Silent Hill เกมสุดหลอนที่สร้างชื่อมาตั้งแต่สมัยเครื่อง PS1 ด้วยบรรยากาศเมืองในหมอกที่หลอนจนถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ ได้ฟื้นกลับคืนสู่ความหลอนอีกครั้งบนเครื่องเกมยุคใหม่ (ที่ไม่ค่อยจะใหม่แล้ว) โดยคราวนี้เราจะได้รับบทเป็น Alex ทหารซึ่งเพิ่งผ่านพ้นศึกสงครามมา และเดินทางกลับบ้านเกิด ซึ่งเมื่อกลับมาพบว่าพ่อและน้องชายได้หายไปอย่างลึกลับ ความสยองจึงเริ่มต้นขึ้น
เริ่มเกมมาเราจะอยู่ในโรงพยาบาล ที่ดูบรรยากาศคุ้นๆเหมือนอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง hostel โดยตัวเกมเป็นแอ็คชันมุมมองบุคคลที่สามที่ปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้ บรรยากาศในเกมยังคงความเป็น Silent Hill ไว้อย่างครบถ้วนทั้งเมืองในหมอก หรือโลกต่างมิติ เพียงแต่กราฟิกในเกมค่อนข้างหยาบ (เมื่อเทียบกับความสามารถเครื่อง) โดยเฉพาะการสร้างกราฟิกน้ำที่ได้ห่วย แถมแฟรมเรต ตกเป็นระยะๆ และทำให้ผิดหวังไปบ้าง แต่โดยรวมไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ที่ทำให้หงุดหงิดจริงๆคือเหล่าบรรดา “บั๊ก” ในเกมที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้ผลิตปล่อยให้เกมออกมาได้อย่างไร
ตัวเกมปรับให้มีรูปแบบแอ็คชันมากขึ้นกว่าเดิมเพราะไม่ใช่แค่เดินไปตีๆ มีการกดท่าคอมโบ การกลิ้งหลบ และโยกหลบแล้วโจมตีสวนกลับ ปุ่มที่ใช้โจมตีมีถึง 2 ปุ่มที่มีทั้งโจมตีเบาและแรง หรือวิธีจัดการบอสที่เน้นที่รูปแบบการจัดการมากขึ้นไม่ใช่แค่เดินๆหลบๆ ซึ่งก็ทำให้การควบคุมบังคับมีความสนุกและท้าทายในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่พระเอกเราเปลี่ยนเป็นขาบู๊มากกว่าภาคก่อนๆทำให้เกมความสยองลดระดับลงพอสมควร ไม่มีฉากหรือการกดดันให้สยองเท่าไรนัก
การแก้ปริศนาในเกมที่ดูธรรมดา เดินวนไปวนมาหาของ ,หากุญแจ ,ใช้ไอเท็มหรืออาวุธและกดสวิชต์ หรือกดรหัสเพื่อเปิดทาง เกมมีการนำระบบพัซเซิ้ลเกมมาช่วยในการแก้ปริศนาที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ตัวเกมเหมือนรวมสิ่งต่างๆจากภาคก่อนๆมารวมกัน เช่น การคุ้มครองเพื่อน และไอเทมประจำเกมอย่างไฟฉาย หรือวิทยุก็มีครบ รวมทั้งเมนูและอินเตอร์เฟสที่คุ้นหน้าคุ้นตา ศัตรู และบอสเก่าๆที่กลับมาให้หายคิดถึง ตัวเกมแบ่งออกเป็น Chapter ที่เชื่อมต่อกันเป็นเนื้อเรื่อง เกมมีการเลือกตอบคำถามเวลาเจอเนื้อเรื่อง และมีฉากจบหลายแบบตามแบบฉบับเกมสยอง
ด้านเสียงและดนตรีประกอบที่ ทำหน้าที่หลอนได้ดี มีการเสริมเสียงบรรยากาศ ที่ชวนหลอนมาเหมือนเดิม เพียงแต่เราเจออะไรแบบนี้มาเยอะแล้ว โดยเฉพาะผู้เล่นที่เล่นมาตั้งแต่ภาคแรก คงไม่ค่อยระทึกขวัญเท่าไร และส่วนตัวแล้วเล่นเกมนี้โดยไม่รู้สึกขนลุก หรือขวัญผวาเลย ที่แม้ศัตรูที่ดูบิดเบี้ยว แปลกประหลาด ฉากและเสียงที่ดูสยอง ก็ไม่ได้ช่วยให้เกมดูสยองเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะตัวเอกที่มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว การเล่นที่ฉับไวเหมือนหนังแอ็คชัน ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมแอ็คชันมากกว่าเกมสยองขวัญสั่นประสาท
โดยรวมแล้วเกมนี้ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่รีวิวต่างประเทศบ่นเอาไว้ เพียงแต่สำหรับผู้ที่คาดว่าจะเจอความสยอง ความกดดันของ Silent Hill หายไปพอสมควร กลายเป็นเกมแอ็คชัน ธรรมดาๆทั่วไป จึงเกิดอาการบ่นๆกันบ้าง แถมเนื้อเรื่องในเกมที่เหมือนจะดูดีในตอนแรก แต่พอเล่นจริงๆก็ไม่ได้ดีไปกว่าภาคอื่นๆนัก และบั๊กในเกมที่ทำให้เกมติดขัดจนเสียอารมณ์บ้าง แต่ถ้าไม่ติดภาพเกมสยองเกมของภาคก่อนๆเกมนี้ก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง และสุดท้ายถ้าจะถามว่าภาคนี้เป็นการเปิดแนวทางใหม่ให้กับซีรีส์เกมสยองอย่าง Silent Hill ให้เป็นแบบเดียวกับเกม Resident Evil 4 ที่เคยทำให้ซีรีส์ Resident Evil ยกระดับและเปิดแนวทางใหม่ให้กับซีรีส์หรือไม่ ขอตอบว่ายังห่างไกลกันหลายขุม
ข้อดี : แอ็คชันในเกมที่สนุก
ข้อเสีย : ปริศนาซ้ำซาก,บั๊กต่างๆในเกม
ข้อแนะนำ : หาทีมงานทดสอบบั๊กในเกมใหม่ด่วน
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 7.5 |
เสียง | 8 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7.5 |
ความคุ้มค่า | แอ็คชันมากกว่าสยอง |
ภาพรวม | 8 |
วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Darth.vader)