“แพรวพราว แสงทอง” ให้ของขวัญชิ้นใหญ่เป็นของขวัญวันเกิดลูก เป็นรถราคา 5 ล้าน ไม่วายดรามา ฝั่ง “ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” อดีตสามีให้อะไร ยันเรื่องโรงเรียนเคลียร์กันแล้วให้อยู่กทม. คุยกันลงตัว ไม่ขัดแย้ง ค่าเทอมช่วยกันทั้งสองคนฟ้องร้องเรื่องทรัพย์สินให้เป็นไปตามกฎหมาย หากไม่สบายใจ ยินดีเซ็นพินัยกรรมให้ลูก เมินอดีตสามีแซะหลังออกรายการ ทำใจทำอะไรทัวร์ลง คอนโทรลไม่ได้ แต่ไม่ชนดะแล้ว ปล่อยวาง ขอบคุณตัวเองพาร่างกายและจิตใจบอบช้ำให้ลุกขึ้นมาได้
แม้จะเลิกรากันมาสักพัก แต่ลักษณะการโพสต์ก็เหมือนยังแซะกันไปมา ระหว่าง “ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์”กับ “แพรวพราว แสงทอง” ไม่ว่าต่างฝ่ายทำอะไรก็ถูกโยงดรามาไปซะหมด ล่าสุดงานวันเกิดของลูกที่ผ่านมา แพรวพราวได้ซื้อของขวัญชิ้นใหญ่เป็นรถราคา 5 ล้าน ก็ไม่วายดรามาไปถึงอดีตสามี แม้แต่ตอนแพรวพราวออกรายการคุยแซ่บโชว์ ฝ่ายอดีตสามีก็เหมือนจะโพสต์ข้อความแซบไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งงานนี้แพรวพราวได้ชี้แจงทุกประเด็น
“จริงๆ ซื้อให้ครอบครัว เหมือนเอามามอบในวันเกิดลูก ส่วนใหญ่ก็จะใช้ส่งนาริตะ ไปโรงเรียน อาจจะพาลูกไปต่างจังหวัด หรือว่าไปเที่ยว เราก็ใช้รถคันนี้อำนวยความสะดวกให้กับครอบครัว บรรยากาศก็อบอุ่นน่ารัก เราจัดที่บ้านเวทีเล็กๆ ชวนญาติพี่น้อง และทีมงานมากินข้าว มาฟังเพลงกัน
ส่วนที่มีดรามาว่าแม่ให้รถราคา 5 ล้าน แล้วฝั่งพ่อ ให้ของขวัญอะไรลูก อันนี้ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้คุณพ่อเขาก็จัดวันเกิดล้วนหน้าให้กับลูกไปแล้ว น่าจะซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรจริงๆ พ่อแม่ลูก ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ก็ซื้อโน่นนี่ให้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องการอะไร แล้วลูกก็ยังเล็กอยู่ คุณพ่อเขาน่าจะมีการเตรียมอะไรไว้ให้ลูกอยู่แล้ว
เราคุยกันแค่เรื่องลูก เรื่องเรียนของน้องโตเกียว มารับไปวันเกิดพ่อนะ แล้วจะพามาส่งตอนไหนประมาณนี้ค่ะ (วันเกิดลูกพ่อเขามาไหม?) ไม่ได้มาค่ะ เขาจัดวันเกิดให้ลูกก่อนแล้ว เรื่องอวยพรน่าจะเป็นแชตกันส่วนตัวเขา ส่วนวันเกิดคุณพ่อ เราก็อวยพรเขาทั้งหน้าเฟซบุ๊ก และอวยพรส่วนตัว”
เรื่องโรงเรียนลูกคุยกันลงตัว ไม่มีการขัดแย้ง
“คุยกันแล้วค่ะ สรุปแล้วว่าน้องต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ หรือปทุมธานี ที่จริงแพรวแพลนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช่ว่าพ่อเขาจะเอาไปเรียนก่อนขอนแก่นแล้วแม่จะต้องเอาลูกมาเรียนที่กรุงเทพฯ จริงๆ แล้วเรื่องเรียนเราวางแผนไว้แล้ว เพราะว่าการเดินทางมันก็สะดวก บ้านแพ้วก็อยู่ลำลูกกา โรงเรียนเราก็มองไว้แล้ว 3-4 ที่ เรากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะให้ลูกเรียนที่ไหนดีแต่เป็นโรงเรียนนานาชาติ เรื่องนี้คือลงตัวไม่มีการขัดแย้งกัน เพราะว่าเราโทร.คุยกันแล้ว
