“ไอซ์” มาแล้ว อุ้มท้องโตเปิดใจถึงสามี ยังไม่พร้อมเปิดหน้าสามีอยากให้เป็นส่วนตัว ยืนยันไม่ใช่เมียน้อย ที่ไม่จัดงานแต่งเพราะไม่ได้ให้ความสำคัญ เผยตั้งใจท้องไม่ใช่พลาด ยอมรับครอบครัวสามีเป็นคนมีเงินมีธุรกิจเป็น 100 ปี
ตั้งแต่ประกาศว่าตั้งท้อง “ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา” ก็ตกเป็นข่าวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวใช้สามีร่วมกับคนอื่น สามีรวยมากติดอันดับ 5 เศรษฐีฝรั่งเศส แต่ไอซ์ก็เลือกที่จะเงียบไม่แก้ข่าว กระทั่งตอนนี้ใกล้คลอดเจ้าตัวก็มาร่วมงานผลิตภัณฑ์ “EVE’S OIL” (EVE'S STRETCH MARK BODY OIL GEL) ก็ได้เปิดใจถึงสามีและข่าวต่างๆ ยืนยันว่าไม่ใช่เมียน้อย และที่ไม่จัดงานแต่งเพราะไม่ได้ให้ความสำคัญ โดยเจ้าตัวมีกำหนดจะคลอดประมาณเดือนมกราคม
“สำหรับการมีลูก เราทั้งดีใจและตกใจและกลัวเหมือนเรารับผิดชอบ อีกชีวิตหนึ่งมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่เขาอาศัยอยู่ในท้องเรา และเราเป็นคนชอบออกกำลังกายเป็นคนชอบกินของแซ่บมันก็เลยต้องมีการเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะ”
“ตอนแรกมั่นใจว่าได้ผู้ชาย (หัวเราะ) คนดูท้องแล้วแบบทรงท้องได้ผู้ชาย ตอนนั้นเราก็เหมือนมีกูลเกิ้ลเป็นเพื่อนมาก นั่งเซิร์ท เราอยากได้ผู้ชายเพราะเราเป็นน้องสาวรู้สึกว่าอยากมีพี่ปกป้องน้อง เราก็คิดตอนแรกเลยว่าหรือเราจะได้ผู้ชาย แต่พอรู้แล้วว่าลูกสาวก็คิดว่าเลี้ยงยังไง เราไม่รู้ว่าจะเสียงสองยังไง เราไม่ใช่คนเสียงสอง (หัวเราะ) แต่เพื่อนทุกคนบอกว่า การมีลูกสาวคนแรกเหมือนเข้าพรี เป็นการเตรียมตัว ถ้าได้ลูกชายคนแรกอาจจะปวดหัวมาก อาจจะซนมาก ได้ลูกผู้หญิงก็จะมีความน่ารักแบบผู้หญิง พอรู้ว่าลูกสาวเราก็บอกว่าลูกพ่อแน่เลย เพราะว่าเราเป็นคนนึงที่ติดพ่อ เราเลยเข้าใจว่า ลูกสาวของพ่อ ลูกชายของแม่ (หัวเราะ)”
“ยังไงขั้นต่ำก็อยากมี 2 คนอยู่แล้ว คุณสามีบอกอยากมี 3 คน เราก็บอกว่าพักก่อน 2 พอ ตอนนี้ก็ใกล้คลอดแล้ว คิดว่ามกราคม ส่วนวันยังไม่มีเลย คุณหมอก็พูดว่าฤกษ์หาไป สุดท้ายเด็กก็เลือกวันเอง เพราะเราต้องเช็คอาทิตย์ต่ออาทิตย์ (จะคลอดธรรมชาติ?) เราอยากให้เขาอยู่ในท้องเรานานที่สุด ถามว่าธรรมชาติไหม ผ่าแหละ เดาเอานะตอนนี้”
“ตอนแรกคุณหมออยากให้อยู่ใกล้ 39 วีคที่สุด เพราะฉะนั้นเราก็อยากจะเก็บให้ถึงยาวที่สุด ตอนแรกเรามีฤกษ์นึงที่เราอยากได้ แล้วพอถามคุณหมอยังไม่ 38 วีค เราก็ว่าขาด 2 วันไม่เป็นอะไร แต่พอถามเพื่อนที่ท้องก็บอกว่าวันนึงก็มีผลนะ เด็กยังไม่เคยหายใจด้วยตัวเอง ไม่เคยกินอะไรด้วยตัวเอง ให้เขาโตเต็มที่ในท้องเราดีกว่า ก็เลยยังไม่หาฤกษ์”
