xs
xsm
sm
md
lg

เผยตัวเลขเงินดาวน์ที่ “BlackPink” จะได้จาก YG Ent. หากต่อสัญญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใกล้หมดสัญญาระหว่างกันเข้าไปทุกทีแล้วสำหรับเกิร์ลกรุ๊ปดัง BlackPink กับ ค่าย YG Entertainment ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 8 ส.ค. ที่จะถึงนี้ท่ามกลางนักลงทุนที่ต่างรอคอยข่าวอย่างใจจดใจจ่อ ว่าทั้ง 4 คนจะต่อสัญญากับทางค่ายหรือไม่ เพราะนับตั้งแต่มีข่าวความไม่แน่นอนเรื่องการต่อสัญญาของ 4 สาว BlackPink ก็ทำเอาหุ้นของ YG Ent. ร่วงหนัก โดยล่าสุดมีการวิเคราะห์ถึงรายได้เงินดาวน์เบื้องต้นที่สาวๆจะได้จากทางค่ายหากทำการต่อสัญญาด้วย

อย่างไรก็ตามข่าวการต่อสัญญาของสาวๆ ยังไม่ได้รับการยืนยันและตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆจะมีทัวร์ BORN PINK ที่อเมริกาในวันที่ 11 - 26 ส.ค. จึงคาดว่าการประกาศเรื่องต่อสัญญาหรือไม่คงจะถูกเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าจะถึงเดือน ก.ย.

เมื่อพิจารณาจากวันที่เดบิวต์ของสาวๆคือวันที่ 8 ส.ค. 2016 สัญญาของสาวๆจึงคาดกันก่อนหน้านี้ว่าน่าจะมีการประกาศในวันที่ 8 ส.ค. 2023 โดยคาดการณ์ว่าการต่อสัญญาครั้งนี้ของ BlackPink สาวๆจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นคิดเป็น 80% ของผลกำไรจากงานทั้งหมด ในขณะที่ YG ได้รับเพียง 20% ซึ่งยังคงเป็นที่ถกเถียงและที่สนใจ พร้อมกับส่งให้มีการประเมินบริษัทอีกครั้งหากมีการประกาศต่อสัญญา

ส่วนสถานการณ์ในขณะนี้ที่ศิลปินและทางค่ายยังหาข้อตกลงกันไม่ได้และยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ จึงเป็นเรื่องปกติที่สัญญาการทำงานจะถูกยืดระยะเวลาออกไปด้วยเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อนหน้าจนกว่าจะหมดอายุสัญญา แต่จากที่มีการประกาศล่าช้า จึงต้องเฝ้าระวังว่า BlackPink จะต่อสัญญาจริงหรือไม่หลังวันที่ 8 ส.ค.นี้ตามข่าวลือที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ YG Ent. ได้มีการพูดถึงข้อตกลงว่ามีความเป็นไปได้เรื่องต่อสัญญา แต่ก็สืบเนื่องมาจากตารางเวิลด์ทัวร์ได้กำหนดวันเอาไว้แล้ว จึงเป็นไปได้ว่าสาวๆเพียงแค่ยอมให้ขยายสัญญาออกไปจนถึงปลายเดือน ส.ค. เช่นเดียวกับกรณีของบอยแบนด์ iKON ซึ่งมีการประกาศสถานะต่ออายุสัญญาออกไป 3 เดือนหลังจากวันหมดอายุโดยประมาณ ( เดบิวต์ในเดือน ก.ย. 2015 และตัดสินใจออกจาก YG ในวันที่ 30 ธ.ค. 2022 )

แม้บางคนในตลาดหุ้นมองว่าคอนเสิร์ตที่มีกำหนดถึงปลายเดือน ส.ค. จนต้องยืดอายุสัญญาออกไปจะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการต่อสัญญา แต่ก็มีข่าวลือเกิดขึ้นสำหรับสมาชิกแต่ละคนทั้ง ลิซ่า เจนนี่ จีซู และ โรเซ่ ว่าสาวๆกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆกับบริษัทต่างประเทศหรือแม้แต่เปิดบริษัทของตนเอง อย่างไรก็ตามยังเป็นเพียงแค่การคาดเดา และยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด

งานนี้เห็นชัดว่าผลประโยชน์เริ่มขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดของการต่อสัญญากับ BlackPink ด้าน ชายูมี นักวิเคราะห์จาก Mirae Asset Securities ได้ประเมิณถึงเงินดาวน์ของสมาชิกแต่ละคนที่คาดว่าจะได้รับการเสนอจากทางค่ายอยู่ที่ 1 - 1.5 พันล้านวอน หรือประมาณ 26.5 - 39.9 ล้านบาท โดยวิเคราะห์ตามข้อตกลงที่เคยเกิดขึ้นกับวง Big Bang และ Twice แต่คาดว่าความนิยมไปทั่วโลกของ BlackPink น่าจะส่งผลกระทบต่อการต่อรองตัวเลขของยอดเงินจำนวนนี้พอสมควร และยังส่งผลต่อกำไรของบริษัท เนื่องจาก BlackPink มีพลังในการขายบัตรคอนเสิร์ตที่สามารถ sold out ทันทีที่เปิดจำหน่ายบัตรด้วย

เป็นที่น่าสังเกตว่าการแบ่งกำไรระหว่างศิลปินกับบริษัทจะเปลี่ยนไปจากสัญญาฉบับแรกอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแต่เดิมคือ จำนวนปีในสัญญา: 7 ปี
ส่วนแบ่งอัลบั้ม: บริษัท(50%), ศิลปิน (50%)
ส่วนแบ่งอัลบั้มหลังจากต่อสัญญา : บริษัท(30%), ศิลปิน (70%)
งานอีเวนท์: บริษัท(40%), ศิลปิน (60%)
งานโปรโมทต่างประเทศ: บริษัท(50%), ศิลปิน (50%) 

แต่หากมีการต่อสัญญาใหม่ ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะไปตกที่ตัวศิลปินแทนที่จะเป็นบริษัท โดยคาดว่าคราวนี้ศิลปินจะได้รับรายได้ 80% ขณะที่บริษัทจะได้รับ 20% เนื่องจากศิลปินได้รับความนิยมสูง และเป็นที่ต้องการสูงของตลาดหลังจากเดบิวต์ได้ไม่กี่ปี ผลประโยชน์โดยรวมของบริษัทจึงได้รับลดน้อยลงหากมีการเจรจาต่อสัญญาใหม่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันหากบริษัทสามารถทำให้ศิลปินต่อสัญญากับทางบริษัทได้แล้ว แม้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากศิลปินจะลดน้อยลงแต่ราคาหุ้นก็จะขยับตัวสูงขึ้นเมื่อมีการประกาศต่อสัญญา

ทางด้านชาวเน็ตก็ได้พากันแสดงความคิดเห็นว่า “ YG ควรจะขอร้องให้พวกเธอต่อสัญญานะ เพราะรายได้ส่วนมากก็มาจาก BlackPink” , “ตอนนี้ YG ขึ้นอยู่กับ BlackPink พวกเขาก็ได้แต่หวังว่า BABYMONSTER จะประสบความสำเร็จถ้า BlackPink ออกจากค่าย” , “หรือว่าค่ายยังจ่ายไม่มากพอที่ชวนให้อยากต่อสัญญา”, “1.5 พันล้านวินมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ?”, “ฉันว่า YG ควรยื่นข้อเสนอเงินต่อสัญญาให้มากกว่านี้นะ”, “คิดว่ายังไง BlackPink ก็ยังคงเังอยู่หากแยกย้ายไม่ต่อสัญญา พวกเธอควรไปหาที่อื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า”





กำลังโหลดความคิดเห็น