สกู๊ปพิเศษ
"สีดา" เลิฟสตอรี่ "ชายรักชาย" !
ความตายไม่อาจพรากเราจากกัน
"ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะตายตามไปด้วย" ....
19 มกราคม 2566
"ละครออนไลน์" ใช้เวลาหลายวันในการตามหา "ครอบครัว วิเศษแพทย์" ที่ซอยสวนพลูจนเจอ! 12 ปีที่แล้ว … พฤษภาคม 2554 MGR OnLineเคยทำสกู๊ปพิเศษ เรื่อง สืบจากเพลง “สีดา” ตำนานรัก “โลงคู่” วัดหัวลำโพง มียอดผู้เข้าถึง 44, 794 ... เรื่องของประโนตย์และชีพ ในช่วง 10 ปีมานี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดละครเวที "ฉุยฉายเสน่หา" (ปี 2556) , หนัง "สีดา ตำนานรักโลงคู่" (ปี 2563) ของเอกชัย ศรีวิชัย และสารคดีชิ้นเยี่ยม "สีดา รักโลงคู่" ในรายการ "ความจริงไม่ตาย" ทางสถานีไทยพีบีเอส (ปี 2561)
วันนี้ "ละครออนไลน์" เปิดภาพ "นางงาม 50 มงกุฎ" ที่เคยถ่ายที่ห้องภาพ "ฉายาจิตรกร" พร้อมเรื่องราว-ภาพเก่าที่ยังพอจำและพอหาได้ แม้จะน้อยเต็มที บนความทรงจำสีจางของพี่สาว "ประนอมนิตย์ ศรีแสง" ในวัย 86 ปี และน้องสาว ปราณี คชสุนทร วัย 83 ปีในวันนี้
ประโนตย์ วิเศษแพทย์ ( 1 กรกฎาคม 2481 - 2 พฤษภาคม 2510) เมื่อ 56 ปีก่อน(พ.ศ. 2510) หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ตีพิมพ์เรื่องราวการฆ่าตัวตายของเธอกับคนรักหนุ่ม! บ้างเชื่อว่า เพราะอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกตที่ประโนตย์ วิเศษแพทย์กับสมชาติ แก้วจินดาไปสาบานรักด้วยกัน , แม้จะตายห่างกัน 13 วัน แต่เหลือเชื่อ ! ทั้งคู่ดื่มยาพิษจากขวดเดียวกัน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลบนเตียงเดียวกัน ! .... การสนทนาวันนี้ ทำให้เรารู้เพิ่มเติมว่า สมัยที่ ประโนตย์ ยังมีชีวิตอยู่นั้น ภาพถ่ายบานใหญ่ของเธอ เคยถูกตั้งโชว์ไว้ที่ห้องภาพ "ฉายาจิตรกร" บริเวณถนนตรีเพชร ศาลาเฉลิมกรุง , เธอเป็นนักเรียนนาฏศิลป รุ่นเดียวกับนักแสดงเจ้าบทบาท "มี้" พิศมัย วิไลศักดิ์ , คราวหนึ่ง โนตย์และผองเพื่อนแต่งหญิงไปเที่ยวงานที่สวนลุมพินี ได้มีโอกาสพบและคุยกับจอมพลผ้าข้าวม้าแดง "สฤษดิ์ ธนะรัชต์"นายกรัฐมนตรีในงานด้วย!
ชีวิตของ "ชายรักชาย" เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง มีตัวตนในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของ "คุณแม่สีดา" แม้จะเป็นเรื่องของกะเทยรุ่นเก่าที่ให้ความสำคัญกับผู้ชายและความรักเป็นที่สุด เธอเป็นหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ก่อนพลิกผ่านสู่ยุคของโลก LGBTQ+ ในปัจจุบัน ...
"สีดา - พระราม" รักในรั้วนาฏศิลป
พี่-น้องและคนในตระกูล "วิเศษแพทย์" รู้เพียงว่า ผู้ชายที่มาเกี่ยวข้องกับประโนตย์มีเพียง "สมบูรณ์" และ "ชีพ" สมชาติ แก้วจินดาเท่านั้น ! ทว่าความจริง จากข้อเขียนเรื่อง "อดีตรักอมตะของสีดา นักเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร" " ในคอลัมน์ "เกย์ไทยในอดีต" ของนิตยสารเกย์ชื่อ "มิถุนา" เมื่อปี 2533 โดย "แอน" ทวีศักดิ์ ชวนานนท์ ทำให้รู้ว่า
รักครั้งแรกของนางละคร "สีดา" คือ ผู้แสดงตัวเป็น "พระราม" นั่นเอง ! เป็นความรักแบบเด็กๆในวัย 12-14 ปีที่เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน .... เป็นความรักในช่วงสั้นๆเพียง 2 ปี ระหว่างที่โนตย์ยังอยู่ในรั้วโรงเรียนนาฏศิลปเท่านั้น ....เรื่องนี้ รู้กันในหมู่เพื่อนที่โรงเรียน เมื่อสีดาออกจากรั้วนาฏศิลป ความสัมพันธ์ ความผูกพันกับ "ราม" ก็สิ้นสุดลง ไม่ได้ติดต่อกันอีก ส่วนเพื่อนๆก็ยังคบหาและไปมาหาสู่กันที่บ้านสวนพลูเป็นปกติ
"แอน" หรือ เด็กชายทวีศักดิ์ และ เด็กชายดำรงค์ ชื่นสมทรง เป็นกะเทย (เรียกและรับรู้ในสมัยนั้น) รุ่นพี่ในรั้วนาฏศิลปก่อนประโนตย์ 2 ปี เด็กชายประโนตย์ วิเศษแพทย์ก้าวเข้ารั้วโรงเรียนนาฏศิลปในปีพ.ศ. 2493 เมื่ออายุ 12 ปี เธอขี่รถจักรยานจากบ้านซอยสวนพลูเดินทางมาเรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป สนามหลวง ซึ่งไกลมากในยุคที่การคมนาคมยังไม่เจริญ ! ในรุ่นเดียวกับโนตย์ ยังมี เด็กชายไพฑูรย์ ศราคนี อีกคนหนึ่งด้วย
ทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนสนิทในรั้วโรงเรียนเดียวกัน พวกเธอเรียกโรงเรียนนาฏศิลปแห่งนี้ว่า "ในกรม" !