กลัวการคลอดลูก
“ตื่นเต้น เราเป็นคนกลัว ด้วยความที่ตอนเด็กๆ เข้าค่ายเนตรนารีดูคลิปภาพที่แม่คลอดลูก น่ากลัวสำหรับเรามาก แต่ตอนเด็กเขาคงไม่อยากให้เด็กท้องก่อนวัยอันควรนะ แล้วก็เรื่องพระคุณแม่ แต่เป็นอะไรที่เป็นภาพจำของเรากลัวการคลอดมากๆ แต่คุณสามีก็จะบอกว่าผู้หญิงทั้งโลกทำได้ เราก็บอกว่า ไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอก ฉันกลัว เพื่อนเขา คุณแม่เขา พูดหมดเลยว่า คลอดธรรมชาติสิ คือฝรั่งถ้าท้องไม่ได้มีปัญหาส่วนใหญ่เขาจะให้ธรรมชาติ”
“ก็คลอดที่ภูเก็ตค่ะ คือว่าบ้านที่กรุงเทพไม่เสร็จ บ้านที่สร้างให้คุณพ่อคุณแม่ก็ดีเลย์ เรือนหอตอนแรกจะเสร็จมกราก็ยืดไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเรามีบ้านที่ภูเก็ต ก็เลยคิดว่าเด็กที่โตที่ภูเก็ตคุณพ่อเขาคิดว่าคูลมากเลยนะ เกิดที่บนเกาะ แต่เราเป็นคนกรุงเทพไง เราไม่เคยรู้เลยว่าต่างจังหวัดต้องทำอะไร กินที่ไหน มันเหมือนเริ่มใหม่ เรามีก้อย (ก้อย รัชวิน) ก็บอกขอลอกการบ้านหน่อย เขาก็แนะนำคุณหมอ แนะนำคนนวดน้ำนม ขั้นพื้นฐานอย่างน้อยมีก้อยเราก็สบายใจ ก็มีไปปรึกษาโน่นนี่ เราเชื่อว่าอะไรที่เขาเลือกเขาน่าจะทำการบ้านมาแล้ว เราเป็นพวกชอบลอกการบ้าน”
ยังไม่เปิดหน้าสามี อยากให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว
“ไม่รู้ๆ เหมือนกันนะว่า เราจะอยากเปิดเมื่อไหร่ เอาจริงๆ ด้วยความที่ตั้งแต่แรกเรารู้สึกว่า อยากมีพื้นที่ส่วนตัวให้เขา ไมได้แอฟอะไรนะ แต่รู้สึกว่าอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า โดยส่วนตัวของเรา เราไม่ใช่คนลงรูปโพสต์กับแฟน ตั้งแต่อยู่วงการมา 10 กว่าปีอาจจะมีแค่คนนึงเพราะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมันแยกกันไม่ได้ แต่กับคนอื่นที่เราเป็นแฟนที่คบกันมาไม่ค่อยมีรูปไอซ์กับแฟนเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้มันเป็นสิ่งนึงที่มันคือตัวตนของเราด้วย แล้วพอกับเขาก็ไม่ใช่คนที่จะชอบถ่ายรูป แต่เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้คือเซ็นทรัลภูเก็ตถิ่นประจำ ไม่ได้ปิด ไม่ได้รู้สึกว่าเจอใครแล้วทำเป็นความลับ แต่แค่รู้สึกว่าไม่รู้จะโพสต์อะไร แต่ถ้ามีรูปอะไรพิเศษจริงๆ อยากลงก็จะลง แต่ไม่มีรูปที่อยากจะลง”
รูปพ่อแม่ลูกหลังคลอดก็อาจจะโชว์
“ก็ต้องดูหน้าเราว่าตอนนั้นเป็นยังไง มันอยู่ในแพ็กเกจของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ไอซ์อาจจะไม่แฮปปี้รูปนั้นก็ได้ (หัวเราะ) ก็เลยตอบไม่ได้ หรือรูปนั้นอาจจะมีอยู่แล้วแต่เราไม่อยากโพสต์ก็ได้”
