ไม่มีแผ่ว “แซนวิช” ประกาศฟ้องกลับ “อีฟ แม็กซิม” ทุกข้อหา เผยไม่ยอมความ เพราะตอนที่โดนฟ้องขอไกล่เกลี่ยคู่กรณีก็ไม่ยอมเช่นกัน โล่งใจตอนนี้รอดพ้นเป็นจำเลยสังคม หลังจากทนทุกข์ขึ้นศาลอยู่ 2 ปี ไปไหนก็โดนถามแต่เรื่องคดี
หลังจากที่โดน “อีฟ แม็กซิม” อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ ฟ้อง ข้อหา ในข้อหาข่มขู่ ขืนใจ หมิ่นประมาท ขึ้นศาลกันอยู่ 2 ปี ศาลชั้นต้นตัดสินว่าไม่ผิด ศาลอุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้น ทำให้ “แซนวิช ปภาดา โชติกวณิชย์” รอดพ้นคดีดังกล่าว และประกาศฟ้องกลับอีฟ แม็กซิม ทุกข้อหาเป็นคดีอาญา โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ถึงคดีดังกล่าวในงาน เปิดตัวผลิตภัณฑ์ SANDERLA แซนเดอล่า ผลิตภัณฑ์สำหรับคนยุคใหม่ ดูแลหุ่นสวย สุขภาพดี ณ ร้าน Diva Cafe & Bistro อยู่ในโครงการ RCA อาร์ซีเอ
“เมื่อเดือนที่แล้วศาลตัดสินไป 2 คดีค่ะ ก็คือมีคดีแพ่งที่เป็นเรื่องบ้านที่ว่า โดนเจ้าของบ้านเก่ามาล็อคบ้าน แล้วแซนก็ฟ้อง สรุปก็คือไกล่เกลี่ยกัน ทางเขายอมจ่ายค่าเสียหายให้กับเราในส่วนนึง แต่ก็อาจจะไม่ได้ทั้งหมดก็จบไป แต่มันน้อยมากค่ะ เราเรียกไปหลักล้าน ก็ตามยอดที่เราส่งเลย อันนี้ในคดีแพ่งนะคะ เราก็เรียกตามยอดที่เราส่งเลย”
“จริงๆ แล้วเราผิดในเรื่องที่เราเชื่อทางพ่อ คือเขาไม่ได้ทำเอกสาร คือบ้านเป็นบ้านมือสอง ซื้อในนามเพื่อนเขา เราก็เลยไม่มีเอกสารที่ชัดเจน แต่ว่ามีเอกสารการจะซื้อจะขายนะคะ ซึ่งเอกสารนั้นมันไม่ได้ระบุอะไรชัดเจน แต่เรามีการส่งเงินตลอด เราได้ปรึกษาทนาย ทนายก็บอกว่าเราสามารถยื่นฟ้องได้ เพราะว่าเราส่งตลอด และเขารับเงินเราต่อเนื่อง เราส่งดาวน์เดือนละ 2 หมื่น หลังจากนั้นมาตลอดระยะเวลา 4-5 ปี เราก็ส่งเขาตลอดไม่มีขาดเลย เพิ่งมามีขาดตอนที่เขาได้มีการคุยกันว่าเราซื้อบ้าน และขอยื่นกับธนาคาร ไม่ขอผ่อนกับเขา และก็เลยได้ทราบเรื่องว่า เขาขอเอาเงินทั้งหมดนั้นไปเป็นค่าเช่าบ้าน โดยที่ไม่ได้มีการบอกเรา ก็เลยได้ยื่นทำการฟ้องไป”
“ส่วนอีกคดีก็ที่คือเขา(อีฟ แม็กซิม) ฟ้องหมิ่นประมาท ก็จบไล่เลี่ยกันเลย เป็นคดีอาญา ล่าสุดศาลอุทธรณ์เรียกไปตัดสิน และศาลอุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้นว่าแซนไม่มีความผิด หลังจากนี้ทนายก็ได้ร่างสำนวนและเตรียมฟ้องกลับทุกข้อหาเลย ก็คือที่เขาฟ้องเป็นคดีข่มขู่ ขืนใจ คือมีหลายข้อหามากที่เขาฟ้อง แต่เราจะฟ้องกลับในคดีอาญาค่ะ”