ตอนนี้เรื่องลูก แม่เป็นหลักแน่นอน หลักๆ ป้ากับลุงเป็นคนเลี้ยง แต่เขาก็อยู่กับเราตลอด ใจขาดแน่นอนถ้าเกิดลูกไปอยู่ที่อื่น เพราะว่าเราเป็นคนติดลูกและพ่อเขาก็รู้อยู่แล้วว่าแม่เป็นคนติดลูกมากเวลาเลิกงานแพรวก็จะรีบกลับไปหาลูกมันห่างไม่ได้”
ค่าเทอมต้องช่วยกันอยู่แล้ว พ่อมีสิทธิ์มาหาลูกที่โรงเรียน
“คำว่าพ่อแม่ก็ต้องช่วยกันแต่ใดๆ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเรียน ถ้าสรุปได้แล้วว่าลงที่ไหน เรื่องค่าเทอมก็จะมีความแตกต่างกันไปตามสถานที่แต่ให้เรียนนานาชาติ
ถามว่าพ่อมีสิทธิ์มาหาลูกที่โรงเรียนไหม มีสิทธิ์แน่นอนค่ะลูกเรียนโรงเรียนก็ต้องบอกพ่อว่าลูกเรียนโรงเรียนนี้นะ วันมอบตัวพ่อก็ต้องมารับรู้ทุกขั้นตอนที่เกี่ยวกับลูกพ่อก็ต้องรับรู้ด้วย อันนี้แม่ไม่ปิดกั้นแน่นอนเพราะเราก็คุยกันไว้แล้วเรื่องนี้ เราคุยกันเรื่องลูกค่ะ คุยกันปกติ”
ยันไม่ได้โพสต์แซะอดีตสามี เพลงโสดทำไว้นานแล้ว
“แพรวก็ไม่ได้แซะนะ อย่างเพลงโสดที่เพิ่งปล่อยไปก็ทำไว้นานแล้ว แต่เพิ่งมาปล่อย ซึ่งเพลงอาจารย์เขาก็เขียนไว้นานแล้วไม่ได้เกี่ยวว่าจะแซะหรือหรืออะไร
ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีปัญหาเรื่องเรียกร้องสิทธิ์ของการดูแลลูกถึงกับต้องขึ้นศาล ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนของศาลด้วยว่าตอนคลอดพ่อเขาไม่ได้เซ็นรับรองบุตร พอเราแยกกัน เขาก็ต้องการความชัดเจน ก็ฟ้องไปตามกฎหมายและดำเนินการไปตามกฎหมาย ยังไงเราก็เป็นพ่อเป็นแม่อยู่แล้วมันปฏิเสธไม่ได้
ถามว่าเขาได้เซ็นรับรองบุตรหรือยัง ยังอยู่ในขั้นตอนของศาล ในทะเบียนเขาก็เป็นพ่อแต่ว่าในทางกฎหมายที่ชัดเจนก็ยังอยู่ในขั้นตอนของศาลเพราะว่าเราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เรื่องการดูแลไม่มีปัญหาค่ะ เราไม่ได้ปิดกั้นอยู่แล้ว พ่อเขาจะมาหาตอนไหนก็ได้ แต่นาริตะเขาก็เรียนจันทร์ถึงศุกร์ พ่อจะมารับไปเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ แต่โตเกียวเขาไม่ได้เรียน อยู่กับป้าทุกวันพ่ออยากมาหาตอนไหนก็ได้”
เป็นไปไม่ได้จะให้ลูกไปเรียนที่ขอนแก่นตอนนี้ แต่หากโตแล้วลูกอยากไปอยู่กับพ่อก็ไม่บังคับ
“เราคุยกันแล้วค่ะคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเราติดลูก แต่ถ้าเกิดเขาโตแล้วเขามาบอกว่าลูกอยากไปอยู่กับพ่อ อยากไปเรียนขอนแก่นอยู่กับพ่อ อันนี้ได้เราให้สิทธิ์ลูกเต็มที่ให้ลูกเลือกเลย เขาโตแล้วความคิดเขาว่าอยากที่จะอยู่ตรงไหนแพรวจะไม่บังคับลูกแต่เขาเลยให้เขาดูก่อนไม่ปิดกั้นแน่นอนค่ะ”