ถือเคล็ดไม่กล้าเปิดเรื่องความรัก? ยันไม่ใช่เมียน้อยใคร
“ก็อาจจะเป็นเรื่องนั้นด้วยนะที่เรารู้สึก แต่แรกเลยนะหมอดูทุกคนจะพูดเลยนะความรักถ้าไม่เปิดเผยจะดีที่สุด แต่เราไม่เป็นเมียน้อยใครนะ แต่ถ้าเปิดจะมีปัญหา เราก็รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ฝังหัวอยู่แล้ว แล้วทุกครั้งเปิดแล้วก็ชอบมีปัญหา พอเรามานั่งคิดพิจารณาว่า ตอนเราอยู่กันสองคนเราไม่มีปัญหา แต่พอมีคนเอาไปทำโน่นนี่ ปัญหามาจากคนอื่นไม่ใช่เรา”
ดราม่าก่อนหน้านี้เจอมาหลายเรื่องมาก?
“ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า เราอยู่ในยุคที่เราจะต้องใช้สติมากๆ ในการรับฟังข่าวหรือวิเคราะห์ ตอนนั้นในหัวมีอยู่ 2 อย่างว่า เราจะต้องออกมาแก้ข่าวไหม แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราออกมาแก้ข่าวเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเอง ทำไมเราต้องดิ้นรนกับอะไรที่มันไม่ใช่เรื่อง สำหรับเรามองว่าถ้าออกมาพูดเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองอย่างหนึ่ง เราอย่าไปเดือดร้อนกับสิ่งที่มันไม่ใช่ เราต้องยืนหยัดหนักแน่นกับความจริงของเรา ถ้าเราออกมาพูดแล้วเขาเปลี่ยนแอคเคาท์เอาเรื่องอะไรมาพูดอีก ก็ต้องออกมาพูดทุกครั้งเหรอ ไม่อยากจำเป็นที่จะต้องให้ค่ากับอะไรที่อย่างนี้ แล้วไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกกี่รอบๆ ต้องดิ้นรนกับมัน ไอซ์เลยหนักแน่นและปล่อยผ่านแล้วมันก็ผ่านไป”
“จะบอกว่าเราโชคดีมากที่เรามีน้องอยู่ในท้อง และเราไม่อยากส่งอารมณ์อะไรที่ไม่ดีไปถึงน้องเลย คุณสามีเขาก็ขอบคุณเรา และประทับใจเราที่เราหนักแน่นพอ และเราก็รู้สึกว่าพอมันใช้คำว่าครอบครัว เราไม่จำเป็นที่จะต้องเอาพายุเข้าบ้าน”
“ก็มีคนส่งให้เขาบ้าง แต่อะไรที่เป็นภาษาไทยมากเขาก็ไม่รู้เรื่อง ไอซ์ก็ไม่ส่งอารมณ์ที่มันไม่ดีไปถึงลูก คือไอซ์ว่ามันอยู่ในจังหวะที่เป็นบททดสอบใหญ่เหมือนกัน เพราะสมมติเราสติแตก มันก็สามารถเป็นบ้าเป็นบอได้เหมือนกันนะ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับเรามองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ใจร้ายเหมือนกันนะ ในการที่รู้ว่าผู้หญิงที่กำลังท้องและมาทำอะไรแบบนี้ แต่เราก็เข้าใจเจตนาว่าคนทำคงไม่ได้หวังดีเท่าไหร่ และเราก็จะไม่อนุญาตให้เขาเอาอารมณ์ที่ไม่ดีมาใส่เราได้ ช่วงนั้นก็โชคดีมากที่อยู่ต่างประเทศ เราก็ใช้ชีวิตของเราไป”
