xs
xsm
sm
md
lg

เจาะลึกวิสัยทัศน์ ‘เจมส์ กันน์’ เปิดหมดเปลือกเบื้องลึกเบื้องหลัง 'Superman' โฉมใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: Mgronline



เปิดโลกภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ไปกับผู้กำกับมากฝีมือ “เจมส์ กันน์” ที่จะมาเผยเบื้องลึกเบื้องหลังการสร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่อง “Superman” ซึ่งเป็นผลงานแรกจาก DC Studios ที่เตรียมฉายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของกันน์ที่ผสมผสานฉากแอ็คชั่นสุดยิ่งใหญ่ มุกตลก และความอบอุ่น เราจะได้สัมผัสกับซูเปอร์แมนในมุมมองใหม่ที่เต็มไปด้วยความเห็นใจและความเชื่อมั่นในคุณธรรมของมนุษย์

บทสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้จะพาคุณไปสำรวจแนวคิด แรงบันดาลใจ และความท้าทายที่เจมส์ กันน์ต้องเผชิญในการนำเสนอซูเปอร์ฮีโร่ระดับตำนานผู้นี้ให้กลับมาโลดแล่นบนจอเงินอีกครั้ง พร้อมกับเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเกี่ยวกับเบื้องหลังการสร้างสรรค์ตัวละครที่ทุกคนรัก และวิสัยทัศน์ที่กันน์มีต่อจักรวาล DC


Q: ทำไมคุณถึงเลือกภาพยนตร์เรื่อง Superman เป็นผลงานแรกของ DC Studios?

A: ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงครับ ข้อแรกคือที่ผมนั่งตรงนี้ไม่ใช่เพราะเป็นความฝันของผม แต่มันเป็นความฝันของปีเตอร์ ซาฟราน (ผู้อำนวยการสร้าง) มาทั้งชีวิตเรื่องการสร้างหนังซูเปอร์แมน ผมต้องเข้าใจความเป็นตัวเขาที่อ่อนโยน ทำให้ผมได้มากำกับและสร้างหนังเรื่องนี้

แต่ผมคิดว่าซูเปอร์แมนคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างด้วยเช่นกัน เขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนแรก เขาเป็นตัวละครที่สำคัญมากของ DC ซึ่งมีอยู่ 3 คน คือ แบทแมน ซูเปอร์แมน และวันเดอร์วูแมน เราเห็นเกี่ยวกับวันเดอร์วูแมนและแบทแมนมาเยอะแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับซูเปอร์แมน ผมเลยรู้สึกว่ามันคือเรื่องสำคัญที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วย DC Studios โดยเริ่มต้นจากซูเปอร์แมน

Q: ช่วงเวลาที่คุณต้องไขปริศนาในการสร้างเรื่องราวซูเปอร์แมนขึ้นมาเป็นแบบไหน? คุณเริ่มต้นสร้างเรื่องราวอย่างไร?

A: มันอยู่ในช่วง 2-3 หน้าแรกที่ผมต้องเล่นกับอะไรหลายอย่าง แต่ช่วงสำคัญคือตอนซูเปอร์แมนกระแทกพื้นที่เหมือนเป็นกลางขั้วโลกเหนือ และเห็นคริปโตที่ดูอ่อนแอพยายามปั่นหัวเขา แต่กลับเป็นฝ่ายชนะและทำให้เขาเจ็บปวดได้ จากนั้นมีป้อมปราการแห่งความสันโดษกับหุ่นยนต์ซูเปอร์แมน จากนั้นมีเล็กซ์และแผนการของเขาที่วางแผนจัดการให้ผู้คนมาทำงานให้เขา ผมคิดว่านั่นคือช่วงที่ผมรู้ว่าจะสร้างอะไรต่อ และพยายามไขปริศนานั้นมานานหลายต่อหลายปี


Q: คุณมีจินตนาการในการสร้างผลงานที่ต่างจากปกติ สร้างเรื่องราวเกี่ยวกับการทำความดี การเป็นคนดี มันมีจุดเริ่มต้นมาจากไหน?