ฟ้องร้องเรื่องทรัพย์สินให้เป็นไปตามกฎหมาย หากไม่สบายใจ ยินดีเซ็นพินัยกรรมให้ลูก
“ทรัพย์สินต่างๆ มันก็เป็นชื่อของใครของมันอยู่แล้ว เราไม่ได้เก็บเงินด้วยกันตั้งแต่แรกๆ ธุรกิจห้างหุ้นส่วนมันก็แยกกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ให้เป็นไปตามเอกสารทางกฎหมายแล้วกัน ถามว่าเรื่องนี้ได้คุยกับเขาไหม มันชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเป็นชื่อของใครตั้งแต่แรก และเรื่องการบริหารธุรกิจก็ของใครของมันอยู่แล้วแต่เรื่องไลฟ์เพจนาริตะ มันเป็นส่วนของการบริหารวง แล้วก็ให้ลูก ถ้าไม่สบายใจแพรวยินยอมที่จะเซ็นพินัยกรรมให้ลูกทั้งสองคนได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนั้นขึ้นอยู่กับศาลค่ะให้เป็นเรื่องของศาลเขาตัดสินเอง
การไกล่เกลี่ยไม่มี ยังเป็นขั้นตอนกระบวนการของศาล ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ ทำงานอยู่กับลูกเราก็ไม่เดือดร้อนอะไร ยังใช้ชีวิตปกติเตรียมเปิดวงคอนเสิร์ตเปิดฤดูกาลและก็เตรียมซ้อมเหมือนเรามีกิจกรรมออนทัวร์ เราก็ทำไปแล้วก็เรื่องความเป็นอยู่ของทีมงานและครอบครัวก็แฮปปี้อยู่กับลูกๆ”
ยังไม่มีคนดูแลหัวใจ แต่ทักมาเลี้ยงข้าวได้ เดี๋ยวพาทีมงานไปถล่ม
“ยังค่ะ ตอนนี้ดูแลตัวเองได้ ให้มันเป็นเรื่องของเวลา ตอนนี้เราแฮปปี้กับการอยู่ตรงนี้ อยู่กับลูกอยู่กับงาน (เคล็ดหรือเปล่า ?) มันรู้สึกเฉยกับความรู้สึกตรงนั้นไปแล้ว บางคนเค้ามาถามเขามาคุยว่าเปิดใจหรือยังก็บอกตรงๆ ว่าคุยเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องได้ มีคนเข้ามาทักทายเลี้ยงข้าวได้นะ เดี๋ยวพาทีมงานไปถล่ม”
ทำใจทำอะไรทัวร์ลงหมด คอนโทรลไม่ได้
“ตอนนี้ทำอะไรทัวร์ก็ลงหมดแหละเราจะขยับนิดขยับหน่อยก็มีข่าวไปหมด ใจเรายังไม่ต้องการอย่างนั้นค่ะ เราเอาที่ใจเราดีกว่าว่าใจเราต้องการแบบไหนว่าใจเรามีความสุขแบบไหนมากกว่า แพรวเป็นคนที่รักตัวเองรักครอบครัวรักองค์กร ชุดไหนที่เรามีความสุขเราก็จะนำพาตัวเองไปอยู่จุดนั้นปัจจุบันเรามีปัญหามากมายเราก็ต้องมีสติ โอเคสิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถไปคอนโทรล หรือแก้ไขในอดีตที่มันเกิดขึ้นแล้ว แต่ ณ ปัจจุบัน เราทำอยู่หน้าที่ของเราคืออะไรและเราจะดำเนินชีวิตไปอย่างไรให้เรามีความสุขแค่นั้น”
ใครท้อไม่ไหวให้ดูตน
“แพรวก็อยากให้กำลังใจคนที่กำลังท้อ กำลังเจอปัญหาและอุปสรรค อยากจะบอกว่าปัญหาและอุปสรรคมันไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดเดี๋ยวมันก็ผ่านไป แต่เราจะเข้มแข็งและสู้กับมันได้ด้วยวิธีไหน อยากจะให้กำลังใจอย่าท้อ ฉันเจอเรื่องแค่นี้ฉันไม่ไหวอยากให้ดูแพรวพราวก่อนว่าฉันเจออะไรมาบ้าง และอีกอย่างคนเราไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ มันจะมีช่วงทุกข์ช่วงสุขมันเป็นช่วงเวลาของมัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ต้องสู้ต้องสตรองแล้วก็ต้องรักตัวเองให้รักครอบครัวมากๆ ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ เป็นกำลังใจให้”