“โชคดีมาก เพราะไทม์โซนมันต่างกันมาก แต่ก็มีคนส่งมาให้เรารู้แหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนั้นเราโชคดีที่เราปล่อย อะไรที่มันไม่ใช่ก็อย่าเอาเข้ามา อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าทำร้ายครอบครัว อย่าทำร้ายลูกสาว”
ท้องด้วยความตั้งใจไม่ใช่พลาด
“รู้สึกว่าเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และเราก็ถามตัวเองแล้วว่าเราไม่ใช่คนที่ใครก็ได้ วันนี้ที่เราอายุมาถึงขนาดนี้ และเรามีประสบการณ์ชีวิตกับความรัก และรู้ว่าเราเลือกอะไร ในวันที่เราจะมีน้อง พูดเลยว่านี่คือความตั้งใจมากๆ เราไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมาใช้คำว่าพลาดหรืออะไร มันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจ แต่อาจจะไม่ใช่ตามสเต็ปทุกคนที่จะต้องจัดงานแต่งงานนะ แต่เรื่องนั้นสำหรับเรา คือเราเองที่ไม่อยาก คือเรารู้สึกว่ามันไม่ได้หมายความว่าอะไรเลยในงานแต่งงาน และเราก็เคยเฉียดๆ ตรงนั้นมาแล้ว และเราเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แปลว่าอะไร มันไม่ได้มีความหมายอะไรที่จะทำให้ชีวิตรักอันนี้มันยืนหยัด มั่นคงเพราะมีภาพงานแต่งงานๆ นึง แต่เราว่าสิ่งสำคัญคือต่อจากนี้เราจะใช้ความเป็นครอบครัวของเรายังไงให้มันมีความสุขอยู่ยาวที่สุด”
สามีอยากจัดงานแต่ง
“เอาจริงๆ เขาอยากมี แต่จากที่เขาอยากจัดที่ต่างประเทศอยู่แล้ว และเราก็บอกว่าตั๋วคราวที่แล้วยังมีอยู่เลย กูไม่กล้าเชิญใครไปต่างประเทศ (หัวเราะ) เขาก็พูดว่างั้นจัดงานเล็กๆ 30 คน เราก็โอ้โห เราจะจัดยังไง 30 คน เลือกไม่ถูก กลุ่มเดียวก็ไม่ได้แล้ว และเราก็เกรงใจเพื่อนว่าจะต้องบินไปต่างประเทศ ช่วงนั้นก็ยังโควิดอยู่ ก็คิดว่าถ้าเรามานั่งรออะไรที่มันตามสเต็ป เราคิดว่าตอนนี้ด้วยอายุเราสิ่งสำคัญสุดคือการมีน้อง มันรู้สึกว่าถึงเวลาที่ใช่แล้ว และเราอยากมีขั้นต่ำ 2 คน อายุมันก็จะมากขึ้นแล้ว และเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะติดหรือไม่ติด เราก็รู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่เสี่ยง เราก็รู้แหละ แต่มันถึงเวลาแล้วที่เราพร้อมที่จะเสี่ยง เพราะเรามีครอบครัว”
รู้อดีตของสามี แต่ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน อยู่กับปัจจุบันดีกว่า
“ไม่กล้าให้เต็มร้อยเลย (หัวเราะ) คือ ณ ตอนนั้นให้ตัวเองว่าเราต้องไปบอกแฟนด้วยซ้ำว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกนี้แป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เธอไม่ต้องเป็นห่วงอะไรความสุขฉัน เรารู้อะไรเป็นอะไรก่อนที่ฉันจะเลือกเธอฉันรู้ทุกอย่างแล้วเขาก็รู้จักเรา ทุกคนมีอดีต แล้วเราก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันเป็นเรื่องที่เราเลือกฝรั่งเพราะอะไรรู้ไหม เพราะเรารู้สึกว่าเขาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอดีตของเรา เราก็จะไม่ยุ่ง เราอยู่ปัจจุบันและเรารู้สึกว่า จากที่เราปฏิบัติเราดูกันที่ปัจจุบันดีกว่า”