กรมศิลปากรว่างเว้นจากการฝึกโขนในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปหลายปี เมื่อสงครามสงบ ทางราชการได้มีคำสั่งให้เร่งฝึกหัดนักเรียน "ศิลปินโขน" เพื่อแสดงออกในงานสำคัญๆ ครูได้คัดตัวให้แสดงโขน แรกๆก็เป็นแค่ตัวประกอบ จำพวก นางกำนัล, นางระบำ, เทพบุตร-นางฟ้า จากนั้นได้พัฒนามาแสดงใน "โรงละครของกรม" (สมัยนั้นไม่ได้เรียก "โรงละครแห่งชาติ" อย่างสมัยนี้)
การแสดงโขนตอน "นางลอย" ในคราวนั้น ทั้ง 4 คน แสดงบทต่างๆดังนี้
ทวีศักดิ์ ชวนานนท์ เป็นนางเบญจกาย
ดำรงค์ ชื่นสมทรง เป็นนางมณโฑ
ไพฑูรย์ ศราคนี เป็นนางตรีชฎา
ประโนตย์ วิเศษแพทย์ เป็นนางสีดา
โขนนางลอยซ้อมกันอยู่ 2 เดือน เปิดการแสดงราว 3-4 เดือน จนหน้าฝนก็หยุดการแสดง
ผู้คนในยุคนั้นจดจำโนตย์ในชื่อของ "สีดา" เธอมีความสวยงามไม่แพ้หญิงแท้ๆ แม้ว่าการร่ายรำจะยังเป็นรองอยู่ก็ตาม ความงามที่สะดุดสายตาของใครต่อใคร เป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว สมัยนั้น สาวประเภทสองยังไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง ศัลยกรรมใดๆ เช่นในปัจจุบัน
นางละคร "สีดา" ได้รับการติดต่อให้ไปโชว์ตัวร่ายรำที่นั่นที่นี่ ....
ประนอมนิตย์ พี่สาวของประโนตย์ เล่าตอนหนึ่งให้ฟังว่า
"เค้าเป็นคนสวยเพราะได้เป็นนางสีดา แล้วเค้าก็หนีไปที่เชียงใหม่ ไปเล่นเป็นตัวนางสีดา ไม่ไปโรงเรียนเลยถูกไล่ออก ไปเล่นถึงนครพนม คุณแม่ก็ตามไป พี่ไปกับคุณแม่สองคน ไปดูถึงนครพนม"
ปราณี คชสุนทร วัย 83 ปี ภรรยาของปราโมทย์ คชสุนทร (ผู้ล่วงลับ) อดีตนักหนังสือพิมพ์ ดาวสยามและไทยรัฐ เจ้าของคอลัมนิสต์"ดับเครื่องชน" กล่าวเสริมว่า "โนตย์เรียนรุ่นเดียวกับพิศมัย วิไลศักดิ์" !
หนังสือพิมพ์สมัยนั้น ตีพิมพ์ภาพประโนตย์ใส่เครื่องทรงนางสีดาฟ้อนรำ เรื่องนี้ผิดกฎและรู้ไปถึงโรงเรียน จึงเป็นเหตุผลที่ประโนตย์ วิเศษแพทย์ต้องออกจากโรงเรียน "สีดา" ไม่ใช่นางเอกกรมศิลป์ แต่เป็นเพียงนักเรียนนาฏศิลปคนหนึ่งเท่านั้น
ครอบครัวเศรษฐีย่านสวนพลู
ครอบครัว "วิเศษแพทย์" เป็นเศรษฐีที่ดินย่านสวนพลู มีที่ดินเป็นจำนวนมาก "พ่อยงค์"เป็นบุรุษพยาบาล นุ่งโจงกระเบน เป็นหมอปรุงยาอยู่ที่จุฬาฯ ส่วนแม่ "หม่อมหลวงบุญนาค" (นามสกุลเดิมคือ ฉัตรกุล) มีลูกด้วยกัน 5 คน ประโนตย์เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ในลำดับที่ 2 รองจาก ประนอมนิตย์ (ศรีแสง), และ ผู้หญิงอีก 3 คนหลังคือ ปราณี (คชสุนทร), นิยมพร และจันทราทิพย์ แม่รักลูกชายคนนี้มาก ตามใจ จัดให้ทุกอย่างไม่เคยขัด
เกือบ 100 ปีที่แล้ว พ่อยงค์และแม่บุญนาคเป็นเศรษฐีที่ดินย่านนี้ มีธุรกิจบ้านเช่าอีกด้วย ที่ดินบริเวณหลังตลาดสวนพลูเป็นของตระกูลนี้ ต่อมาที่ดินส่วนต่างๆได้แบ่งขายกันเป็นไร่ๆ หรือแบ่งเช่าที่ดินให้ชาวสวนปลูกหมาก พลู และผลไม้อื่นๆ เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ , รวมถึง บ้านแบ่งเช่า มรดกเหล่านี้ต่อมาถูกแบ่งให้ลูกๆทุกคน ณ บริเวณบ้านพักในปัจจุบัน สมัยก่อนยังเป็นสวน มีคลอง ใช้เรือลำใหญ่ในการสัญจร ยังไม่มีทางรถยนต์ คนในบ้านจะเข้า-ออกต้องใช้เรือใหญ่ บริเวณสวนจะมีทางเดินแคบๆ ที่ปูด้วยอิฐเท่านั้น ตัวบ้านถูกแปรเปลี่ยนไปหลายครั้ง หลายหน จนปัจจุบันแทบไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย ตัวบ้านทรุดโทรมลงตามกาลเวลา
