xs
xsm
sm
md
lg

ชมคลิป ‘กินดั่งราชา ผวาหนีดั่งหมาไน’ คนเมืองผู้ดีชักดาบผับหมื่นกว่า ยัยลูกสาวโดน CCTV จับใบหน้าจะจะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อื้อฉาว ฮือฮาไปทั่ว เมื่อสื่อเจ้ายักษ์ของอังกฤษนำเสนอคลิปแฉหญิงและชาย 6 รายแห่งครอบครัวมิจฉาชีพทยอยกันวิ่งหนีออกจากผับ ไม่ยอมชำระค่าอาหารสุดหรูมากมาย ทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ ทั้งสเต๊กฟิลเลต์ ทั้งสุราและซอฟต์ดริงก์ต่างๆ รวมเป็นเงินกว่าหนึ่งหมื่นสองพันบาท ในหมู่บ้านเล็กๆ ย่านนอร์ท ยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ แต่เจ้าของผับซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวรายย่อยประกาศไม่ยอมแพ้ โดยนำคลิปจากกล้อง CCTV ซึ่งเห็นใบหน้าสมาชิกกลุ่มบางรายอย่างชัดเจนไปใช้ในการเอาตัวครอบครัวนี้มาชดใช้การกระทำผิด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแก่ทางผับ
“ทานอิ่มแล้วซิ่งหนี” เห็นกันกระจะตา!!

ครอบครัวเมืองผู้ดี 6 คน ทยอยแว่บออกจากผับขายอาหารและสุราอย่างไร้ยางอาย หลังเอร็ดอร่อยกับมื้อค่ำสุดหรูราคาแพง ทั้งล็อบสเตอร์เนื้ออวบฟู 3 จาน และทั้งฟิลเลต์สเต๊กชุ่มฉ่ำชิ้นโต 3 ชิ้น ตลอดจนจานอร่อยเรียกน้ำย่อย3 จาน และค็อกเทลกับซอฟต์ดริงก์ รวมชักดาบใส่เจ้าของร้านไปเกือบหมื่นสองพันบาท

กล้องทีวีวงจรปิดด้านหน้าผับและร้านอาหาร “เดอะ ซัตตัน อาร์มส์” ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวรายย่อยในย่านนอร์ท ยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ แฉให้เห็นว่าลูกค้าชายหญิงที่จองโต๊ะล่วงหน้าอย่างเรียบร้อย และเข้าไปกินดื่มกันสะเริงสราญเมื่อค่ำ 27 ตุลาคม 2022 ได้มีพฤติกรรมแอบทยอยหลบหนีออกประตูหน้าร้านไปทีละคนสองคน การกินอย่างหรูหรา แล้ววิ่งหนีครั้งนี้เป็นการเบี้ยวไม่จ่ายเงินอาหารและเครื่องดื่มจำนวนสูงถึง 270 ปอนด์ หรือราว 11,800 บาท

เอมมา ลี เจ้าของผับซัตตัน อาร์มส์ ที่ต้องประสบกับลูกค้ามิจฉาชีพ เป็นร้านอาหารและบาร์เครื่องดื่มยอดนิยมในหมู่บ้านเฟซบี ในเขตเทศมณฑลนอร์ท ยอร์กเชียร์ เธอออกมาโอดครวญเรื่องย่ำแย่ดังกล่าวกับเครือข่ายลูกค้าขาประจำและญาติสนิทมิตรสหายผ่านสื่อสังคม ส่งผลให้สื่อขาใหญ่ของอังกฤษอย่างเดอะซันยูเค และเดลีเมลออนไลน์ นำไปเสนอเป็นข่าวฮือฮา


คลิปวิดีโอจาก CCTV ที่เว็บไซต์ข่าวเดอะซันนำขึ้นเผยแพร่ประกอบข่าวเมื่อ 28 ตุลาคม 2022 และในวันต่อมาค่ายเดลิเมลออนไลน์ก็นำไปรายงานต่อ