A: ตอนที่ผมสร้างเรื่อง Guardians of the Galaxy ผมรู้ว่าเรามีภาพยนตร์แนวไซไฟที่เป็นแนวดาร์กและชวนเศร้ากันมานาน 25 ปีแล้ว ทุกอย่างควรจะดูสมจริงเพราะมันดูหดหู่ ผมรู้สึกว่ามันยังมีความเป็นสีสัน เป็นผลงานเหมือนสมัยก่อนที่ห่างหายไปจากภาพยนตร์

ซูเปอร์แมนคือตัวละครที่เกี่ยวกับการทำความดีและเป็นคนดี เขามีนิสัยดี แต่การเป็นคนดีอย่างบริสุทธิ์ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ทั้งหมดเกี่ยวกับตัวละครที่เป็นคนดีอย่างบริสุทธิ์ในโลกที่ไม่ได้งดงามขนาดนั้น และผมคิดว่ามีบางสิ่งที่เรามองไม่เห็นชัดเจนนัก ทุกคนล้วนมีคุณสมบัติที่ดูไม่เหมาะจะเป็นฮีโร่ได้

ผมคิดว่าเวลาที่ตัวละครดูเป็นคนดี พวกเขามักจะสร้างความสนุกโดยทำให้ตัวละครดูน่าตลก แต่ตัวละครนี้ดูมีตระกูลและงดงาม เขาไม่ได้ถูกต้องเสมอ มีการทำผิดพลาด

เพราะอะไรเราถึงรักซูเปอร์แมนมาก? ผมคิดว่าไม่ใช่เพราะเขาต่อยดวงดาวหรือหยิบตึกสูงเสียดฟ้าได้เลย ผมคิดว่าเป็นเพราะความดีงามในตัวเขาและความมีมนุษยธรรม แม้ว่าเขาจะเป็นคนต่างดาวก็ตาม อันที่จริงเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับการเป็นคนมองโลกแง่ดีและยอมรับที่ตัวเองมีจุดอ่อน


Q: คุณตกหลุมรักตัวละครซูเปอร์แมนครั้งแรกเมื่อไหร่? จากหนังสือการ์ตูนหรือภาพยนตร์ในอดีต?

A: ผมชอบซูเปอร์แมนมาโดยตลอดครับ ตอนเป็นเด็กผมหลงใหลหนังสือการ์ตูนครอบครัวของซูเปอร์แมน มีซูเปอร์แมน ซูเปอร์เกิร์ล คริปโต และทั้งแก๊งค์เลย ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์ของริชาร์ด ดอนเนอร์ ตอนเป็นเด็ก เพลงประกอบภาพยนตร์และทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นชวนล่องลอยมาก นั่นคือช่วงที่ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าภาพยนตร์มีความสำคัญต่อชีวิตของผมขนาดไหน และมันมีความสำคัญต่างจากชีวิตคนอื่น

Q: คุณคิดว่าตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายปีนี้ไปขนาดไหน และอะไรคือแรงจูงใจสำคัญต่อซูเปอร์แมนในเวอร์ชันของคุณ?

A: พลังของซูเปอร์แมนเปลี่ยนแปลงไปในช่วงตลอดหลายปีนี้ มีทั้งขึ้นและลงไม่ได้มีเพียงทิศทางเดียว เวลาที่เขาเริ่มมีพลังก็จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก สามารถกระโดดข้ามตึกสูงได้ในก้าวเดียว แต่ไม่สามารถบินได้ เขาสามารถต่อยคนแต่ไม่สามารถเอาชนะได้ กระสุนเด้งจากตัวเขาได้แต่ก็มีลิมิต เขามีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 1970 ก่อนถึงยุคของจอห์น เบิร์น ที่เขาเปลี่ยนแปลงรูปทรงของโลกด้วยเพียงหมัดเดียว หรือแม้แต่หนังเรื่องแรกที่ย้อนไปหาช่วงเวลานั้น