ประโนตย์ เรียนชั้นประถมที่ โรงเรียน ธนศิลป์ (เป็นโรงเรียนเล็กๆ ชั้นเดียว ตั้งอยู่แถวสวนพลูการ์เด้นท์ - ปัจจุบัน เลิกกิจการไปแล้ว) การมีพี่น้องเป็นผู้หญิงทั้งหมด จึงทำให้โนตย์เคยชินและซึมซับเอาความอ่อนโยนอย่างผู้หญิงมาอยู่ในตัว ทางบ้านไม่เคยรังเกียจหรือต่อต้านการเบี่ยงเบนทางเพศของโนตย์เลย แม่บุญนาคเอ็นดูลูกชายและเพื่อนๆถึงขนาดต่อเติมบ้านเพื่อเป็นที่พบปะสังสันทน์ในหมู่เพื่อนฝูงของโนตย์ในเวลาเย็นและค่ำ
เมื่อโนตย์ออกจากโรงเรียนนาฏศิลป ไม่ได้ทำงานอะไร ได้เงินเก็บจากค่าเช่าบ้านมรดกของแม่เป็นรายได้เลี้ยงดูตัวเอง ไปไหนมาไหน ใครๆเรียกเธอว่า "สีดา" แทนที่จะเรียกชื่อจริง! โนตย์ปรากฏตัวของนางละคร "สีดา" เพียงไม่กี่ครั้ง หากแต่เธอมีชื่อจากการประกวดสาวประเภทสองมากกว่า! สมัยนั้นนิยมจัดทั่วทุกหัวระแหง โดยเฉพาะในงานวัดและอื่นๆ ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
โนตย์และเพื่อนออกจากบ้านทุกวัน เที่ยวบ้าง ไปประกวดบ้าง
ประโนตย์ สวย งดงาม มีจริตเหมือนผู้หญิง เป็นธรรมชาติมาก สังคมสมัยนั้นยังไม่มีเรื่องศัลยกรรม การแต่งหญิงในแต่ละครั้ง จะโกยนมให้เกิดร่องอกอย่างผู้หญิง ใส่ยกทรง ใส่วิกผมที่ทอเองด้วยมือ สมัยนั้น กะเทยต้องทอผมจากเศษผมจริงๆ ไม่มีวิกผมไนล่อนขายอย่างทุกวันนี้ ทรงผมก็มีแค่ “ผมยาว” ที่แสดงความเป็นผู้หญิง ปราณี คชสุนทร เคยช่วยน้องชายทอวิกผมในสมัยนั้นด้วย
"ไม่รู้ พี่โนตย์ไปเอาความรู้นี้มาจากไหน"
สมัยนั้นการประกวดได้แต่ถ้วยรางวัล ไม่มีเงินสด ความสวยยืนหนึ่งแบบไร้คู่แข่ง ไม่มีใครกล้าลงแข่งด้วย เธอมีฉายาว่า "นางงาม 50 มงกุฎ" โนตย์ใช้เวลาหลายปี ในการล่าและสะสมถ้วยรางวัลจนเต็มไปหมด หลังการเสียชีวิตของประโนตย์ วิเศษแพทย์ เมื่อปี 2510 ทางบ้านได้นำถ้วยเหล่านั้นไปหล่อพระพุทธรูปทั้งหมด !
เมื่อชนะทุกครั้งที่ลงประกวด บรรดาสาวงามประเภทสอง ที่ร่วมเวทีประกวดถึงขนาดพูดว่า “ถ้าเวทีไหน นังโนตเข้าประกวด พวกเราจะไม่ยอมลงประกวดด้วย” เธอจึงตัดสินใจลาเวทีประกวด เปิดโอกาสให้นางงามประเภทสองรุ่นน้อง แจ้งเกิดบนเวที
ประนอมนิตย์ กล่าวว่า คราวหนึ่ง โนตย์และผองเพื่อนแต่งหญิงไปเที่ยวงานที่สวนลุมพินี ได้มีโอกาสพบและคุยกับจอมพลผ้าข้าวม้าแดง "สฤษดิ์ ธนะรัชต์" นายกรัฐมนตรีในงานด้วย! แต่ไม่ได้เล่าว่าคุยอะไรกัน
เวทีสุดท้าย ได้ทั้งเงินและผู้ชาย!หลายปีต่อมา (ในราวปี 2500) มีการประกวดเวทีหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก แอน ทวีศักดิ์ว่า มีการสร้างเวที ปิดทางลงท่าน้ำบริเวณท่าช้างที่จะข้ามไปวัดระฆัง นางงามใหม่ๆต่างหวังครอบครองตำแหน่ง เพราะนอกจากรางวัลขันน้ำ พานรองเป็นปกติแล้ว ยังมีเงินสดอีก 500 บาทอีกต่างหาก! นับว่าเป็นเงินมากโขอยู่ในสมัยนั้น บรรดาสาวประเภทสองรุ่นใหม่ๆ ต่างวี๊ดว้ายด้วยความดีใจ คาดหวังว่า จะได้รางวัลนั้น!
"แอน" ทวีศักดิ์ บอกข่าวกับสีดา และชักชวนให้โนตย์ลงประกวด เธอว่า "อายุมากแล้ว! ให้เด็กๆสนุกกันเถอะ" .... แต่ในที่สุด โนตย์ก็ทนลูกตื้อของเจ๊แอนไม่ไหวลงประกวดอีกครั้ง เธอบอกกับแอนว่า จะประกวดเป็นครั้งสุดท้าย! เป็นอีกครั้งที่ประโนตย์ วิเศษแพทย์กลับมาคว้ารางวัลชนะเลิศ! หลังห่างเวทีไปหลายปี
คืนนั้น .... บริเวณหน้าเวที มีชายคนหนึ่งเฝ้าดูการประกวดสาวประเภทสองอยู่ เขาชื่นชมในความงามของ "สีดา" ผู้เข้าประกวด หลังจากผลการตัดสินออกมาแล้ว เขาเดินไปหา แอน ทวีศักดิ์ พลางแนะนำตัวและบอกจุดประสงค์ เขาชื่อ "สมบูรณ์"หรือ "บูลย์" และต้องการรู้จักกับ "สีดา" !
แม่สื่อแอน แจ้งบอกกับโนตย์ ซึ่งไม่มีท่าทีจะรังเกียจกลับแสดงความพึงใจ เพราะ บูลย์ ผู้ชายผิวคล้ำคนนี้หล่อ คมเข้ม .... จังหวะชีวิตรักของทั้งคู่ เริ่มจาก โนตย์ไปบ้านบูลย์บ้าง และบูลย์มาค้างบ้านโนตย์บ้างในปีแรก และในปีที่ 2 บูลย์ก็ย้ายตัวเองมาอยู่กับโนตย์อาจจะไปๆมาๆบ้าง แต่ทั้งคู่ครองรักกันนานถึง 8 ปี
ปราณี เคยกล่าวในรายการ "ความจริงไม่ตาย" ว่า สมบูรณ์มีอาชีพเข็นผักอยู่ปากคลองตลาด !
โนตย์ใช้ชีวิตประจำที่บ้าน ออกงานน้อยลง สวมเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุง เป็นแม่บ้านแม่เรือนหุงหาอาหารทำกับข้าว สมัยนั้นที่บ้านยังไม่มีตู้เย็น โนตย์จะปลอกผลไม้ 2-3 อย่างใส่ในกระติกน้ำแข็ง แช่เย็นไว้ให้แฟนหนุ่ม แถมยังไม่ยอมให้พี่น้องคนไหนมาหยิบกินเด็ดขาด เสื้อผ้า ชุดนอน ทุกคืนจะจัดวางไว้บนเตียง พร้อมขันลอยดอกมะลิไว้ให้คนรักล้างหน้า ! ในตอนเช้า
ปกติ โนตย์เป็นคนรักพี่น้อง ครอบครัว คราวหนึ่ง ประนอมนิตย์ มีปากเสียง ทะเลาะกับสามี พอโนตย์รู้เข้าก็คว้าอีดาบ เดินอาดๆ พลางร้องถาม "ไหน ใคร ใครรังแกพี่นิด?" !
กับ "คนรัก" โนตย์มักจะคิดมาก บางครั้ง-บางเรื่องก็คิดไปเอง อาจจะน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่ได้เกิดมาเป็นหญิงแท้ ! มีความหึงหวง หวาดระแวง สาดพลังลบให้คนรักหนุ่มเป็นประจำ "รักมากมักทำลาย" เมื่อบูลย์กลับบ้านผิดเวลา จะมีเรื่องโต้เถียง ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ โนตย์จะหยิบของใกล้ตัวฟาดบูลย์เข้าให้ ! ไม่ว่าจะเป็นตะหลิวร้อนๆ (ถ้าทำกับข้าวอยู่) หรือ แผ่นไม้ เคยถึงขนาดต้องให้หมอเย็บถึง 30 เข็ม !
ปราณี คชสุนทร บอกว่า "น้องชายเป็นคนเจ้าอารมณ์ อารมณ์จะขึ้นๆลงๆ แค่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นก็ดีกัน เป็นคนโมโหร้ายแต่ใจดี"
"ความใกล้ชิดมากเกินไป ย่อมไม่ให้ร่มเงากับอีกฝ่ายได้" การทะเลาะเบาะแว้งทำให้บูลย์เบื่อหน่าย และมนตร์รักก็เสื่อมในที่สุด หันไปหาหญิงแท้ ในปีที่ 8 หนีหายจากโนตย์โดยไม่ร่ำลา โนตย์ตามหาอยู่หลายเดือน แต่ก็ไร้ร่องรอย เป็นเวลาร่วม 2 ปีที่โนตย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย ทำตัวสำมะเล เทเมากับชีวิตแบบสุดๆ ดื่มทั้งเหล้า ทั้งยา สูบบุหรี่ตัวต่อตัว ออกเที่ยว ! เพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในชีวิต เพียงหวังฆ่าเวลาให้ผ่านพ้นความเหงา อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวในแต่ละคืนเท่านั้น
จังหวะชีวิตในช่วงนี้ ! คุณแม่ หม่อมหลวงบุญนาค วิเศษแพทย์ เสียชีวิตแล้ว!
"ชีพ" ผู้มาชุบชีวิต "สีดา"
ชื่อ "ชีพ" เรียกและรู้จักกันในหมู่เพื่อนและพี่น้องของประโนตย์ วิเศษแพทย์ จะเป็นชื่อเล่นจริงๆหรือไม่ ไม่ยืนยัน! แต่ "ชีพ" นี้มาจากชื่อ "ชีพ ชูชัย" ที่พระเอก "ลือชัย นฤนาท" รับบทเล่นหนังเรื่อง "เล็บครุฑ" ซึ่งโด่งดังมากในปี 2500 เพื่อนๆว่า "ชีพ" หล่อเหมือนพระเอก เรื่องนี้ !
ชื่อจริง-นามสกุลคือ สมชาติ แก้วจินดา ! ฐานะทางบ้านยากจน ครอบครัวอยู่ในสลัมย่านทุ่งมหาเมฆ!
ปราณี คชสุนทร จำได้ว่า ชีพขับสามล้อ ! ไม่ได้ขับแท็กซี่ เคยเห็นชีพใส่ชุดแบบฟอร์ม ขาวทั้งชุด เหมือนว่า จะเคยทำงานอยู่ที่ดอนเมือง แต่จะทำอะไรไม่ชัดเจน! เมื่อมาคบกับโนตย์ก็ลาออกจากงานประจำมาขับสามล้อ !
"แอน" ทวีศักดิ์ ชวนานนท์ กล่าวในบทความว่า คืนแรกที่เจอชีพ เขาขับแท็กซี่ ว่าจ้างมาที่สวนพลู ภายหลัง ชีพเปลี่ยนมาขับสองแถว ตามประสงค์ของโนตย์ในภายหลัง !
คืนหนึ่ง... เจ๊แอนและประโนตย์กลับจากงานเลี้ยง โนตย์เมามาย ไม่ได้สติ แอนจึงโบกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่จอดอยู่ในบริเวณนั้นให้มาส่งโนตย์ที่บ้านสวนพลู ปกติ...ก็ต้องต่อรองราคากัน แต่คืนนี้ พิเศษกว่าคืนไหนๆ เรียกเท่าไหร่ไปทั้งนั้น
"โถ...พ่อคุณ พ่อขนุนหนัง หล่อซะขนาดนี้"!
ขณะที่โนตย์เมามายหลับไม่ได้สติอยู่หลังรถ ส่วนเจ๊แอนก็ฉายจริต พูดจาหว่านล้อมเกี้ยวพาราสีโชเฟอร์หนุ่มเป็นสามารถ เมื่อส่งโนตย์ที่บ้านแล้ว ชีพก็ขับรถไปส่งแอน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านโนตย์นัก คำกล่าวที่ว่า "สวยไม่กลัว กลัวไว"! เห็นจะเป็นจริง เพราะ คืนนั้น ....เจ๊แอนก็เปิดบริสุทธิ์กับแท็กซี่หนุ่มทันที ! หลังเสร็จกามกิจ ชีพบอกว่า พรุ่งนี้ สายๆจะแวะมาหาอีก !
วันรุ่งขึ้น เขามาตามนัดหมาย "ชีพ" ในตอนกลางวัน หล่อยิ่งกว่าเมื่อคืนเสียอีก เขาบอกว่า วันนี้ไม่ได้ออกรถ อยากพักผ่อนสักวัน แอนก็เลยนัดกลุ่มเพื่อนๆไปหาที่กิน-ดื่มด้วยกัน ! ช่วงหนึ่ง ระหว่างการดื่ม ชีพได้คุยกับเจ๊แอนเป็นการส่วนตัว พร้อมบอกวัตถุประสงค์
"พี่แอน ผมชอบสีดาจริงๆ ชอบมาตั้งแต่แรกเห็นที่นอนฟุบอยู่เบาะหลัง พี่แอนโกรธผมหรือเปล่า"
เจ๊แอน อึ้งไปเล็กน้อย นึกถึงเรื่องราวบนรถเมื่อคืน ที่ชีพชอบมองสีดาผ่านกระจกมองหลังบ่อยๆ
"เพื่อนพี่สวยนะครับ ขนาดเมาไม่ได้สติยังสวยขนาดนี้ ถ้าไม่เมาจะสวยขนาดไหนน้อ"
"ไม่โกรธ และดีใจ ถ้าชีพจะจริงใจกับสีดา เค้าเป็นคนน่ารักและน่าสงสารมาก" เจ๊แอนตอบชีพแบบนั้น ...
เมื่อกามเทพเปิดทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้คุยกัน จุดเริ่มต้นของรักอมตะ "ประโนตย์-สมชาติ" ก็ค่อยๆก่อร่างทันที คืนนั้น"ชีพ"และ "โนตย์" ! มุ่งสู่ปลายทางฉิมพลีด้วยกัน
การที่ชีพมาคบหากับโนตย์ ลูกเศรษฐี มีชาติตระกูล เขาจึงได้แสดงความจริงใจ ให้โนตย์เก็บเงินรายได้ทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาว่า "เขามาเกาะกะเทยกิน" ! ชีพอายุน้อยกว่าโนตย์เพียงปีเดียว
แม้ชีพจะรักสีดามากกว่าบูลย์ แต่ชีวิตรักของโนตย์ยังวนลูปด้วยเรื่องราวซ้ำซาก ! เหมือนคราว "สมบูรณ์" ไม่มีผิด !
"ทางบ้านสนิทกับเขาทั้ง 2 คน เรารักพี่ชายเรา เราก็รักเค้าด้วย ลึกๆแล้ว เราไม่รู้ว่า เขานิสัยยังไง เค้าก็ดีกับพี่ชายเรา ทั้งชีพและสมบูรณ์เป็นคนอ่อนกับพี่ชายเรา อ่อนให้ตลอด มีแต่พี่ชายเราที่ทำร้ายเค้า ชีพจะรักโนตย์มากกว่า สมบูรณ์เค้าไปๆมาๆ ไม่เหมือนชีพ ชีพเขามาแบบถาวร" ปราณีว่า
ยกตัวอย่างการแก้ปัญหาของ "สีดา" !