ทั้งนี้ เอมมา ลี ได้เรียกร้องผ่านไปถึงกลุ่มลูกค้ากินแล้วชิ่งกลุ่มดังกล่าวซึ่งมีจำนวน 6 คน และอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ให้กลับตัวกลับใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือกลับมาจ่ายค่าอาหารมื้อสุดหรู ราคาแพงของพวกเขา โดยอาจจะหย่อนเงินไว้ในตู้รับจดหมายของร้านก็ได้

หญิงเจ้าของผับแอนด์เรสตัวรองต์วัย 38 กะรัต บอกนักข่าวเดอะซันยูเคว่า “เราอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ เราจำได้หมดค่ะลูกค้าที่เคยเข้ามาทานอาหาร ครอบครัวนี้น่ะเคยมาที่ผับแล้วค่ะ แต่คราวนี้พวกเขาตัดสินใจเบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงิน”

มาดามลี เล่าว่า ครอบครัวนี้โทรศัพท์มาจองโต๊ะไว้ล่วงหน้า โดยใช้ชื่อ “ฟินนีย์” ซึ่งเธอคาดว่าคงเป็นนามสกุลของครอบครัว แต่เธอเองจำรายละเอียดอื่นๆ ไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของคนกลุ่มนี้สักคนเดียว

พวกเขาสั่งอาหารล่วงหน้าเป็นออเดอร์ใหญ่ ได้แก่ กุ้งลอบสเตอร์ 3 ที่ ฟิลเลต์สเต๊ก 3 ชิ้น แล้วเมื่อมาที่ผับยังสั่งเครื่องดื่มอีกกว่า 70 ปอนด์ หรือประมาณ 3,000 บาท

คุณแม่ลูก 5 โอดครวญว่า อันที่จริงแล้วในคืนที่เกิดเหตุร้ายนี้ มีลูกค้าอื่นๆ หลายโต๊ะต้องการรับประทานกุ้งล็อบสเตอร์เหมือนกัน แต่เธอตัดสินใจว่าจะต้องเก็บเอาไว้ให้ครอบครัวนี้เพราะพวกเขาโทรศัพท์มาจองล่วงหน้าไว้แล้ว

“ปกติแล้วเราจะได้กุ้งล็อบสเตอร์ตัวโตๆ มาคราวละ 5 ตัว ซึ่งสามารถเสิร์ฟได้ 10 จาน กุ้งล็อบสเตอร์นี่ขายดีจริงๆ ค่ะ” เธอบอกกับ เดอะซัน

คุณแม่ลียืนยันว่าพฤติการณ์กินแล้วชิ่งอย่างนี้ สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ผับซึ่งเป็นกิจการในครอบครัวของเธอ

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวลี ทำธุรกิจให้บริการเฉพาะในส่วนของผับซัตเตอร์ อาร์มส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตใหญ่ของโรงแรมชัตเตอร์ อาร์มส์ ในปัจจุบันนี้ สมาชิกครอบครัวช่วยกันดำเนินงานเอง 5 คน ได้แก่ คุณแม่เอมมา กับสามีรับผิดชอบงานครัว และมีลูกๆ 3 คนที่โตหน่อย ทำหน้าที่หน้าร้านทั้งต้อนรับแขก รับออเดอร์ เสิร์ฟ ดูแลบาร์เครื่องดื่ม เก็บเงิน เคลียร์โต๊ะเคลียร์จาน

“อะไรๆ ก็แพงระยับไปหมดค่ะ” เธอบ่น “แต่แทนที่ผับของเราจะปรับขึ้นราคาสเต๊กหรือล็อบสเตอร์ หรือบวกราคาของอื่นๆ เข้าไป เรากลับพยายามดึงให้ราคาต่ำลงมา ถึงแม้บางทีอาจจะต้องยอมเข้าเนื้อบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ดูสิคะ เราต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้อีก มันเหมือนฝันร้ายล่ะค่ะ”