ยอมรับครอบครัวของสามีเป็นคนมีเงิน ดำเนินธุรกิจมา 100 ปีแล้ว แต่ไม่ใช่รวยอันดับ 5 ในฝรั่งเศส
“โอ๊ย อันดับ 5 ประเทศเขาโอ้โห ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่เขามาจากครอบครัวมีเงินไหม เขาก็มาจากครอบครัวมีเงิน แล้วธุรกิจจากครอบครัวก็คือธุรกิจจะ 100 ปีแล้ว บางทีที่มาที่ไปที่เขาเขียนพยามโจมตีว่าทำธุรกิจไม่ดีหรือมาจากอะไร คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขานะ เขาบอกว่าเขาอยากปกป้องตัวเองแต่ไอซ์ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรื่องพวกนี้ก็ผ่านไป คนที่เขาไม่เชื่อเขาก็ไม่เชื่อ เพราะถ้าเขาไปหานามสกุลดูก็จะรู้ว่ามันมีบริษัทอะไรที่เป็นเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวมา 100 ปีอยู่แล้ว”
“ไอซ์รู้สึกว่ามันเป็นดวงของไอซ์อีกแล้วที่เราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ครั้งที่แล้วก็สงสารทุกคนที่เข้ามายุ่งกับเราเหมือนกันแล้วเขาต้องเจออะไรแบบนี้ เราก็รู้สึกว่าเราเข้มแข็งพอ แต่คนอื่นที่เขาไม่ได้อยู่จุดเรา เขาไม่มีประสบการณ์แบบเรามา 10 ปีๆ มันก็ลำบากสำหรับเขาเหมือนนะ”
ไม่จัดงานแต่ง เอาเงินมาทำแหวนหมั้นอลังการ
“ก็แหวนหมั้นนั่นแหละ เอาจริงๆ นะตั้งแต่วันนั้นที่บอกเขา เขาถามว่าถ้าแต่งงานเธออยากได้แบบไหน จัดงานที่ไหน อะไรยังไง เราก็บอกเอาเงินที่จะทำทั้งหมดมาที่นี่ (ก็รวมอยู่ที่นี่เลย?) ใช่ เอาจริงๆ เรารู้สึกว่างานแต่งงานเป็นวันเดียวแล้วมันก็จบ แต่อันนี้มันอยู่กับเราตลอด วันนั้นพูดเล่นๆ อุ๊ย...เธอฉันไม่ได้สนใจอะไรเลย แล้วเขาก็ถามสนใจอะไร ก็พูดเล่นๆ หลังจากนั้นสิ่งที่เขาหามาก็รู้สึกว่าเขาตั้งใจแล้วเขาพยายามหาดีที่สุดเท่าที่เขาหาได้”
“ไม่บอกว่ากี่กะรัต แต่เขาหาสิ่งที่ไอซ์รู้สึกว่า ไอซ์เคยพูดในรายการว่า เขาส่งใบเซอร์มาให้ เพราะเขาไปประมูลมา เราก็พูดนี่เธอขอฉันหรือเปล่า ขายเพชรฉันอะไรแบบนี้ เราเลยรู้สึกว่าเราเห็นความตั้งใจแล้วนอกเหนือสิ่งที่มันจะต้องเป็นไซส์หรืออะไรที่ทุกคนสนใจ แต่เราสนใจว่าเขาพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา”
“ตอนแรกไม่ได้เห็นของจริง ใหญ่ไปหรือเปล่า เขาบอกว่ามันใส่ได้ทุกวัน เขาก็อยากให้ใส่ทุกวัน (แต่ต้องระวังหน่อย?) ถูก เขาก็จะระแวงถ้าสมมุติไปในที่ที่มันไม่ถูกต้องก็จะไม่ใส่”