกมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คอเกมเซ็งกันไปบ้าง แต่กับเกมม้ามืดที่ไม่ได้เป็นภาคต่ออย่าง “Dead Space” เกมแนวสยองขวัญเอาตัวรอด กลับสร้างกระแสฮือฮาอย่างมาก ด้วยคะแนนรีวิวจากต่างประเทศที่ได้คะแนนสูงมาก และยังสร้างกระแสปากต่อปากตามเว็บบอร์ดเกม ทำให้เราอดคาดหวังไว้กับเกมนี้สูงมากไม่ได้ว่า เกมจะทำได้ดีเทียบเท่าเกม Resident Evil ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าพ่อของวงการเกมแนวสยอง หรือไม่
สัมผัสแรกเริ่มเกมทุกคนไม่ว่าใครคงคิดเหมือนกันว่า นี่มัน Resident Evil 4 ภาคอวกาศนี่นา เพราะทั้งมุมกล้องแบบมุมมองด้านหลังผ่านไหล่ของตัวเอก,การเคลื่อนไหว และการเล็งยิงแทบจะถอดแบบจากลีออง เคนเนดี้ จึงทำให้เกมนี้ถูกเปรียบเทียบกับ Resident Evil 4 อย่างช่วยไม่ได้ และอีกสัมผัสแรกที่ประทับใจนั้นคือ กราฟิกที่ถ่ายทอดความสยองได้อย่างยอดเยี่ยม การสร้างพื้นผิวที่สมจริง และเฟรมเรตลื่นไหลไม่มีตก โดยเฉพาะงานสร้างเอเลี่ยนสัตว์ประหลาดต่างๆในเกมที่แม้จะดูไม่ต่างจากเกมอื่นๆนัก แต่ด้วยพื้นผิวและอวัยวะที่สมจริง (จนน่าแหวะ) รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วทำให้เกมดูดุดันกว่าเกมอื่นๆ
แต่ที่โดดเด่นก็คือเมนูอินเตอร์เฟสแบบเรียลไทม์ ลักษณะเป็นภาพกราฟิกแนวโฮโลแกรม ลอยขึ้นมา เป็นหน้าจอโดยไม่ต้องหยุดเกมทำให้เกม ส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบมาก และนี่จะเป็นมาตรฐานให้กับการสร้างเมนูให้กับเกมอื่นต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ หลอดพลังงานต่างๆ ของตัวเอกที่ออกแบบมาเยี่ยมไม่แพ้กันเพราะติดอยู่ที่หลังตัวเอก ทำให้ดูง่ายและกลมกลืนไปกับเกมมาก และยอดมากก็คือ ระบบนำทางด้วยแสงและแผนที่แบบ 3D ที่บอกเส้นทางอย่างละเอียดที่ดูง่ายมาก ทำให้แทบไม่หลงทาง และการโหลดในเกมแทบจะไม่มี การโหลดจะอยู่ระหว่างรอประตูเปิด เหมือนซีรีส์ Metroid Prime
รูปแบบการเล่นยังเป็นเกมแอ็คชันแนวเอาตัวรอด จากสถานที่จำกัดแบบ Resident Evil ที่เน้นการแก้ปริศนาเพื่อเปิดทางไปต่อ ปริศนาในเกมก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เท่าไรจากเกมแนวนี้เท่าไร แต่เกมมีการใช้ไอเท็มพิเศษเพื่อร่วมในการแก้ปริศนาเช่น Stasis ทำให้สิ่งต่างๆช้าลง และ Kinesis จับและย้ายสิ่งต่างๆได้คล้ายๆ Force ใน Starwars The Force Unleashed (แต่ยังสู้ไม่ได้)ที่เอาไว้ช่วยในโจมตี และแก้ปริศนาต่างๆในเกมได้โดยในบางจุดต้องใช้ถึง 2 อย่างเพื่อผ่านทาง และในบางจุดต้องแข่งกับเวลาโดยเฉพาะการออกไปนอกยาน ที่ไร้แรงดึงดูดและไร้อากาศแถมต้องแข่งกับเวลาของอากาศที่ค่อยๆหมดไป นั้นสร้างแรงกดดันให้กับผู้เล่นได้อย่างดี โดยตัวเกมแบ่งเป็นเกมแบ่งออกเป็น Chapter ตามส่วนต่างๆของยาน