อดีตสามีอยากแซะอะไรก็แซะ หลังออกรายการคุยแซ่บโชว์ ห้ามมือเขาไม่ได้ ตอนนี้มีความสุขแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะเขาอยากจะโพสต์อะไรก็โพสต์ เราไม่ได้รับรู้และไม่ได้รับในสิ่งนั้น เราก็ใช้ชีวิตของเราไปอย่างมีความสุขเราก็ไม่ทุกข์ หรือใครจะโพสต์อะไรเราก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามเขาได้ หรือว่าหรือว่าใครจะคอมเมนต์อะไรเราก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามมือเขาได้ ถ้าคุณจะมีความสุขแบบนั้นก็มีความสุขไปแต่ฉันมีความสุขในชีวิตของฉันแล้ว ณ ปัจจุบัน ฉันแฮปปี้ฉันเลี้ยงลูกฉันทำงานฉันมีอาชีพ ฉันมีงานทำโฟกัสแค่นี้ค่ะถ้าเราจะเอาเรื่องตรงนั้นนั้นมาคิดว่าคนโน้นคนนี้ว่าฉันหรือเปล่าอันนั้นจะไม่มีความสุขค่ะ”
ไม่ชนดะแล้ว ปล่อยวาง ขนาดเพลงใหม่คนยังวิจารณ์ไม่เพราะเลย แต่ก็ขอบคุณที่เขามาฟัง ขอบคุณตัวเองพาร่างกายและจิตใจบอบช้ำให้ลุกขึ้นมาได้
“ใช่ค่ะ คนเรามันก็ต้องมีบ้างแต่ทุกวันนี้ขอบคุณค่ะขอบคุณที่อุตส่าห์มาติดตาม เหมือนเพลงฉลองโสดที่เราปล่อยไป ก็มีคนเข้ามามาเมนต์ว่าไม่เห็นจะเพราะเลย เราก็ขอบคุณที่เข้ามาฟัง มีคอมเมนต์โน่นนี่นั่นก็มาฟังเยอะเยอะนะด่า แล้วช่วยเข้ามาฟังด้วยจะได้ด่าถูกว่าจะด่าไปอย่างไร
เวลาทำให้เราสตรอง จากที่เราเจอมรสุมมาลูกใหญ่พอมาถึงจุดนี้เราต้องขอบคุณตัวเอง ที่นำพาร่างกายและจิตใจอันบอบช้ำ ลุกขึ้นมาด้วยตัวของเราเองเราขอบคุณตัวเราเองมาก และมันก็จะทำให้เราเก่งมากขึ้นไม่ว่าจะเจอปัญหาดรามาอะไร เราสามารถที่จะอยู่กับมันได้ เราสามารถที่จะข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้ และเราสามารถนำมาสอนลูกหลานเราได้ แต่จริงๆ เราก็บอบช้ำมาเยอะ”
ยอมรับบางอย่างก็เกิดขึ้นเพราะตัวเอง โทษคนอื่นไม่ได้ทั้งหมด ต้องโทษตัวเองด้วย
ถามว่าเราฮีลใจตัวเองยังไง เราต้องมองให้เป็นกลาง จะให้คนมารักเราร้อยเปอร์เซ็นต์คงเป็นไปไม่ได้ แล้วปกติถ้าเกิดไม่มีดรามาก็จะมีคนที่ไม่ชอบเราอยู่แล้ว คนรักคนเกลียดเป็นเรื่องปกติช่วงไหนมีดรามาเป็นข่าวเราก็ต้องยอมรับมัน เราต้องยอมรับในสิ่งที่เรากระทำบางเรื่องที่มันเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นจากตัวเรา เพราะฉะนั้นเราจะไปโทษคนอื่นไม่ได้ เราต้องโทษตัวเองด้วย เราต้องรู้จักโทษตัวเองด้วยนะว่ามันเกิดขึ้นเพราะเรานี่แหละ ถ้าเกิดเราไม่ทำอย่างนั้น มันคงไม่เป็นแบบนี้หรอกเพราะฉะนั้นมันเกิดขึ้นแล้วเรามาคิดใหม่ทำใหม่ ทำอย่างไรที่จะฮีลใจตัวเองได้ทำอย่างไรเรามีสติได้ และก็ดำเนินชีวิตปกติสุขได้”