บิลค่าอาหารและเครื่องดื่มของครอบครัวมิจฉาชีพที่บริโภคในผับซัตตัน อาร์มส์ ซึ่งมีทั้งจานอร่อยเรียกน้ำย่อย 3 รายการ กับอาหารจานหลักสุดหรู และค่าเครื่องดื่มอีกต่างหากอีก 3 พันกว่าบาท รวมเป็นเงินเกือบหมื่นสอง แต่ลงเอยแล้วมิจฉาชีพพากันเผ่นหนีออกจากอาณาบริเวณของโรงแรมชัตตัน อาร์มส์ ไปในความมืดสลัว โดยมีแต่กล้อง CCTV ที่ได้เห็นและบันทึกภาพพฤติกรรมชักดาบครั้งนี้
ดูทรงแล้วตั้งใจกินแล้วชิ่งหนีชัดเจน แต่คงไม่เห็นว่าผับติดกล้อง CCTV เพื่อตามจับมิจฉาชีพไว้พรักพร้อม

ด้วยความที่ผังภูมิที่ตั้งของซัตตัน อาร์มส์ ทั้งหมดเป็นพื้นที่ค่อนข้างใหญ่และมีลักษณะเป็นกลุ่มอาคารที่แวดล้อมด้วยสวนและแปลงเกษตร โดยอาคารหลักด้านหน้ากับด้านขวาเป็นส่วนของโรงแรมขนาดเล็ก กับส่วนของร้านขายของ ขณะที่ส่วนของผับและภัตตาคารของครอบครัวมาดามลี เป็นอาคารแยกต่างหากอยู่ทางด้านซ้าย แล้วมีอาคารกึ่งสำนักงานตั้งห่างออกไปปิดพื้นที่ด้านท้าย และมีลานจอดรถอยู่ใจกลางพื้นที่

ดังนั้น โอกาสที่เหล่ามิจฉาชีพจะหลบหนีไปทางลานจอดรถซึ่งปลอดคนอยู่ในความสลัวโดยไม่มีใครรู้เห็น จึงมีสูงอย่างยิ่ง

จากวิดีโอความยาว 1 นาที 22 วินาทีที่กล้องทีวีวงจรปิดของผับบันทึกเอาไว้ บอกได้เลยว่าอาการของแต่ละคนในครอบครัวนี้แสดงชัดถึงการวางแผนหลบหนีไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งวิธีที่แยกกันแว่บออกจากร้าน และทั้งอากัปกิริยาที่วิ่งจี๋เมื่อพ้นออกจากร้านและไม่เห็นคนอื่นอยู่ใกล้ๆ ยิ่งกว่านั้น รถของกลุ่ม 6 คนนี้ก็ไม่ได้ถูกจอดไว้ที่ลานจอดรถด้วย

ขั้นตอนแรกของการแว่บหนีคือ สตรีสูงอายุที่สุดซึ่งน่าจะเป็นมารดาของครอบครัวมิจฉาชีพลุกไปห้องน้ำ จากนั้นน้องผู้หญิงของกลุ่มทำทีว่ารับโทรศัพท์และเดินออกไปสนทนาด้านนอกซึ่งเป็นลานจอดรถ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือจะไม่เดินออกจากผับเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะจะทำให้เจ้าของร้านซึ่งมีกันเพียง 3 ศรีพี่น้องรู้สึกผิดสังเกต ครอบครัวมิจฉาชีพนี้ใช้วิธีแยกกันเดินออกจากผับแบบทิ้งระยะเล็กน้อย แล้วค่อยไปวิ่งหนีเร็วจี๋ที่ลานจอดรถ

ส่วนคุณแม่แก๊งชักดาบเดินออกจากห้องน้ำ โดยเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มที่จะหนีออกจากผับ เธอทำทีว่ามีโทรศัพท์เรียกเข้า แล้วก็รีบผลุนผลันวิ่งผ่านลูกสาวเจ้าของผับ เผ่นหายไปในพริบตาโดยที่เจ้าของผับไม่ติดใจสงสัยใดๆ ด้วยเชื่อใจให้เกียรติลูกค้าทุกคนว่าคงมีเรื่องเร่งด่วนบางอย่าง เดี๋ยวก็คงกลับมาเคลียร์บิล

ภายใน 90 วินาที ไม่มีคนใดในครอบครัวที่เหลือรอจะชำระเงินเลย กระนั้นก็ตาม ด้วยความที่ว่าผับมีลูกค้าโต๊ะต่างๆ เต็มร้าน กว่าที่ 3 ศรีพี่น้องเจ้าของผับจะว่างจากการให้บริการแก่ลูกค้า และรู้ตัวว่าครอบครัวโต๊ะจองหมายเลข 8 ได้เผ่นไปโดยไม่ชำระเงิน บุคคลทั้ง 6 รายเหล่านี้ได้หนีไปไกลแล้ว