ผมคิดว่ามันมีหลายช่วงเวลาที่เขาดูมีพลังมาก ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับผมในการคิดภาพเขาให้มีความน่าสนใจอย่างที่ผมต้องการ หรือเข้าใจในตัวเขา แต่ก็มีบางเรื่องเกิดขึ้น อย่างแรกคือผลงานของแกรนท์ มอร์ริสัน เรื่อง All-Star Superman เป็นผลงานที่มีอิทธิพลต่อผมมาก และตรงกับความรู้สึกที่ผมตกหลุมรักในตัวละครนี้

ตอนที่หนังสือเล่มนั้นออกมาผมไม่ใช่เด็กแล้ว มันทำให้เห็นว่าพลังของซูเปอร์แมนมีความน่าสนใจขนาดไหน และเขาเองก็เป็นคนดี มีความมุ่งมั่น ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง มีความบริสุทธิ์บนความน่าเคารพนั้น และเป็นตัวละครที่น่าสนใจสำหรับผม

แกรนท์ทำให้เขามีบางสิ่งที่ผมรัก และมันกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ส่วนแฟรงค์ ควิตลีก็ทำให้เขามีเสน่ห์อย่างที่ผมรัก ด้วยบุคลิกของเขาในมุมนั้น ทำให้ถือกำเนิดเป็นซูเปอร์แมนในหนังเรื่องนี้ บอกตามตรงเลยว่าในเรื่องนี้ผมทำให้เขาอ่อนพลังลง เขาจะไม่มีการย้อนเวลาของโลก ไม่ต่อยดวงดาว เขามีความแข็งแกร่งมาก ยกตึกสูงเสียดฟ้าได้ แต่ไม่อยู่ยงคงกระพันขนาดนั้น ในช่วงแรกของเรื่องเราจะเห็นซูเปอร์แมนมีเลือดไหลด้วยซ้ำ สำหรับผมเวลาที่คิดภาพอะไรแบบนั้น ผมจะคิดว่า “เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร?”


Q: คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะแตกต่างจากผลงานก่อนหน้าของคุณอย่างไร?

A: ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้สามารถแตกต่างออกไปได้โดยการนำเอาองค์ประกอบแบบ magical realism หรือความแฟนตาซีในแบบซูเปอร์มาใช้ เช่น หมาบินได้ ไคจูยักษ์ หุ่นยนต์ผู้ช่วย และอะไรสนุกๆ แบบนั้น ในขณะที่ยังทำให้ตัวละครซูเปอร์แมนติดดินและมีความสมจริงอยู่ เขาคงเป็นตัวละครที่มีรากฐานอยู่ในบุคลิกของตัวเอง ในความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นๆ และเนื้อเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยการเลือกของเขาเอง ไม่ใช่ถูกกำหนดโดยพลังภายนอกใดๆ

บทหนังเรื่องนี้เลยเขียนสนุกมากเพราะเหตุผลนั้น และมันก็แตกต่างจากสิ่งที่ผมเคยเขียนมาก่อนโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่ามันมีองค์ประกอบไซไฟอยู่บ้าง แต่ในบางแง่ ผมว่าจริงๆ แล้วซูเปอร์แมนยังติดดินกว่าหนัง Guardians of the Galaxy ซะอีก เพราะประเด็นสำคัญคือมันไม่ใช่หนังตลก แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็มีความแฟนตาซีสุดขั้วแบบแปลกๆ มากกว่าด้วย

มันเป็นหนังการ์ตูนที่ไปให้สุดกับทุกอย่างใหญ่โตอลังการ เหมือนผลงานของแกรนท์ มอร์ริสัน เรื่อง All-Star Superman เคยทำไว้ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นความท้าทายสำหรับผมมากจริงๆ











กำลังโหลดความคิดเห็น