xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยชีวิต "สีดา" กับตำนานรัก "โลงคู่" วัดหัวลำโพง (เวอร์ชันเพิ่มเติม)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะตายตามไปด้วย"
...
เข้าเดือนกุมภาพันธ์เช่นนี้ หากจะให้ยกตัวอย่างเรื่องราวของคู่รักที่กลายเป็นตำนานของบ้านเรา เชื่อว่าโศกนาฏกรรมแห่งความรักของ "สีดา" กะเทยที่เกิดในตระกูลครอบครัวที่ร่ำรวย กับ "ชีพ" แฟนหนุ่มผู้ต่ำต้อยนั้นน่าจะเป็นเรื่องราวที่ได้ฟังทีไรก็ชวนให้น่าสนใจทุกครั้งไป

ไม่ต่างอะไรจากความรักของ" โรมิโอ" และ "จูเลียต" จะผิดกันก็แต่นั่นคือเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา หากแต่เรื่องราวความรักคู่นี้นี้คือเรื่องจริง!

ประโนตย์ วิเศษแพทย์ ภาพนี้ถ่ายและเคยตั้งโชว์ที่ห้องภาพ ฉายาจิตรกร
"สีดา-นางงาม 50 มงกุฎ"

ด้วยความที่เกิดในครอบครัวที่มีแต่พี่น้องที่เป็นผู้หญิงล้วนทำให้ "ประโนตย์ วิเศษแพทย์" (1 กรกฎาคม 2481 - 2 พฤษภาคม 2510) ได้นิสัยจริตจะก้านมาจากพี่สาวน้องสาวของตนเอง

อย่างไรก็ตาม แม้ครอบครัว "วิเศษแพทย์" ของเขาจะได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีที่ดินย่านสวนพลู มีที่ดินเป็นจำนวนมาก แต่ "พ่อยงค์" ซึ่งมีอาชีพเป็นหมอปรุงยาอยู่ที่จุฬาฯ และ "หม่อมหลวงบุญนาค" ผู้เป็นมารดาก็หาได้มีความรังเกียจหรือแสดงความปิดกั้นในตัวตนที่แท้จริงของลูกชายคนนี้

หลังเรียนจบชั้นประถมที่โรงเรียนธนศิลป์ "ประโนตย์ ได้เข้าเรียนต่อที่เรียนโรงเรียนนาฏศิลปก่อนมีโอกาสรับบทเป็นนาง "สีดา" ในการแสดงโขนตอน "นางลอย"

ด้วยความงามที่สะดุดสายตาของใครต่อใคร จนกลายเป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว จากนั้นมาเขาจึงถูกเรียกขานว่า "สีดา" มาโดยตลอด แต่แล้วก็เป็นเพราะบท "สีดา" นั่นเองที่ทำให้เขาต้องถูกโรงเรียนไล่ออกหลังจากละเมิดระเบียบของโรงเรียนที่ห้ามไปแสดงโขนกับบุคคลภายนอก

หลังออกจากการเป็นนักเรียนของวิทยาลัยนาฏศิลป "ประโนตย์" เริ่มเดินสายประกวดนางงามตามเวทีต่างๆ และคว้ามงกุฎมาครองมากมาย จนได้รับฉายา “นางงาม 50 มงกุฎ”

ความงามของเขาสมัยนั้นเรียกว่า “สวยไร้คู่แข่ง - สวยไม่ปรานีปราศรัย” จนบรรดากะเทยร่วมรุ่นถึงกับข่มขู่เวทีประกวดสาวงามประเภทสอง ในยุคนั้นว่า...“ถ้าเวทีไหนมีปราโนต นางโนต อีโนต (แล้วแต่จะเรียก) เข้าประกวด คนอื่นจะไม่ยอมลงประกวดด้วย" กันเลยทีเดียว

โลงคู่ในตำนาน
ตำนาน(รัก)โลงคู่

ในการประกวดเวทีสุดท้ายที่วัดระฆังโฆสิตาราม (ซึ่งเขาก็คว้ามงกุฎไปครองเหมือนเดิมแม้อายุจะเริ่มเยอะแล้ว) "ประโนตย์" จึงมีโอกาสได้พบเจอกับ "สมบูรณ์" ก่อนที่ทั้งสองจะตัดสินใจคบหาและใช้ชีวิตร่วมกัน

ไม่ต่างอะไรจากกะเทยยุคนั้น เพราะแม้จะมีหน้าตาสะสวยอย่างไร แต่เรื่องความรักของ "สีดา" คนนี้ก็หาได้จีรังยั่งยืน

แรกๆ ทั้งสองก็เป็นคู่หวานคู่หนึ่ง ทว่าด้วยปัญหาหึงหวงก็นำมาซึ่งการทำเลาะเบาะแว้ง ถึงขั้นตบตีอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายหลังอยู่กินกันนานกว่า 7 ปี ในคืนหนึ่งฝ่ายชายก็ขนของหนีออกจากบ้านที่ซอยสวนพลู เรื่องนี้สร้างความเสียใจให้กับ "ประโนตย์" อย่างมาก เขาหันมาดื่มหนัก ออกเที่ยวกลางคืนเพื่อลืมความทุกข์

นานกว่าสองปีที่ต้องอยู่กับความเศร้า "ประโนตย์" ก็ได้พบรักกับ "ชีพ" (สมชาติ แก้วจินดา) โชว์เฟอร์แท็กซี่หน้าตาดีแต่ฐานะทางบ้านยากจน (ครอบครัวอยู่ในสลัมย่านทุ่งมหาเมฆ) ที่ขับรถพาเธอพร้อมกะเทยรุ่นพี่มาส่งที่บ้านในคืนหนึ่งในสภาพเมามายไม่ได้สติ