ภาพที่ปรากฏในคลิปซึ่งเดอะซันได้รับจากผับซัตตัน อาร์มส์ และนำขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าวนั้น คนแรกเป็นน้องผู้หญิงของกลุ่มซึ่งในชุดเสื้อวอร์มกีฬาสีชมพูและถือโทรศัพท์อยู่ในมือ เธอเดินตีเนียนออกไปก่อนใครๆ โดยเดินคุยโทรศัพท์ออกมาด้านนอกผับซึ่งเป็นลานจอดรถ เธอสวนทางกับลูกค้าคนหนึ่งของผับ แล้วเธอก็ออกอาการระแวดระวังสอดส่องแลมองไปทั่วๆ อย่างกังวลและมีพิรุธ

พฤติกรรมดังกล่าวทำให้เธอหันเข้าหากล้องทีวีวงจรปิดของผับในระยะใกล้ เห็นใบหน้าชัดเจน

เมื่อเห็นว่าทางปลอดแล้ว เธอขยับไปรอใกล้ช่องทางเดินแคบๆ ข้างรั้วผับ และยืนรอพลางเช็กโทรศัพท์ในมือสักพักจนกระทั่งมีผู้ชายเสื้อขาววิ่งจี๋ตามมาสมทบ แล้วทั้งสองย้ายเข้าไปหลบรอคนอื่นๆ ตรงปากช่องทางเดินข้างผับ

หลังจากนั้นประมาณ 20 วินาที ผู้ชายอีกคนหนึ่งท่าทางน่าจะเป็นบิดาของทีมมิจฉาชีพเดินอย่างมั่นใจไร้พิรุธใดๆ ตามไปสมทบสองคนแรก แล้วทั้งสามก็หายเข้าช่องทางเดินแคบๆ ตรงนั้นด้วยกัน

ประมาณ 15 วินาทีต่อมา สมาชิกคนที่สี่ของครอบครัวมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผู้หญิง วิ่งตามมา โดยวิ่งพร้อมกับสวมแจ็กเกตสีฟ้าไปพลาง เธอมีหนุ่มอายุน้อยวิ่งอย่างเร็วตามหลังมาติดๆ ทั้งคู่เลี้ยวหายเข้าไปในช่องทางเดินข้างผับ

และภายใน 10 วินาทีต่อมา สมาชิกคนที่ 6 ของครอบครัวที่เป็นผู้หญิงในเสื้อแจ็กเกตสีขาววิ่งตามไปที่ช่องทางเดินข้างผับเป็นคนปิดท้ายขบวน

ภาพที่จับขึ้นมาจากคลิปซึ่งเดอะซันนำขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าว เป็นน้องผู้หญิงของกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งในชุดเสื้อวอร์มกีฬาสีชมพู เธอสวนทางกับลูกค้าคนหนึ่งของผับ แล้วเธอก็ออกอาการระแวดระวังสอดส่องแลมองไปทั่วๆ อย่างกังวลและมีพิรุธ

เมื่อเห็นว่าทางปลอดแล้ว สาวน้อยขยับไปรอใกล้ช่องทางเดินแคบๆ ข้างรั้วผับ

สักพักหนึ่ง ผู้ชายเสื้อขาววิ่งจี๋ตามไปสมทบ แล้วทั้งสองย้ายเข้าไปหลบรอคนอื่นๆ ตรงปากช่องทางเดินข้างผับ
ผับซัตตัน อาร์มส์ สู้สุดๆ ไม่ยอมเสียท่าให้แก่ครอบครัวมิจฉาชีพ มีทั้งคลิป มีทั้งข้อมูลว่า 6 คนนี้บ้านอยู่ไหน