เมื่อชีพขับรถแท็กซี่กลับบ้านไม่ตรงเวลา ติดพันการไปส่งผู้โดยสาร ! โนตย์ปรึกษาแอนว่าจะให้ชีพเลิกขับแท็กซี่ ให้ไปขับ "สองแถว" แทน ( ฝ่ายพี่สาวว่า "ชีพขับสามล้อ" ไม่ได้ขับแท็กซี่ หรือสองแถว)
รถสองแถวที่แอนว่า จะรับส่งคนตั้งแต่ ตรงข้ามตลาดบางรัก มาสุดทางแถวร้านดอกไม้ แล้วเข้าซอยเซนต์หลุยส์3 ไปสิ้นสุดที่ตรอกจันทน์ สะพาน3-4
โนตย์ถอยรถสองแถวมือสองให้ชีพไว้ขับ โดยมีแอน ทำหน้าที่ไปเสียเงินค่าหัวคิวรถให้
เมื่อแก้ปัญหากลับบ้านไม่ตรงเวลาได้ ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นอีก !
ความหล่อเหลาราวพระเอกหนังของ "ชีพ" เป็นที่ต้องตาของบรรดาสาวๆที่ขายดอกไม้หน้าตลาดบางรัก ชนิดที่ว่า มาลัยคล้องหน้ารถแทบไม่ต้องซื้อเลย มีสาวๆวิ่งรี่มาคล้องให้ฟรีๆ "พี่ชีพอย่างโน้น พี่ชีพอย่างนี้"
พอข่าวรู้ถึงหูโนตย์เท่านั้น ไฟลุก ใส่ชุดไหน เดินอาดๆไปบางรักชุดนั้น! เสื้อคอกระเช้า นุ่งผ้าถุง เดินไปด่าอาละวาดพวกแม่ค้าผู้หญิงทุกคนที่มายุ่งกับชีพ ถึงขนาดต้องขึ้นโรงพักให้ตำรวจไกล่เกลี่ยก็หลายราย
แก้ปัญหาแม่ค้าไวไฟต่อด้วยการเป็นตุ๊กตาหน้ารถ นั่งรถคู่กับชีพ ติดประกาศให้โลกรู้ว่า "แม่มา!" ใครเห็นจะได้ไม่กล้ายุ่ง ! นั่งคู่ คอตั้ง หน้าเชิด ตั้งแต่ออกรถตอนเช้าจนถึงกลับบ้านตอนเย็น นี่มัน "เฝ้าผัว" ชัดๆ ! ทุกวัน ชีพเหมือนโดนล่ามด้วยโซ่ตรวน จึงไปขอความช่วยเหลือจากแอน ให้ช่วยพูดให้สีดาเลิกการกระทำแบบนี้ ! เพื่อผัวที่รัก สีดายอม ! แต่โนตย์บอกกับแอนว่า ชีพต้องไปสาบานด้วยกันที่วัดพระแก้ว ! ชีพยอมตามใจเมียรัก
เลิฟสตอรี่ "ชายรักชาย"!
" พี่เหน่งเค้าพูดในงานศพเลย คอยดูนะ ไม่กี่วัน ชีพมันต้องตายตาม เพราะมันไปสาบานไว้ที่วัดพระแก้ว ตอนนั้นชีพยังดีๆอยู่เลย ยังฟังสวด บวชให้ด้วย" ปราณี คชสุนทรบอก
แอนทวีศักดิ์เล่าเรื่องว่า สาบานที่วัดพระแก้วและศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ! ว่า เธอเป็นพยาน คำสาบานพูดเสียงดัง ฟังชัด "ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะตายตามไปด้วย" ....
เรื่องคำสาบานนี้รู้กันในหมู่เพื่อน บรรดาพี่ๆน้องๆของโนตย์เพิ่งมารู้เรื่องนี้ในงานศพ
การทะเลาะกันครั้งสุดท้าย เรื่องอะไรไม่ทราบได้ ถึงขนาด "ชีพ" หลบไปใช้ชีวิตคนเดียวที่ปักษ์ใต้อยู่ช่วงหนึ่ง โนตย์สิ้นหวังใดๆกับชีวิตอีกครั้ง กินเหล้า เมายา สูบบุหรี่ ข้าวปลาไม่กิน วันแล้ว...วันเล่า ความสวยทรุดโทรมลงจนไม่เหลือเค้านางงาม
แอน เล่าว่า ประโนตย์ดื่มยาพิษอยู่หลายครั้งนั้น แต่พี่สาวยืนยันว่า ยาพิษดื่มเพียงครั้งเดียว แต่หลายครั้งที่ผ่านมา เป็นพวกยาเมามากกว่า !
แอนยังเตือนโนตย์ว่า ... "ไม่ดีหรอกโนตย์ เล่นกับอะไรๆก็เล่นเถอะ อย่าเล่นกับผีตายโหงนะ เดี๋ยวจะตาย"
“โนตย์ก็อยากตายให้มันพ้นๆไป" !
2 พฤษภาคม 2510 ประโนตย์ก็ดื่มยาฆ่าแมลง ตราหัวกระโหลกไขว้เสียชีวิต! ศพตั้งที่วัดหัวลำโพง
ชีพ ทราบข่าว มาถึงศาลาสวดศพวัดหัวลำโพงในตอนค่ำ ร้องไห้อย่างหนัก พยายามเข้าไปกอดศพ แต่ศาลาปิดแล้ว วันต่อมาได้บวชเณร ฟังสวด อุทิศส่วนกุศลให้กับเมียรัก งานศพสวดแค่ 3 วัน ทางบ้านปรึกษากันว่าจะเก็บศพโนต์ไว้ 100 วันจึงเผา
ชะตาถึงฆาต สึกด้วยตัวเอง !