ในส่วนของความสยอง เกมนี้ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการตัดชิ้นส่วนต่างๆของศัตรูหรือซากศพต่างๆนั้นสมจริงและดูสยองได้ใจ รวมทั้งการกระทืบหัวหลุด(ส่วนอื่นด้วย)ที่ถอดแบบมาจากเกม “เกียร์ ออฟ วอร์” และอย่างที่บอกแม้เหล่าศัตรูในเกมจะหน้าตาไม่ต่างจะเกมแนวนี้นัก แต่ทั้งการโผล่ของศัตรู หรือลักษณะท่าทางหรือมุขในหนังสยองที่เกมจงให้ให้ผู้เล่นได้ดูความสยดสยอง โดยเฉพาะในบางจุดจงใจทำให้ผู้เล่นตกใจ รวมทั้งมีหลายครั้งที่ศัตรูโผล่ออกมาใจจุดที่เราคาดไม่ถึง และมีการใช้ความเงียบของห้วงอวกาศไปจนถึงความมืดมาหลอนผู้เล่นอย่างได้ผล โดยเมื่อนำมารวมกัน เกมสร้างความกดดันในสถานที่ที่จำกัดได้อย่างสมบูรณ์ ผู้สร้างทำออกมาได้ดีเกินคาด และเหมือนได้ดูหนังไซไฟสยองขวัญดีๆเรื่องหนึ่งทีเดียว
เกมมีระบบร้านซื้ออาวุธ ,ไอเท็ม,ยา และอัปเกรดเกราะ รวมทั้งระบบฝากของ แบบเกมResident Evil ส่วนระบบอัปเกรดอาวุธ เกมนี้ใช้การเดินสเฟียร์ แบบ Final Fantasy ฉบับย่อส่วน มาถึงเสียงและดนตรีประกอบเกมก็ทำได้สุดยอดสมกับแนวเกม มีการใช้ลูกล่อลูกชน หรือปล่อยดนตรีแนวระทึกมาในจังหวะที่เหมาะสมที่จะสั่นประสาทผู้เล่นได้ดี และมีการผสมเสียงทั้งบรรยากาศ,เสียงเอเลี่ยนได้อย่างลงตัว โดยรวมแม้จะไม่มีอะไรใหม่ แต่ดนตรีประกอบทำได้ดีเกินมาตรฐาน
โดยรวม“Dead Space” ถือว่าทำได้สุดยอดในทุกๆด้าน และยอดเยี่ยมสำหรับเกมแนวเอาตัวรอด แนว Resident Evil และทำให้ผู้เล่นติดหนึบ ที่แม้ผู้เขียนจะป่วยอยู่ แต่ยังสนุกจนติดหนึบกับเกมนี้ได้ และเกมนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆหลายอย่างให้กับวงการเกม ที่สำคัญตัวเกมมีความยาวพอสมควร ไม่สั้นเกินไปเหมือนเกมหลายๆเกม รับประกันคุ้มค่าแน่นอน และถ้าจะเทียบความสนุกบวกความสยอง แล้วเกมนี้เทียบเคียงกับ Resident Evil 4 ได้สบายๆ แฟนๆเกมแนวนี้ห้ามพลาด และถึงจะไม่ใช่แฟนเกมแนวสยองก็อยากให้ลองความสยองบนอวกาศที่สมบูรณ์แบบใน“Dead Space” เกมม้ามืดแห่งปี
ข้อดี : เกมเพลย์ที่สนุกและหลอน, กราฟิกสวย, เสียงประกอบที่หลอนได้ใจ
ข้อเสีย : ปริศนาบางจุดดูง่ายไปหน่อย
ข้อแนะนำ : ขอภาคต่อด่วน
| เกมการเล่น | 9.5 |
| กราฟิก | 9 |
| เสียง | 9.5 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
| ความคุ้มค่า | สุดสยองบนอวกาศ |
| ภาพรวม | 9.5 |
วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Darth.vader)
