ก.ต.เลือกตั้งซ่อมได้ 4 ผู้พิพากษา “ชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์” ปธ.ศาลอุทธรณ์ ผงาดชั้นอุทธรณ์ ส่วนศาลฎีกาได้ “อโนชา-สมชาย” ศาลชั้นต้น “สุพจน์” เข้าวิน
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ชั้น 12 ถนนรัชดาภิเษก นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการตรวจนับคะแนนเลือกกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ที่ว่างลงก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง ได้แก่ ชั้นศาลฎีกา จำนวน 2 ตำแหน่ง ชั้นศาลอุทธรณ์ จำนวน 1 ตำแหน่ง และชั้นศาลชั้นต้น จำนวน 1 ตำแหน่ง ตามมาตรา 36 (2) (ก) (ข) และ (ค) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543
โดยคณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเลือกตั้ง ก.ต. ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ตรวจนับบัตรลงคะแนน จากผู้พิพากษาทั่วประเทศที่ส่งกลับมายังสำนักงานศาลยุติธรรม
ปรากฏผลผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้
ประเภท ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิชั้นศาลฎีกา จำนวน 2 คน ได้แก่
1. นางอโนชา ชีวิตโสภณ ได้ 127 คะแนน
ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา
2. นายสมชาย อุดมศรีสำราญ ได้ 98 คะแนน
ผู้พิพากษาศาลฎีกา
ประเภท ก.ต. ผู้ทรงคุณวุฒิชั้นศาลอุทธรณ์ จำนวน 1 คน ได้แก่
1. นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ ได้ 649 คะแนน
ประธานศาลอุทธรณ์
ประเภท ก.ต. ผู้ทรงคุณวุฒิชั้นศาลชั้นต้น จำนวน 1 คน ได้แก่
1. นายสุพจน์ หนูเกลี้ยง ได้ 1,416 คะแนน
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง
สำหรับ ก.ต.นั้นเป็นองค์กรทำหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม มีมีหน้าที่ในการพิจารณาเเต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนชั้น มีอำนาจให้คุณให้โทษ ผู้พิพากษาที่กระทำความผิดรวมถึงคุ้มครองความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี โดย ก.ต. ทั้งคณะจะมีทั้งหมด 15 คน ประกอบด้วยประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ก.ต.โดยตำแหน่ง มี ก.ต.ชั้นศาลฎีกา 6 คน ชั้นศาลอุทธรณ์ 4 คน และศาลชั้นต้น 2 คน และ ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากบุคคลภายนอกอีก 2 คน ที่มาจากการเลือกของผู้พิพากษาเเละมีกำหนดอยู่ในตำแหน่งวาระละ 2 ปี และติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 วาระ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้พิพากษาที่ได้รับคัดเลือกเป็น ก.ต.ที่น่าสนใจ ได้เเก่
นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ ประธานศาลอุทธรณ์ ซึ่งถือว่ามีลำดับอาวุโสรองจากประธานศาลฎีกา ซึ่งก่อนหน้านี้ นายชูชัย สมัครเลือกตั้งใน ก.ต.ระดับศาลฎีกาก็ได้รับเลือกมาตลอดทุกครั้ง และช่วงที่นั่งเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ซึ่งตรงกับช่วงที่มีม็อบราษฎรมาชุมนุมหน้าศาลอาญาเรียกร้องให้ปล่อยผู้ชุมนุม ก็ได้รับการชื่นชมเรื่องการประเมิณสถานการณ์ในการบริหารจัดการคดีสำคัญต่างๆ เช่น คดีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ จนทำให้สถานการณ์ที่มีการชุมนุมหน้าศาลเบาบางลง และมีความเป็นนักบริหารเคยดำรงตำเเหน่งสำคัญ ก่อนหน้านี้ คือ ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 5 ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา จนมาดำรงตำเเหน่งประธานศาลอุทธรณ์เเละได้รับเลือกด้วยคะเเนนสูงถึง 649 คะเเนน จากบัตรเลือกตั้ง 727 ใบ โดยที่ในชั้นศาลอุทธรณ์ไม่มีผู้เสนอตัวเข้าเเข่ง