ในการอนู่กินกัน "ชีพ" แสดงความจริงใจในการมาคบหากับลูกเศรษฐีมีชาติตระกูลด้วยการให้ "ประโนตย์" เก็บเงินรายได้ทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาว่า "เขามาเกาะกะเทยกิน" แต่ถึงแม้จะรักกันขนาดไหน ทว่าชีวิตรักของทั้งสองก็มีปัญหาอันเนื่องมาจากความหึงหวงเหมือนเดิม

หลังมีข่าวหญิงสาวมาติดพันสามี "โนตย์" ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการออกรถสองแถวให้อีกฝ่ายขับแทนแท็กซี่เพราะอยากให้กลับบ้านตรงเวลา แต่แล้วเธอก็ยังไม่สบายใจ หนักเข้ก็ถึงขั้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ "ชีพ" ขับ ซึ่งสร้างความอึดอัดให้เขาเป็นอย่างมากจนต้องขอร้องว่าอย่าทำเลย

ด้านเธอเองก็ยอมแต่ขอให้ "ชีพ" ลั่นคำสาบาน...“ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะต้องตายตามไป” นี่คือถ้อยความที่ทั้งคู่ให้กันไว้ที่วัดพระแก้วและศาลหลักเมือง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ยังทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเดิม

หนักเข้า "ชีพ" จึงขอแยกตัวไป ทำให้ "โนตย์" เริ่มคิดสั้นและเริ่มทำร้ายตัวเอง ก่อนตัดสินใจกินยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2510

ศพเจ้าของบท "สีดา" ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหัวลำโพง โดยทางบ้านปรึกษากันว่าจะสวดศพ 3 คืนและเก็บศพไว้ 100 วันจึงเผา ซึ่งระหว่างงานศพ "ชีพ" ที่รู้ข่าวได้มาร่วมงานด้วยความเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากและตัดสินใจที่จะบวช(เณร)อุทิศส่วนกุศลให้

หลังสึก(เอง) "ชีพ" ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านของโนตย์ในซอยสวนพลู ในตอนนั้นใครๆ ต่างก็คิดว่าเขาทำใจได้แล้วและไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นอีก

แต่แล้วในวันที่ 15 พฤษภาคม หรือ 13 วันถัดมาหลังการเสียชีวิตของ "ประโนตย์" เขาก็กินยาซึ่งเป็นขวดเดียวกับที่ภรรยาดื่มฆ่าตัวตายตามพร้อมจดหมายสั่งลาว่า..."ให้นำเงินจำนวนดังกล่าวนี้เพื่อไปทำศพของผม ขอให้พี่ๆ ช่วยเป็นภาระในการเลี้ยงดูแม่ ส่วนศพของผมให้เอาไว้ที่วัดหัวลำโพงคู่กับศพของโนตย์"

นั่นเองที่ทำให้ทางญาติๆ ต้องนำศพของ "ประโนตย์" ที่ตั้งใจจะเก็บไว้ 100 วันออกมาตั้งคู่กันในการสวดศพจำนวน 3 วันของ "ชีพ" จนเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2510 ท่ามกลางปริศนาที่ว่าเขาไปเอาขวดยาดังกล่าวมาจากไหน และเรื่องชวนขนลุกที่ว่าเขานอนตายบนเตียงเดียวกับที่ภรรยาตาย

จากนั้น "ตำนานรักโลงคู่ วัดหัวลำโพง" ของทั้งสองก็ถูกหยิบมาถ่ายทอดในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้ง บทเพลง "สีดา" ที่แต่งโดย "สุรพล โทณะวณิก" ในปี 2532 หนึ่งในผลงานเพลงอัลบั้ม "อย่างลึกซึ้งแด่คุณคนพิเศษ" ของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์, ละครเวที "ฉุยฉายเสน่หา" แสดงที่ Democrazy Theatre Studio เมื่อ 18 กรกฎาคม- 5 สิงหาคม 2556, และหนังสีดา "รักโลงคู่" กำกับโดย เอกชัย ศรีวิชัย ฉายเมื่อ 10 ธันวาคม 2563

ภาพที่ใช้ในงานศพ
หมายเหตุ : หลายปีก่อน MGR OnLine เคยนำเสนอสกู๊ปเรื่องราวตำนานรักของทั้งสองมาแล้วผ่านบทความเรื่อง "สืบจากเพลง “สีดา” ตำนานรัก “โลงคู่” วัดหัวลำโพง"

ล่าสุดทีมข่าว "ละครออนไลน์" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "ประนอมนิตย์ ศรีแสง" วัย 86 ปี และน้องสาวปราณี คชสุนทร วัย 83 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของ "ประโนตย์ วิเศษแพทย์" รวมถึงได้รับภาพที่เจ้าตัวเคยถ่ายที่ห้องภาพ "ฉายาจิตรกร" จึงขอนำข้อมูลทั้งหมดมาเรียบเรียงใหม่เพื่อความสมบูรณ์

สามารถติดตามอ่านหรือชมคลิปได้ที่ สกู๊ปพิเศษ : "สีดา" เลิฟสตอรี่ "ชายรักชาย"!

ประโนตย์ (คนกลาง) ในบท พระราม

สื่อที่มีการสำเสนอข่าว

เมื่อครั้งบวชเป็นพระ

ภาพครอบครัว เด็กชาย ประโนตย์ผูกไทค์ยืนหลังแม่หม่อมหลวง บุญนาค วิเศษแพทย์ (ฉัตรกุล) ข้างคุณพ่อยงค์







กำลังโหลดความคิดเห็น