สำหรับเครื่องเกมยุคที่ 5 ของนินเทนโดอย่าง Wii ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในยุคนี้ โดย Wii สามารถครองใจทั้งเหล่าบรรดา Gamer และ Non Gamer และหลายคนซื้อเพื่อเล่น Wii Sports กันจนมีหลายคนเอาไปเล่นเพื่อออกกำลังกาย หรือเล่นสนุกกันทั้งครอบครัว ความสำเร็จของ Wii Sports นั้นสูงเกินกว่าที่นินเทนโดคาดคิด จึงไม่แปลกที่จะมีการสานต่อความสำเร็จจากเจ้า “แท่งหรรษา” Wii mote มาเป็น WiiFit “แท่นอัศจรรย์ สุดหรรษา” เกมนี้
เมื่อแรกเห็นกล่อง WiiFit ก็จะกับความใหญ่มหึมา ถึงแม้จะมีความหนาไม่มากนัก แต่ด้วยความใหญ่และหนักถึง 4.6 กก. จึงไม่แปลกใจว่าทำไมราคาในไทยถึงได้แพงกว่าที่ญี่ปุ่นหลายเท่า พอแกะกล่องมาจะพบกับแผ่นเกม, ถ่าน AA 4 ก้อน , คู่มือ และแท่น บาลานซ์ บอร์ด โดยในรังถ่านของบอร์ดมีปุ่มแดงไว้ sync เหมือน Wii Mote โดยมีปุ่มเปิดอยู่ด้านหน้า เมื่อเข้าเกมจะต้องมีการอัปเดตก่อน ซึ่งจะได้ FW 3.1 แถมมากับแผ่น และตัวบอร์ดที่รับน้ำหนักตัวผู้เล่นได้มากถึง 136 กก.เมื่อเริ่มเกม ตัวเกมจะให้เราใส่ส่วนสูง และยืนเพื่อวัดความสมดุลของร่างกาย และวัด BMI (Body Mass Index)หรือ ดัชนีมวลกาย และมีแบบทดสอบความสมดุล จากนั้นเครื่องจะคำนวณ อายุของร่างกายของผู้เล่น ซึ่งที่น่าตกใจก็คือ BMI ของผู้เขียนเองเกินไปเกือบ 1.42 จากจุดปกติต้องไม่เกิน 25 แถมอายุของร่างกายที่เกินไปเกือบ 10 ปี ทีเดียว
เอาละ...ไหนๆเครื่องก็บอกว่า ผู้เขียนนั้น “น้ำหนักเกิน” กันแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มเล่นเกมเพื่อออกกำลังกายเสียที โดยก่อนอื่นเราต้องกำหนด วันที่เป็นเป้าหมายในการลดน้ำหนักก่อน ต่อจากนั้นได้เวลาเล่นเกมเสียที และเราสามารถเลือกครูฝึกส่วนตัว ที่จะคอยแนะนำในหมวด โยคะ และกายบริหาร โดยมีให้เลือกทั้งครูฝึกชาย และครูฝึกหญิง แต่ก่อนจะเข้าตัวเกม หลายคนคงมีคำถามในใจว่า มันจะต่างจากการนั่งดู VCD ออกกำลังกายแล้วทำตาม ตรงไหน คำตอบอยู่ที่ แท่นบาลานซ์ บอร์ด สามารถอ่านค่าการกดของเท้าได้เยี่ยมยอด
ไม่ใช่แค่วัดแรงกด เท้าซ้าย-เท้าขวา แท่นนี้สามารถวัดค่าได้แทบทุกส่วนที่เท้าเรากดลงไป และการออกท่าทางต่างๆในเกม ก็ถูกอ่านและมีการตรวจความถูกต้องของท่าทางที่เราออก โดยต้องเลี้ยงจุดให้อยู่ในรูปทรงที่เกมกำหนด เพื่อนำผลมาประมวลว่าเราทำท่าทางได้ถูกต้องแค่ไหนโดยเกมจะค่อยๆปลดล็อก ทั้งตัวเกมและจำนวนครั้ง หรือเวลาในการออกกำลังกายออกมาตามความสามารถของผู้เล่น จึงไม่ต้องห่วงว่าจะได้รับบาดเจ็บจากเกมที่เล่นได้ยาก เพราะกว่าจะปลดล็อกออกมาได้ เราก็เล่นจนชำนาญแล้ว โดยเกมที่นำเสนอมีกว่า 48 รูปแบบให้เล่นโดยแบ่งเป็นรูปแบบต่างๆดังนี้
-โยคะ แม้ผู้เขียนเองจะไม่เคยเล่นโยคะแบบจริงๆจังๆ แต่ก็เคยผ่านการเล่นมาบ้าง และสำหรับโยคะ WiiFit ก็สอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน นั้นคือการ “หายใจ” ซึ่งต้องกำหนดลมหายใจในทุกท่าของหมวดนี้ ที่ผู้ที่เล่นโยคะเป็นประจำมาการันตีในความถูกต้องของท่าทาง และถ้าทำตามอย่างถูกวิธีจะได้รับประโยชน์เทียบเท่าการเล่นโยคะ ตามฟิตเนสและมีให้เล่นมากถึง 15 รูปแบบ