“จริงๆ เราไม่ได้อยากจะฟ้องกลับนะ แต่ด้วยการที่ปะทะกันทางโซเชียล เหมือนไม่จบกันสักทีนึง ตอนแรกก็ได้คุยกับทางผู้ใหญ่ว่าเราไม่อยากจะฟ้องกลับ เพราะเราก็เหนื่อยแล้ว การขึ้นศาลมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ มันเหนื่อย มันใช้ระยะเวลาและเสียเวลาด้วย และ 2 ปีที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเหมือนโดนตกเป็นจำเลยในข้อหานี้ มันก็มีผลกระทบในเรื่องของงาน และเวลาไปไหนก็โดนถาม เพราะข่าวค่อนข้างที่จะดัง มันก็กระทบกับเราหลายๆ เรื่อง ไหนจะเรื่องของเวลา และการทำงานอีก คือเราไม่ต้องทำอะไร ติดอยู่กับคดีนี้เกือบ 2 ปี และถูกมองเป็นจำเลยเกือบ 2 ปี ตอนนี้ศาลชั้นต้นท่านตัดสินไปแล้วว่าเราไม่มีความผิด และล่าสุดเขายื่นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้นว่าเราไม่มีความผิด นับจากนี้จริงๆ ก็อยากจะหยุดการฟ้องแล้วแหละ แต่มันมีเรื่องของการปะทะกันทางโซเชียล แต่เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ก็เลยปรึกษากับทนายและผู้ใหญ่ว่าจะทำย้งไงดี ก็ได้คำตอบว่าก็ทำตามขั้นตอนเลย ก็คือฟ้องกลับแค่นั้นเอง เบื้องต้นจะฟ้องอาญาก่อนค่ะ และดูอีกทีว่าจะไปในรูปแบบของการคุยกัน หรือจะมีอะไรก็รอดูวันที่ศาลท่านนัดค่ะ”
ไม่ยอมความ
“ก็ต้องดูว่าเขาไกล่เกลี่ยรูปแบบไหน แต่ถ้าให้แซนยอมความก็คือไม่ค่ะ ก็คือฟ้องกลับทุกข้อหา เพราะเราได้มีการไกล่เกลี่ยกันมานานแล้ว และในศาลชั้นต้นเราก็ได้มีการขอไกล่เกลี่ย 3-4 ครั้ง ตัวเขาเองก็ไม่ยอม เขาก็ยืนกรานว่าเขาจะฟ้องเรา และไม่ถอนฟ้อง เราก็โอเค ก็ทำตามขั้นตอนไป รอบล่าสุดก็ได้มีการคุยกันอีก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ยอม เราก็รู้สึกว่าเราถูกตกเป็นจำเลยมานานแล้ว เราเสียอะไรหลายๆ อย่าง เขาเองก็ไม่หยุด เราก็เลยต้องดำเนินการตามขั้นตอน”
“ตอนที่ไกล่เกลี่ยนกันก็มีทั้งทนายของเขาและทนายของเราไกล่เกลี่ยกัน ทางเราเองก็เจอเขาค่ะ ก็ได้เจอกันในศาล ได้มีการพูดคุยกัน มีผู้ใหญ่ที่คอยไกล่เกลี่ยให้ แต่ก็ไม่เป็นผล”
สบายใจชนะทั้ง 2 คดี
“สบายใจแล้วค่ะ คือก่อนหน้านี้มันเหมือนจุกอก มันคาใจ พูดอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนของศาล ก็จะทำงานลำบาก เราก็พูดอะไรไม่ได้ เราก็ได้แต่รอให้ศาลท่านตัดสิน จนวันนี้ตัดสินถึง 2 รอบ เราก็โล่ง เราเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว”