xs
xsm
sm
md
lg

‘มหาราชา’ ผู้ตามหาถังขยะใบหนึ่ง : หนังอินเดียทำถึง ต้องกด ‘ว้าว’!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



นี่คือหนังอินเดียที่สามารถแนะนำได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นหนังดี ๆ อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีอะไรให้รู้สึก “ว้าว” อยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะเทคนิคการเล่าเรื่องที่แพรวพราวด้วยลูกล่อลูกชน ที่อาจจะทำให้หลายคนงุนงงไปบ้าง แต่จริง ๆ ก็ไม่ยากต่อการเข้าใจ

สำหรับคนที่ติดตามหนังจากแดนภารตะ คงได้พิสูจน์ด้วยสายตาตัวเองว่า มีหนังคุณภาพทั้งเนื้อหาและความสนุกออกมาให้ดูอยู่เรื่อย ๆ เท่าที่นึกออกเร็ว ๆ ในตอนนี้ก็อย่างเช่น 3 Idiots , RRR , White Tiger , The 12th Fail มาจนถึงเรื่องล่าสุดอย่าง Maharaja หรือ “มหาราชา” นี้ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์

ทั้งนี้ ไม่พึงสับสนกับหนังอีกเรื่องซึ่งมีชื่อคล้ายกัน คือ Maharaj หรือ “มหาราช” ซึ่งเป็นคนละเรื่อง แต่ทั้งนี้ “มหาราช” ก็จัดว่าเป็นหนังที่มาพร้อมกับเนื้อหาที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญคือหนังมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1862 เกี่ยวข้องกับนักข่าวและนักปฏิรูปนามว่า “คาซาล ดาส มุลจี” ที่ลุกขึ้นมาตีแผ่และเปิดโปงความชั่วร้ายของผู้นำศาสนานิกายหนึ่งซึ่งใช้ความเชื่อถือศรัทธาและคำสอนของศาสนามาฉ้อฉลสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเองอย่างไร้ศีลธรรม

ขณะที่ “มหาราชา” (Maharaja) แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง...


“มหาราชา” เล่าเรื่องราวของคุณพ่อคนหนึ่งซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อหนัง เขาคือช่างตัดผมในร้านบาร์เบอร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มหาราชาอาศัยอยู่กับลูกสาวคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า “โชติ” (โช-ติ) และถังขยะอีกใบที่เขาและลูกตั้งชื่อให้ว่า “ลักษมี” แต่แล้ววันหนึ่ง ถังขยะใบนี้กลับถูกพวกโจรบุกบ้านขโมยไป ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องราวในหนังที่บานปลายอย่างคาดไม่ถึง

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถังขยะใบนี้มีความสำคัญอย่างไร ทำไมเป็นต้นเหตุให้เรื่องราวลุกลามบานปลายใหญ่โต ถ้าได้ดูหนังก็จะเข้าใจ เหมือนกับที่ครั้งหนึ่ง เราเห็น “ไอ้ขาม” (จา พนม) ในหนังเรื่องต้มยำกุ้ง เดินทางตามหาช้างแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน “มหาราชา” ที่พยายามตามหาถังขยะลักษมี ก็คงไม่ต่างกัน เพราะมันมีคุณค่าทางใจที่ยอมทุ่มเททุกสิ่งเพื่อให้ได้กลับคืนมา

และก็เช่นเดียวกัน ถ้าความตายของหมาน้อยตัวหนึ่งในหนัง John Wick จะกลายเป็นชนวนเหตุให้นักฆ่ามืออาชีพที่ตั้งใจปลดระวางต้องลุกขึ้นมาตามล่าคนฆ่าสุนัขจนเรื่องราวลุกลามบานปลายเป็นจักรวาล ... การหายไปของถังขยะเพียงใบเดียวในหนัง “มหาราชา” ก็ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างไม่มีใครคาดคิด


ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งหนึ่งซึ่งนำพาเรื่องราว คือคาแร็กเตอร์ของ “มหาราชา” ช่างตัดผมที่ให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ยุติธรรมและความถูกต้อง เราจะตกหลุมรักตัวละครตัวนี้ได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง หลังจากที่โชติเล่าถึงวีรกรรมของพ่อของเธอ เขาคือคนจำนวนน้อยในโลกนี้ที่ไม่มีวันยอมให้ความอยุติธรรมมีพื้นที่ในการดำรงอยู่ ดังนั้นแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด หากสุดท้าย เราจะรู้สึกอยากปรบมือให้กับการกระทำของเขา

“มหาราชา” แปลว่า ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ใครได้ยินเขาแนะนำชื่อตัวเอง ต่างก็พากันขำ เพราะราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหนจะมาเป็นลูกจ้างยืนตัดผมโกนหนวดให้คนอื่นเพื่อแลกค่าครองชีพ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าได้ดูและรู้จักตัวตนรวมทั้งวีรกรรมของเขาไปจนจบเรื่อง ก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า นาม “มหาราชา” เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างยิ่ง

ในความเป็นหนัง “มหาราชา” มีรสชาติหลากหลายที่ผสมกันกลมกล่อมกลมกลืน มีความตลกร้าย เท่า ๆ กับที่มีความดราม่าสไตล์หนังชีวิต มีแนวทางของหนังสืบสวนสอบสวน ซึ่งทุกแนวที่ว่าก็สอดประสานเข้าด้วยกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และที่มันว้าวสุดๆ อีกอย่างก็คือ จากหนังที่จุดเริ่มต้นดูเหมือนจะเน้นหนักไปทางดราม่า อยู่ ๆ ก็ซัดเราด้วยฉากแอ็กชั่นการต่อสู้ที่ดุเดือดสมจริงจนหลายคนอาจจะเผลออุทานออกมาว่า OMG! กันเลยทีเดียว จากใบมีดโกนที่ช่วยดูแลทรงผมและหนวดเครา ใครเลยจะคิดว่ามันจะกลับกลายเป็นอาวุธสังหารได้อย่างน่าทึ่ง


แต่ที่สำคัญคือการเล่าเรื่อง (และต้องยกเครดิตให้กับการตัดต่อด้วย) ที่มีการตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันซึ่งมีการวางแผนมาอย่างดี แต่ก็อย่างที่เกริ่นไว้ว่า หลายคนอาจจะงงว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง แต่นี่แหละคือชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ทรงพลังซึ่งตั้งใจพลิกแพลงไทม์ไลน์ในการเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ขนานกันไปซึ่งว่ากันตามจริงก็ไม่ได้ยากต่อความเข้าใจแต่อย่างใด

นอกจากนั้น ในส่วนของเนื้อหายังพูดได้ว่า มีประเด็นที่ชวนให้นึกคิดอยู่หลายประการ อย่างเช่น ภาพแห่งความฟอนเฟะในระบบราชการตำรวจที่มีการทำมาหากินกันอย่างไร้ยางอาย (ดูจะเป็นเหมือนกันทั่วทุกประเทศ) มันเป็นเรื่องตลกร้ายที่ไม่รู้จะหัวร่อหรือร่ำไห้ดี กับการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งดูแลเรื่องร้องเรียนของ “มหาราชา” กระบวนการให้ได้มาซึ่งถังขยะ ก็ดูน่าขันสิ้นดี

ขณะที่ประเด็นเรื่องความรักของพ่อที่มีต่อลูก ก็ถูกเล่าผ่านสองตัวละครหลักได้อย่างมองเห็นเป็นภาพเปรียบเทียบเคียง แม้ว่าพ่อทั้งสองจะรักลูกเหมือนกัน แต่พ่อคนหนึ่งเลี้ยงลูกอย่างมีคุณธรรมและทุ่มเททุกอย่างเพื่อจะนำสิ่งที่ลูกรักคืนกลับมาให้จงได้ แต่อีกคนกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม ก่อนจะได้รับบทลงโทษอย่างสาสมชนิดที่เรียกว่าแหลกสลายไร้ชิ้นดี

อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วก็คงต้องบอกว่า “มหาราชา” เป็นหนังที่ทรงพลังทั้งในแง่ของการเล่าเรื่องและเนื้อหา หนังให้ความสนุกในการติดตามรับชม และเมื่อถึงจุดคลี่คลายยิ่งทำให้ว้าวยิ่งขึ้นไปอีก หนังยาว 2 ชั่วโมง 22 นาที พูดได้ว่า คุ้มค่ายิ่งกว่าคุ้ม!

















กำลังโหลดความคิดเห็น