xs
xsm
sm
md
lg

“นิโคล-ปันปัน-แม็ค” ไขความลับ “The Whole Truth ปริศนารูหลอน” ร่วมสัมผัสความลับ ความหลอนพร้อมกัน 2 ธ.ค. นี้ทาง Netflix

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ความลับและความหลอนที่ถูกซ่อนเร้นจะเปลี่ยนชีวิตของทุกคนไปตลอดกาล เมื่อสายเลือดอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงทุกคนในครอบครัวไว้ด้วยกัน 

เมื่อครอบครัวสามแม่ลูกประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว จนทำให้พวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับปัญหาและความลับสุดซับซ้อนที่ถูกซุกซ่อนมาอย่างยาวนาน รวมทั้งสิ่งลี้ลับและบรรยากาศความหลอนที่ไม่มีใครล่วงรู้ที่มาที่ไปภายใน “รู” บนผนังบ้านของคนที่เรียกตัวเองว่า “คุณตา” กับ “คุณยาย” ความพยายามหาคำตอบอาจนำไปสู่ความจริงที่ไม่มีใครต้องการ

โดย 3 นักแสดงนำอย่าง นิโคล เทริโอ, ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์ และ แม็ค ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ ได้มาให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงบทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า

Q: เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการได้รับการทาบทามหรือการคัดเลือกให้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Whole Truth ปริศนารูหลอน
นิโคล : ทีมแคสติ้งได้ติดต่อเข้ามาว่ากำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องนี้ และพี่วิศิษฏ์ที่เป็นผู้กำกับก็สนใจที่จะให้นิโคลเล่นเป็น “ใหม่” ค่ะ โดย The Whole Truth ปริศนารูหลอน เป็นหนังแนว suspense drama ที่ต้องใช้การแสดงเยอะ ผู้กำกับเลยมองว่าเราน่าจะ สนใจและสนุกไปกับบทนี้ นิโคลเองได้ติดตามผลงานของพี่วิศิษฏ์อยู่แล้ว และพอได้อ่านบทเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าสนุกมาก อ่าน รอบเดียวจบแบบวางไม่ลงเลย จากนั้นก็ตอบตกลงเลยค่ะ

ปันปัน : จุดเริ่มต้นของการได้เข้ามารับบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากผู้จัดการของเราที่ติดต่อมาแจ้งว่ามีภาพยนตร์ที่น่าสนใจ บทดี อยากให้เราเล่น ซึ่งพอเราได้อ่านบทแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างฉีกออกไปจากซีรีส์หรือภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันซึ่งโฟกัสไปที่เรื่องของความรักและชีวิตวัยรุ่น โดย The Whole Truth ปริศนารูหลอน นำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับดราม่าภายในครอบครัวเป็นหลัก ก็เลยเป็นบทที่น่าสนใจสำหรับเรา

แม็ค : ก่อนหน้านี้แม็คเคยร่วมงานกับทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์มในเรื่อง ตุ๊กแกรักแป้งมาก และยังมีผลงานทาง Netflix เรื่อง แพ้กลางคืน ผู้ใหญ่เลยทาบทามให้ลองมาเล่นเรื่องนี้ดูครับ ตอนนั้นก็มีการส่งบทมาให้อ่านและลองทำการบ้านก่อน จากนั้นก็ไปแคสติ้งกับโปรดิวเซอร์ พอเสร็จแล้ว เขาก็บอกว่าพี่วิศิษฏ์สนใจ เลยตอบตกลงไป หลังจากที่อ่านบทก็สนใจ เรื่องนี้ทันทีเพราะสนุกและน่าติดตาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับปริศนาของรูหลอนที่อธิบายไม่ได้ และเรื่องนี้ยังเป็นภาพยนตร์ แนวดราม่าระทึกขวัญเรื่องแรกที่แม็คได้เล่นครับ

