xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 ปี 8 เดือน อดีตนายก อบต.บางคูวัด กับพวกรวม 8 คน ทุจริตประมูลซื้อที่ดินสร้าง อบต.มูลค่า 17.6 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 ปี 8 เดือน อดีตนายก อบต.บางคูวัด กับพวก รวม 8 คน ทุจริตประมูลซื้อที่ดินสร้างที่ทำการ อบต.มูลค่า 17.6 ล้าน แต่ให้รอลงอาญาจำเลยที่ 5 และ 8 ซึ่งเป็นชาวบ้านกับชาวนาที่ไปเป็น คกก.ประกวดราคา ไว้ 2 ปี และเพิ่มโทษปรับคนละ 5 หมื่น


วันนี้ (3 พ.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวินัย หรือ พสิษฐ์ มะลิ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางคูวัด จ.ปทุมธานี นายประชุม ดอกแย้ม อดีตรองนายก อบต.บางคูวัด, นายศุภฤกษ์ แก้วสิงห์ อดีตปลัด อบต.บางคูวัด, นายถาวร พงษ์กำเนิด, นายวสันต์ หันเอียง, นายนิวัฒน์ ม่วงนิ่ม, นางสาววิภารัตน์ ม่วงนิ่ม เเละ นายสะอาด ทำคล่อง เป็นจำเลยที่ 1-8 ในข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ เรื่อง ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151

กรณี ทุจริตประกวดราคาในการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการ อบต.บางคูวัด ในวงเงิน 17.6 ล้านบาท

ซึ่งจำเลยทั้ง 8 คน ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 80, 83 จำเลยที่ 5 และ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐมาตรา 12
ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 86 จำเลยที่ 6, 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 86

การกระทำของจำเลยที่ 1-5 และที่ 8 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งบทหนักที่สุดมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยที่ 1-4 ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต พยายามจัดการทรัพย์อันเป็นการเสียหาย ลงโทษจำเลยที่ 5 และ 8 ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตพยายามจัดการทรัพย์อันเป็นการเสียหายเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 5-8 คนละ 2 ปี 4เดือน ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยทั้ง 8 คน ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 5 และที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำเลยที่ 6, 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86

ลงโทษจำเลยที่ 1-4 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐร่วมกันกระทำการโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน

ลงโทษจำเลยที่ 5, 8 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐร่วมกันกระทำการโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ

จำเลยที่ 6, 7 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต จัดการทรัพย์ จำคุกคนละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน ลดโทษให้จำเลยทั้งแปดคนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คงจำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 1 ปี  8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 5-8 คนละ 1 ปี 1 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1, 3, 5, 8 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมเเล้วเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ จำเลยที่ 1, 3, 5, 8 เป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1, 3, 5, 8 ในปัญหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

มีปัญหาวินิจฉัยข้อต่อไปตามฎีกาของจำเลยที่ จำเลยที่ 1, 3, 5, 8 สมควรรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นต้นคิดและต้นเหตุให้เกิดการกระทำความผิดในครั้งนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 และ 3 จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา ว่า ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน หรือมีเหตุอื่นตามฎีกา ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุก

ส่วนจำเลยที่ 5 และ 8 มิได้เป็นต้นคิดหรือต้นเหตุให้เกิดการกระทำความผิดในครั้งนี้ เหตุที่ร่วมเป็น คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา ก็เพราะจำเลยที่ 1 แต่งตั้งในฐานะที่จำเลยที่ 5 และที่ 8 เป็นผู้แทนชุมชน จำเลยที่ 5 ไม่ได้รับการแต่งตั้งมาแต่ต้น แต่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ในวันที่ 9 ก.ค. 2546 ซึ่งเป็นวันประกวดราคานั้นเอง และได้ความตามที่จำเลยที่ 5 ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 3 ว่าจำเลยที่ 5 มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2546 ซึ่งเป็นวันประกวดราคา ขณะที่จำเลยที่ 5 อยู่ที่คิวรถจักรยานยนต์รับจ้างคิวกำนันตี๋ ก็มีเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูวัด มาแจ้งให้จำเลยที่ 5 ไปทำหน้าที่กรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา จำเลยที่ 5 ก็ไป สำหรับจำเลยที่ 8 มีอาชีพทำนา ขณะนี้อายุมากถึง 72 ปีแล้ว หลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 5 ถูกคุมขังมาแล้วเป็นเวลา 8 เดือน จำเลยที่ 8 ถูกคุมขังมาแล้วเป็นเวลา 1 เดือน 6 วัน เชื่อว่า จำเลยที่ 5-8 เข็ดหลาบมากแล้ว พฤติการณ์เกี่ยวกับการถูกคุมขังเปลี่ยนแปลงไปจากขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 5 เเละ 8 เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาส จำเลยที่ 5 เเละ 8 กลับตัวสักครั้ง โดยรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นสมควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง

ฎีกาในปัญหาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 เเละ.3 ฟังไม่ขึ้นส่วนของจำเลยที่ 5 และ 8 ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกจำเลยที่ 5 และที่ 8 ให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) นับแต่วันอ่าน คำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 5 และที่ 8 ฟัง ให้ปรับจำเลยที่ 5 และที่ 8 คนละ 1 แสนบาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงปรับจำเลยที่ 5 และ 8 คนละ 5 หมื่นบาท จำเลยคนใดไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น