-กายบริหาร ความจริงหมวดนี้ หลายคนอาจจะบอกว่า ซื้อวีซีดีกายบริหารมาเล่นเองก็ได้ ถูกกว่าเยอะ แต่อย่าลืมว่า ตัวแท่นมีการตรวจจับความถูกต้องการท่าทางที่ออก จึงเหมือนมีครูฝึกส่วนตัวมาดูแลอย่างใกล้ชิดเลยและสามารถบริหารเพื่อลดส่วนเกินต่างๆของร่างกายได้ โดยเฉพาะ การวิดพื้น ที่ถ้าจะทำให้ถูกต้อง ก็แทบจะหมดแรงกัน แต่ก็สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องลงน้ำหนักทั้งตัวก็ได้ เพียงแต่จะไม่ได้คะแนนเต็มเท่านั้น โดยรวมมีเกมให้เล่นเท่ากับ โยคะ คือ 15 รูปแบบ
-เกมสันทนาการ ดูเผินๆ จะเหมือนเกมให้เล่นแก้เซ็ง แต่กลับกลายเป็น โหมดที่เรียกเหงื่อได้มากที่สุดเช่นเกม “วิ่ง” ที่ไม่ต้องใช้บาลานซ์ บอร์ด แค่นำ WiiMote ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วทำท่าวิ่งอยู่กับที่ตัวละครในเกมก็วิ่งตามความเร็วที่เราวิ่งเดินขึ้นลงตามจังหวะ ที่คุณอาจโกงด้วยการเขย่าจอยก็ได้ แต่เขย่ามากๆระวังหกล้มได้ หรือแม้แต่ “ฮูลาฮูป” ที่ทั้งเรียกเหงื่อและเสียงฮา เมื่อเล่นเป็นหมู่คณะ การฝึกชกมวยของ Wii Sports โดยพัฒนาให้เหมาะสมกับการออกกำลังกายมากขึ้น และเกมก้าวขึ้นลงแท่นตามจังหวะเพลง ที่แม้อาจจะสู้เกม Dance Dance Revolution ไม่ได้แต่ก็สนุกไม่เบา และได้ออกแรงที่ถูกหลักการออกกำลังกาย ส่วนตัวเล่นในโหมดนี้ก็จะเป็น ตัว Mii ของเรา ทำให้ดูเป็นเกมที่เล่นเพื่อความสนุกสนานได้ โดยมีทั้งหมด 9 เกม แต่จะมีบางหมวดเกมที่มีรูปแบบซ้ำกันบ้าง และมีบางเกมสามารถเล่นได้ 2 คน
-ฝึกการทรงตัว อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะการทรงตัวที่ดีส่งผลต่อการออกกำลังกายรูปแบบอื่น และบุคลิกภาพ ของเราจะดีขึ้น โดยเกมในโหมดนี้จะคล้ายๆกับเกมสันทนาการ คือเน้นความสนุกด้วย โดยเกมเด่นๆเช่น โหม่งบอล เล่นสกี และ จัมป์สกี เลี้ยงตัวบนเชือก หรือ ควบคุมฟองสบู่ ที่ต้องควบคุมการทรงตัวผ่าน แท่นบาลานซ์ บอร์ด และในบางเกมที่ต้อง วางแท่นด้านข้างเพื่อเล่น สโนว์บอร์ด หรือแม้กระทั้ง เกมที่เราต้อง “นั่งสมาธิ” ก็ยังมี โดยรวมเกมในโหมดนี้จะดูเรียบๆไปสักหน่อย แต่ก็สร้างความสนุกได้พอสมควร และมี 9 เกมเท่ากับเกมสันทนาการ
ตอนนี้คงมีคนอยากทราบผลที่จะได้รับ หลังจากผู้เขียนเล่นไปได้ 10 วัน วันละ 30-50 นาทีติดต่อกัน น้ำหนักลดลงไปประมาณ1.5 กก. ดัชนีมวลกายลดลงไป จาก 25.42 ลงมาเหลือ 24.92 รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น และบุคลิกภาพดีขึ้น เพราะแต่ก่อนผู้เขียนทำงานที่ต้องนั่งหน้าคอมทั้งวันจนเดินหลังงอ พอได้เล่นโดยเฉพาะโยคะช่วยให้ยืนตัวตรงขึ้น ผลอันนี้อาจแตกต่างขึ้นอยู่กับกิจกรรมอื่นที่ผู้เล่นทำด้วย รวมทั้งการกินอยู่ จึงเอามาเป็นผลที่แน่นอนไม่ได้ สำหรับท่านที่หวังว่า Wii Fit จะช่วยให้ผอมได้ ต้องขึ้นกับตัวคุณว่าจะจริงจังกับการเล่นแค่ไหน
นอกจากนั้นองค์ประกอบเช่นภาพและเสียง ก็อยู่ในระดับเดียวกับ Wii Sports จึงไม่ขอพูดถึงเพราะไม่ใช่ส่วนที่สำคัญสำหรับเกมนี้ ที่สำคัญเรื่องการทำความสะอาดที่หลายคนกังวล เพราะ แท่นบาลานซ์ บอร์ด นั้นสีขาวสะอาดตา ที่น่าจะเลอะคราบสกปรกจากเท้าของเราได้ง่าย ซึ่งก็จริงที่ใช้ได้ไม่นานก็จะปรากฏคราบดำ แต่ก็ทำความสะอาดได้ง่ายโดยใช้ ผ้าสะอาดชุบน้ำก็เช็ดคราบต่างๆออกได้ง่าย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวลเท่าไร แต่ตินิดหนึ่ง เพราะมีบางเกมต้องใช้สถานที่ การเล่นเกมค่อนข้างมาก ถ้าหากห้องใครแคบๆคงเล่นได้ลำบากหน่อย และในบางเกมที่ต้องทำท่านอน ทำให้จะเงยหน้ามาเพื่อดู ภาพในเกมว่าเราทำถูกท่าหรือเปล่า ทำได้ยาก แต่ก็มีเสียงเตือนให้ถ้าเราทำผิดท่า ที่แย่หน่อยที่มีบางเกมไม่มีการตรวจวัดค่า โดย WiiMote หรือแม้แต่ตัวบาลานซ์ บอร์ดก็ไม่ได้ใช้ บางเกมจึงไม่ต่างจากการดูวีซีดีออกกำลังกาย สักเท่าไร (แต่ก็เป็นบางเกมเท่านั้น)
ถ้าคุณโทรมาภายใน 10 นาทีนี้ เฮ้ยไม่ใช่!! ถ้าคุณถามเรื่องความคุ้มค่า ก็ขอตอบว่าหากคุณมองว่านี้คือเกม แบบ Wii Sports คุณต้องผิดหวัง เพราะเกมนี้สร้างมาเพื่อการออกกำลังกาย มากกว่าเพื่อเล่นสนุก เกมต่างๆออกแบบมาถูกหลักการออกกำลังกาย โดยผู้เชี่ยวชาญ จากสมาคม NESTA (National Exercise & Sports Trainers Association) แต่ถ้าคุณอยากลดน้ำหนัก แล้วไม่มีเวลาไปฟิตเนส WiiFit นั้นเกินคุ้ม เพราะเหมือนเป็นการยก ฟิตเนส มาอยู่ในบ้าน แถมได้มินิเกมสนุกๆไปเล่น สรุปแล้ว ถ้า Wii Sports คือเกมที่ทำให้คุณออกกำลังกายไปได้ด้วย Wii Fit ก็คือ เครื่องออกกำลังกายที่ทำให้คุณเหมือนได้เล่นเกมไปด้วย ที่สำคัญในอนาคตจะมีเกมออกมาเพื่อรองรับบาลานซ์ บอร์ด ด้วยแน่นอน และในยุคที่เกมส่วนใหญ่ถูกมองว่าเป็นสิ่งทำลายสุขภาพ ยังมีเกมหนึ่งที่สร้างเสริมสุขภาพออกมาให้เล่น ดังนั้นได้เวลาที่ Gamer จะยืดเส้นยืดสายกันแล้ว
(หมายเหตุ การให้คะแนน WiiFit ให้ในส่วนที่เป็นเครื่องออกกำลังกาย ไม่ได้ให้ในส่วนของความเป็น วีดีโอเกม แต่อย่างใด)**** ราคา WiiFit ในไทยอยู่ที่ 4400-5000 บาท ส่วนราคาในญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 2600 บาท****
นี่คือบทความสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดของ ผู้เขียนที่จะเขียนที่ Manager ก่อนที่จะขอพักยาว เนื่องมาจาก มีเหตุผลจำเป็นบางประการ และช่วงนี้ท้องฟ้ามืดมน จึงขอหยุดพักงานเขียนชั่วคราวก่อน ไว้วันหน้าฟ้าเปิดคงได้เจอกัน เพียงแต่จะเป็นหลักเดือนหรือหลักปี ก็ไม่อาจรู้ได้ อย่างไรขอให้เพื่อนๆชาว Gamer ที่เป็น “คนดี” โชคดีปีใหม่ และมีความสุขมากๆครับ พบกันใหม่ เร็วๆนี้แน่นอน May The Force Be With You
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 7 |
เสียง | 7 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
ความคุ้มค่า | เกมเพื่อสุขภาพ |
ภาพรวม | 8 |
วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Darth.vader)
ทางทีมงานขอขอบคุณ "คุณวงศกร ปฐมชัยวัฒน์" หรือ Darth.vader ที่ส่งผลงานรีวิวเกมมาเป็นเวลาหลายปี โดยที่ไม่ได้รับสิ่งใดๆตอบแทน ด้วยความมีน้ำใจและอยากให้ผู้เล่นชาวไทยมีความสุขไปกับการเล่นเกม และทางเราขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้ง เมื่อพร้อมทุกเวลาครับ
ทีมงานผู้จัดการเกม