ในบทความเรื่อง "รักอมตะของสีดา นักเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร" ทวีศักด์ ชวนานนท์ ยังกล่าวถึงเรื่องเณรชีพที่สึกตัวเองไว้ว่า ....
หลังเก็บศพโตย์ในตอนกลางวันแล้ว หลัง6 โมงเย็น เณรชีพได้เดินขึ้นกุฎิหลวงตาที่บวชให้ หลวงตาเห็นว่า เณรชีพไม่มีเงาหัว โบราณถือว่าเป็นลางไม่ดี ! เณรชีพแจ้งประสงค์ว่า อยากสึก ! หลวงตาบอกว่า "อยู่ต่ออีกสักคืนเถอะเณร คืนนี้มาจำวัดที่กุฏิหลวงตาก็ได้ พรุ่งนี้ หลวงตาจะสึกให้"
เณรชีพรับปาก แต่ขอกลับไปเอาข้าวของที่กุฏิก่อน แต่เมื่อถึงกุฏิ เณรชีพก็ปลดจีวรด้วยตัวเอง เปลี่ยนชุดและกลับไปที่บ้านโนตย์ ซอยสวนพลู
การกลับมาครั้งนี้ ชีพได้นำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น พัดลม โทรทัศน์ ฯลฯ ที่เป็นสมบัติร่วมกันไปจำนำหลายรายการ ได้เงินหลายพันบาท
ในหลายวันนี้ เพื่อนๆที่ซอยสวนพลูมีกิจกรรมซ้อมดนตรีที่จะไปแสดงโชว์ในงานแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชวนชีพมาร่วมวงด้วย ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ชีพคลายทุกข์คลายโศกได้บ้าง
แต่เมื่อชีพกลับเข้ามานอน เสียงสะอึกสะอื้นด้วยความคิดถึงเมียรักก็เริ่มขึ้น เขานอนถอดภาพถ่ายบานใหญ่ของสีดา ที่ถ่ายมาจากห้องภาพ "ฉายาจิตรกร" จนเผลอหลับไป....
พี่สาวโนตย์ให้เพื่อนๆคอยประกบชีพไว้ ไม่ให้ไปไหน เพราะกลัวว่าชีพจะออกไปซื้อยา ! แต่ทุกอย่างก็เป็นปกติ ไม่น่าห่วง …
เล่าย้อนให้ฟังว่า วันที่สีดากินยาฆ่าตัวตาย ปราโมทย์ คชสุนทร สามีของปราณี ได้เคลียร์ข้าวของต่างๆในห้อง แต่คิดอย่างไรไม่ทราบได้ กลับนำยาฆ่าแมลงขวดนั้นไปซ่อนแอบไว้บนศาลพระภูมิ แปลกมั้ย ! ไม่มีใครรู้ว่า ชีพรู้ที่เก็บยาขวดนี้ได้อย่างไร? 13 วันต่อมา กลับคว้ายาขวดเดียวกันไปดื่ม นี่เป็นเรื่องที่น่าฉงนสงสัยจนถึงวันนี้ วันนั้นตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม ชีพฆ่าตัวตายตามสีดา เมียรัก ในห้องพบจดหมายสั่งลาของชีพฉบับหนึ่ง "ให้นำเงินจำนวนดังกล่าวนี้เพื่อไปทำศพของผม ขอให้พี่ๆช่วยเป็นภาระในการเลี้ยงดูแม่ ส่วนศพของผมให้เอาไว้ที่วัดหัวลำโพงคู่กับศพของโนตย์"
ชีพสิ้นชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจ (แต่แอนกล่าวในบทความว่าเป็นโรงพยาบาลเลิดสิน) เรื่องชวนขนลุกกว่านั้นคือ เขาตายบนเตียงเดียวกับโนตย์ เมียรัก เมื่อ13 วันที่แล้ว !
ศพชีพตั้งบนศาลา วัดหัวลำโพงเป็นเวลา 3 วัน ศพของโนตย์ที่ตั้งใจจะเก็บไว้ 100 วันก็ถูกเชิญออกมากตั้งคู่กันในวันสุดท้าย ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2510
แม้ความตายก็ไม่อาจพรากเราจากกัน!
พอเผาศพเสร็จ พ่อแม่และครอบครัวแก้วจินดาก็หายไปจากสลัมย่านทุ่งมหาเมฆ ไม่มีใครพบเจออีกเลย
โขนหน้าไฟ
บันทึกหน้าสุดท้ายว่า
กลุ่มนักเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร ซึ่งเป็นเพื่อนของ "สีดา" จัดให้มีการแสดงโขนหน้าไฟ ตอน "นางลอย" เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับ "สีดา" และ "ราม" ที่พวกเราสมมุติกัน และพวกเราก็ไม่มีใครเป็น "สีดา" แสดงในวันนั้น มีแต่บท "พากย์" และ "ร้อง" ให้รู้เท่านั้น แต่ไม่มีตัวแสดงเป็น "สีดา" ออกมารำขณะมีการแสดงนั้น ก็ได้เรียกน้ำตาของผู้แสดงและผู้ชมมากทีเดียว
เมื่อจบการแสดงแล้ว ถึงตอนที่จะเผาศพของทั้งสอง ยิ่งทำให้บรรยากาศแห่งความเศร้าโศกอาลัย ทวีคูณขึ้นอีกมากมายในกลุ่มของพวกเรา...
นี่คือ ฉากเริ่มต้นและลงท้ายของคนรักคู่หนึ่ง ซึ่งในยุคนั้น มีแต่ "กะเทย" ! ที่ฉายชัดภาพของชายรักชาย ... เรื่องของเกย์รุก-รับ-โบ๊ท-สลับร่างสร้างรัก และอีกสารพัดที่เรียกขานตามเพศสภาพ อย่างวันนี้ยังไม่ปรากฏ
เข้าสู่เดือนแห่งความรักแล้ว.... เรื่องของ "สีดา-ชีพ" อาจถือได้ว่า เป็นเลิฟสตอรี่ของ "ชายและชาย" ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ... ละครออนไลน์บันทึกไว้เพื่อให้เรื่องราวของ "นางงาม 50 มงกุฎ" ที่ชื่อ "ประโนตย์ วิเศษแพทย์" ผู้นี้ได้ยืนหนึ่งเปิดหน้าประวัติศาสตร์แห่งรักอมตะของคนเพศเดียวกันที่มีอยู่จริง ! ในประเทศนี้
เกร็ดพึงรู้
วิทยาลัยนาฏศิลป
เดิมมีชื่อว่า “ โรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์” เปิดสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ. ศ.2477 เป็นสถาบันของชาติแห่งแรกที่ให้การศึกษา ทั้งวิชาสามัญและวิชาศิลป ขึ้นอยู่กับกรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนนี้คือ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ อธิบดีคนแรกของกรมศิลปากร พ.ศ.2488 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายกรัฐมนตรีบัญชาให้แก้ไขปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนสังคีตศิลปใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น “ โรงเรียนนาฏศิลป”
พ.ศ. 2541 กรมศิลปากรได้จัดตั้งเป็น "สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์"
เพลง "สีดา"
สุรพล โทณะวณิก แต่งเพลง "สีดา" ในปี 2532 ใช้ชื่อ "อารี อุไร" เป็นนามปากกาในการเขียนคำร้อง เพลงนี้ถูกบรรจุในอัลบั้ม "อย่างลึกซึ้งแด่คุณคนพิเศษ" ของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์
ละครเวที "ฉุยฉายเสน่หา" จัดแสดงที่ Democrazy Theatre Studio เมื่อ 18 กรกฎาคม- 5 สิงหาคม 2556 กำกับการแสดงโดย "ครูหนิง" พันพัสสา ธูปเทียน , บทละคร โดย "ครูบัว" ปริดา มโนมัยพิบูลย์ , ดนตรี โดย สินนภา สารสาส เพลงที่ใช้ในละครเรื่องนี้คือ "เสน่หา" ของครูมนัส ปิติสานต์ มีตั้งตัวละครจริง บัณฑิต แก้ววันนา เป็น ประโนตย์ , ภาวิณี สมรรคบุตร เป็น นางสีดา , ปราโมทย์ แสงศร เป็น ชีพ และ สัณห์ไชย์ เอื้อศิลป์ เป็น เจ๊แอน ร่วมด้วยนักแสดงคนอื่นๆในตัวละคร LGBQ ที่ถูกเขียนขึ้นให้สอดรับกับเรื่องให้ร่วมสมัย เช่น วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, ธัญญรัตน์ ประดิษฐ์แท่น, มาฬิศร์ เชยโสภณ, ฐิตวินน์ คำเจริญ เป็นต้น
ภาพยนตร์ สีดา "รักโลงคู่" กำกับการแสดงโดย เอกชัย ศรีวิชัย นำแสดงโดย กฤษฎิ์สพล สุทธิหิรัญดำรงค์ (ประโนตย์), ธเนศพิพัฒ สุทธิหิรัญดำรงค์ (ชีพ), อองตวน ปินโต (สมบูรณ์) ฉายเมื่อ 10 ธันวาคม 2563 น่าเสียดายกับเนื้อเรื่อง และไม่ประสบความสำเร็จ
เรื่องของนม
ตัวช่วยของกะเทยยุคก่อนไม่มีอะไรมากคือ ถ้าสวยคือสวยจริง ดีหน่อยที่มียาคุม'อานาไม'(anamai)ตอนนั้นแผงละ 5-10บาทมี28เม็ดต่อแผง ยาคุมตัวนี้แม้จะมีฮอร์โมนต่ำ แต่ช่วยยับยั้งลักษณะทางกายไม่ให้แมนมาก ช่วยทำให้ขนตามร่างกายไม่ดกดำ สิวลดน้อยลง ถึงจะไม่ช่วยให้ละมุนนีมากเหมือนยาสมัยนี้แต่ก็ช่วยได้เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องการเสริมนมนั้นเพราะกินยาคุมอานาไมมันยังช่วยทำให้นมขึ้นได้ แต่ไม่ใหญ่โตมาก กะเทยจึงต้องใช้ตัวช่วยคือ 1.ยกทรงเสริมฟองน้ำ 2.ยกทรงขนาดเล็กกว่าตัวและมีโครง 3.ฟองน้ำสำหรับดันทรง วิธีการคือใส่ยกทรงขนาดเล็กกว่าตัว ใช้มือโดนเนื้อบริเวณใต้รักแร้ขึ้นแล้วใช้ฟองน้ำดันข้างใต้ ทำทั้งสองข้างแค่นี้ก็จะดูมดูมมากค่ะ ส่วนสะโพกก็สั่งตัดได้ที่ตลาดประตูน้ำตัวละไม่กี่ร้อยบาท
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์
แต่งสีใหม่โดย “กัปป์ กัลป์” KAPP KALP COLORIZATIONS