Q: คาแรคเตอร์ที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไร
นิโคล : รับบทเป็น “ใหม่” ค่ะ ใหม่เป็นผู้หญิงที่รักความสมบูรณ์แบบ หรือ perfectionist เธอเป็นผู้หญิงเก่ง ทำอะไรได้อย่าง คล่องตัว ใหม่โตมาในครอบครัวที่เข้มงวดมาก ถูกเลี้ยงให้อยู่ในกรอบเสมอ โดยมีคุณพ่อเป็นตำรวจ ส่วนคุณแม่ของใหม่ ก็ยึดติดกับเรื่องภาพลักษณ์ ความสวยความงาม ใหม่เลยถูกควบคุมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นนิสัย หน้าตา การใช้ชีวิต ใหม่จะต้องเก่งที่สุด ต้องสวยที่สุด เธอเลยโตมาเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่ลึกๆแล้ว ใหม่ก็ต้องการที่จะเป็นอิสระ เลยได้ไปเจอ กับกฤษณ์ สามีของเธอที่เป็นศิลปินนักวาดรูป นิโคลคิดว่าใหม่ชอบผู้ชายคนนี้ เพราะเขาเป็นขั้วตรงข้ามกับเธอ และการคบ กับกฤษณ์คือการพยายามเป็นอิสระของใหม่นอกจากนี้ ใหม่เป็นคนที่ชอบนำความรู้สึกของตนเองใส่ลิ้นชักเอาไว้ เพราะ เธอเองก็ได้ไปมีชีวิตใหม่กับลูกทั้งสองคน คือพิมกับพัท จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุ อดีตของเธอจึงกลับมาตามทัน

ปันปัน : เล่นเป็นตัวละครชื่อ “พิม” เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 16 ปี ภายนอกดูเป็นคนที่มีความสามารถ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ก็เลยค่อนข้างเป็นที่รู้จักในฐานะดาวโรงเรียนคนหนึ่ง แต่จริงๆ แล้ว พิมมองว่าตนเองเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แค่อาจจะมีความเป็น perfectionist ที่รักความสมบูรณ์แบบพอสมควร พิมมีน้องชายหนึ่งคนชื่อ “พัท” ที่ค่อนข้างสนิทกัน อยู่ด้วยกันกับคุณแม่ เป็นครอบครัวที่ไม่มีคุณพ่อ ซึ่งพิมเป็นคนที่รักน้องชายมากแม้ว่าจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ก็พร้อมที่จะปกป้องน้องชายคนนี้ทุกเมื่อ เพราะว่าน้องชายคนนี้มีปัญหาสุขภาพ ขาข้างหนึ่งเดินไม่ค่อยได้ เลยกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยไปไหนมาไหน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่ค่อยมีเพื่อน ยิ่งทำให้พิมเป็นห่วงและคอยดูแลน้องตลอด

แม็ค : พัท เป็นเด็กวัยรุ่นที่มีบุคลิกแบบ introvert เขามีนิสัยเงียบๆ ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร และไม่ค่อยมีเพื่อน เป็นผลมาจาก ที่เขาโดนบูลลี่เรื่องความผิดปกติที่ขา เพราะป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาตั้งแต่เกิด แต่พัทเป็นคนชอบวาดรูปและวาด ได้เก่ง และยังชอบศึกษาทฤษฎีวิทยาศาสตร์ จึงสนใจรูหลอนในเรื่องเป็นพิเศษ และพยายามหาเหตุผลมาอธิบายปริศนาของ รูนี้ ว่าคืออะไรกันแน่

Q: บทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้ แตกต่างจากคาแรคเตอร์อื่นที่ผ่านๆ มาอย่างไร
นิโคล : เดิมเคยเล่นมาหลายบทบาท และมองว่าการแสดงภาพยนตร์กับละครมีความต่างกันอยู่ โดยภาพยนตร์จะมีบทพูด น้อยกว่าและยากกว่า ถ้าถามว่าเล่นยากตรงไหน จริงๆเคยพูดกับพี่วิศิษฐ์ไว้ว่า ฉากที่ดูเหมือนไม่มีอะไรคือฉากที่ยากที่สุด เพราะการแสดงจะต้องอยู่ในทุกการกระทำและแววตาของเราตลอด นอกจากนี้ ซีนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน และได้ทำในเรื่องนี้ คือ ซีนที่ทะเลาะกับแม่ ไม่เคยต้องทะเลาะขั้นนั้น ตอนแรกๆก็เกรงใจแม่ก้อย-ทาริกา ธิดาทิตย์ นิดหน่อย แต่พอเล่นจริงๆ ก็ไปสุดกันทั้งคู่ค่ะ