พฤติกรรมของครอบครัวมิฉาชีพซึ่งทานอิ่มแล้วชิ่งหนีดังกล่าวเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า ทำชั่วขึ้น พวกเขาประสบความสำเร็จในการเอาเปรียบและรังแกผับแอนด์เรสตัวรองต์แห่งนี้อย่างราบรื่น ไม่มีพนักงานของร้านนึกเอะใจ วิ่งตามไปไล่จับตัว อีกทั้งไม่มีผู้คนเห็นพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของพวกเขาเลย

มาดามลี บอกว่า ลูกๆ ของเธอไม่รู้สึกผิดสังเกตอะไรเป็นพิเศษในตอนนั้น เนื่องจากผู้หญิงคนหนึ่งในโต๊ะนี้ทำเป็นง่วนอยู่กับคุยโทรศัพท์มือถือ

มาถึงตอนนี้ เจ้าของผับซัตตัน อาร์มส์ เรียกร้องให้พวกลูกค้ากลุ่มนี้แก้ไขความผิดที่ทำไป โดยขอให้ยอมกลับมาจ่ายเงิน ซึ่งอาจจะเอาเงินใส่ไว้ในกล่องรับจดหมายของผับก็ได้ เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น

เธอเล่นบทกร้าวด้วยว่า ถ้าจนถึงวันจันทร์ แล้วพวกเขายังไม่พยายามทำสิ่งใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าจะแก้ไขสถานการณ์ให้ถูกต้องอย่างไร เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้อง “ไปเดินเรื่องกับทางการ”

“เราเป็นแค่ร้านขายอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินการโดยครอบครัวเล็กๆ เราพยายามประคองตัวกันอย่างเต็มที่ให้พออยู่รอดได้ภายในช่วงเวลาอันสุดแสนลำบากเพื่อจะสามารถให้บริการอย่างดีแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เราเจอเรื่องร้ายเข้าแล้ว เราได้แต่หวังว่าจะมีทางแก้ไข ไม่อย่างนั้น เราจะต้องเดินเรื่องไปถึงทางการ” เธอกล่าวกับเดลีเมลออนไลน์

“ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ดีๆ กันทั้งนั้น ดังนั้น นี่เป็นเรื่องน่าอายนะคะที่พวกเขาทำแบบนี้ขึ้นมา”

คุณแม่ลูกห้าซึ่งทุกข์ใจในความเสียหาย นำเรื่องไปเขียนขึ้นสื่อสังคมอย่างเฟซบุ๊ก เพื่อโอดครวญกับเครือข่ายลูกค้าขาประจำและญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งนำภาพบิลค่าอาหาร ทั้งนำภาพอาหารจานแพงๆ ขึ้นไปให้เห็นว่ามิจฉาชีพ 6 รายนั้น สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ผับซัตตัน อาร์มส์เพียงใด

ภาพจากคลิปแก๊งครอบครัวมิจฉาชีพ ซึ่งกินแล้วซิ่งหนีไม่จ่ายเงิน โดยผับซัตตัน อาร์มส์โหลดขึ้นเฟซบุ๊ก ประกอบการขออภัยหลายๆ ท่านที่มีนามสกุล “ฟินนีย์” เหมือนกับครอบครัวมิจฉาชีพ พร้อมกับยอมรับว่าไม่ยุติธรรมที่ผู้ซึ่งมีนามสกุลดังกล่าวต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปหมด จึงประมาณว่านำคลิปให้เห็นกันทั่วๆ ว่าเป็นชาวฟินนีย์บ้านไหนกันแน่
การณ์ปรากฏว่าเมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ผับซัตตัน อาร์มส์ ได้รับความเห็นใจล้นหลามจากเหล่าลูกค้า ซึ่งพากันเขียนให้กำลังใจ ส่วนใหญ่รู้สึกโกรธและติเตียนกลุ่มกินแล้วชิ่งนี้ว่ามีพฤติกรรม “น่าละอาย”

“พวกเขาควรที่จะอายแก่ใจนะ” เป็นโพสต์ของลูกค้ารายหนึ่ง

อีกคนสำทับว่า “ต่อให้ไม่เจอกับพฤติกรรมแบบนี้ ผับก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนกันสุดฤทธิ์สุดเดชอยู่แล้ว ...นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ เลย”

แต่ก็มีบางคนเสนอแนะว่ามันอาจจะเกิดจากความผิดพลาดโดยสุจริตก็ได้ โดยที่แต่ละคนในครอบครัวนี้อาจจะสับสนในเรื่องที่ว่าใครควรจะเป็นคนจ่ายเงิน

ตัวเจ้าของผับก็แสนสุภาพ กล่าวคือ แม้ภาพเหตุการณ์หลบหนีบ่งบอกเจตนาของเหล่ามิจฉาชีพได้อย่างชัดเจน แต่เธอกล่าวยอมรับว่าเรื่องที่จะสับสนอย่างนี้ก็มีความเป็นไปได้ กระนั้นก็ตามเธอบอกกับเดลิเมลออนไลน์ว่า เธอหวังว่าถ้าหากมันเป็นความผิดพลาดจากความเข้าใจผิดจริงๆ มาถึงตอนนี้พวกเขาก็ควรนำเงินมาจ่ายและเคลียร์บิลให้จบๆ เรื่องไปเสีย

การณ์ปรากฏว่าครอบครัวมิจฉาชีพน่าจะต้องลงเอยด้วยการถูกจับกุมและยอมจำนน เพราะว่าหลังจากวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา นักชักดาบเหล่านี้ไม่ออกมาเคลียร์หนี้ ทั้งที่คลิปและเรื่องราวของพวกเขา ตลอดจนคำเตือนจากเจ้าของผับได้ปรากฏหราบนเว็บไซต์ข่าวเจ้าใหญ่ๆ ทั้งเดอะซัน และเดลีเมลออนไลน์ อีกทั้งบนเฟซบุ๊กของผับ

ดังนั้น ในวันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน เจ้าของผับขึ้นกระทู้ใหม่ ขออภัยหลายๆ ท่านที่มีนามสกุล “ฟินนีย์” เหมือนกับครอบครัวมิจฉาชีพ พร้อมกับยอมรับว่าไม่ยุติธรรมที่ผู้ซึ่งมีนามสกุลดังกล่าวต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปหมด ผับจึงนำคลิปบันทึกความเคลื่อนไหว 82 วินาทีที่บุคคลทั้ง 6 นี้วิ่งหนีออกไปจากอาณาบริเวณของโรงแรมซัตตัน อาร์มส์ ขึ้นบนเฟซบุ๊ก ประมาณว่าจะช่วยเคลียร์ข้อกล่าวหาให้แก่ทุกคนโดยทั่วหน้า

แต่ในส่วนของช็อตที่เห็นใบหน้าของลูกสาวครอบครัวมิจฉาชีพถูกสงวนไว้ เพื่อป้องกันการถูกฟ้องกลับในคดีหมิ่นประมาท กระนั้นก็ตาม เดลิเมลออนไลน์นำภาพของสาวน้อยนางนี้ขึ้นบนเว็บไซต์ข่าวโดยมิได้ทำสกรีนปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด

หลายคอมเมนต์จากเหล่าลูกค้าและญาติสนิทมิตรสหายซึ่งล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งเฟซบี จึงออกมาเขียนบอกว่ารู้จักครอบครัวนี้ และทราบด้วยว่าบ้านอยู่ไหน!!

ภาพจากคอมเมนต์ใต้กระทู้ของบัญชีเฟซบุ๊ก The Sutton Arms ที่โหลดคลิปแก๊งครอบครัวกินแล้วซิ่งหนีไม่จ่ายเงิน ซึ่งเป็นภาพของสาวน้อยแต่งกายน่ารัก ใบหน้าสะสวย แต่สีหน้าหวาดหวั่นกังวล เธอเป็นหนึ่งในครอบครัวมิจฉาชีพ และยืนรอคนอื่นๆ ให้ตามมาสมทบ คาดว่าเจ้าของคอมเมนต์น่าจะโหลดมาจากเว็บไซต์ข่าวเดลิเมลออนไลน์  ภาพสำคัญนี้จะช่วยให้เจ้าของผับซัตตัน อาร์มส์ ดำเนินคดีเอาผิดครอบครัวนี้ได้ไม่ยาก
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า


(ที่มา : เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ บัญชีเฟซบุ๊กของ The Sutton Arms)


กำลังโหลดความคิดเห็น