ปันปัน : แตกต่างประมาณหนึ่งในแง่ของความเป็นพี่สาวซึ่งมีน้องชายที่เรารักและคอยดูแลเสมือนเป็นแม่อีกคนหนึ่งในครอบครัว เพราะปกติเราจะไม่ค่อยได้รับบทบาทที่มีคนเด็กกว่าหรือมาเล่นเป็นน้องเรา ทำให้เราต้องทำความเข้าใจตัวละครพิมเป็นพิเศษ

แม็ค : ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แม็คจะได้เล่นภาพยนตร์หรือซีรีส์แนวดราม่า เล่นเป็นเด็กน่าสงสาร มีฉากที่ร้องไห้เยอะ แต่เรื่องนี้ เป็นแนวลี้ลับ และพัทเองก็เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด เพราะฉะนั้นเราต้องแสดงออกทางสีหน้า ท่าทางมากกว่า เพราะไม่ สามารถแสดงออกทางคำพูดได้ จึงค่อนข้างท้าทายสำหรับผมครับ

Q: ตัวตนจริงๆ กับคาแรคเตอร์ในภาพยนตร์มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
นิโคล :
สิ่งที่เหมือนกันคือความเป็นแม่ เราเข้าใจความรักของแม่ที่มีให้ลูก ลูกเป็นแรงขับเคลื่อนและเป็นทุกอย่างของเรา ในส่วนนี้ เราจึงเข้าใจตัวละครได้เป็นอย่างดี แต่ในเรื่องความเจ้าระเบียบนี่ไม่เหมือนกันเลย เพราะฉะนั้น ก็ต้องทำการบ้าน เป็นพิเศษ ลองศึกษาว่าความเจ้าระเบียบของคนเรามีอะไรบ้าง เช่น ตาต้องดูตลอดเวลา ในหัวคิดตลอดเวลา อะไรอยู่ที่เดิม ก็ต้องอยู่ที่เดิม ก็ได้มีการทำการบ้าน ไปดูหนังเรื่องที่ตัวละครนำเจ้าระเบียบเพื่อศึกษานิสัยนี้ เพราะตนเองไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ)

ปันปัน : ต่างกันค่ะ ในชีวิตจริงเป็นน้องคนเล็กของครอบครัว มีแต่พี่ชายกับพี่สาว เลยเหมือนกับว่าเราเป็นคนที่เด็กที่สุดมาตลอด ไม่ค่อยเจอใครที่เด็กกว่า ไม่เคยต้องเรียกตัวเองว่าพี่กับใครเลย ในขณะที่พิมคือตัวละครที่เล่นเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชายที่ ต้องดูแล ตอนแรกๆ ที่เรามาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย อีกอย่างคือเราเป็นคนที่ค่อนข้างสดใส ร่าเริง รักสวยรักงาม ซึ่งจะตรงกันข้ามกับพิมที่บุคลิกเป็นคนตรงๆ พูดจานิ่งๆ ไม่ใช่ว่าพิมไม่รักสวยรักงามแค่ไม่ค่อยแต่งตัวจัด

แม็ค : จริงๆ มีทั้งที่เหมือนและไม่เหมือน พัทเป็นคนที่เงียบๆ มีบุคลิกแบบ introvert แต่แม็คเป็นคนช่างพูด สำหรับส่วนที่ เหมือนกัน คือ พัทเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น ชอบค้นหาคำตอบในเรื่องที่เขาสนใจ แม็คเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ในเวลา ว่าง ถ้าเจอเรื่องที่น่าสนใจ สงสัย ก็จะไปเสิร์ชอินเตอร์เน็ตหาคำตอบดูบ้าง

Q: ในเมื่อตัวตนจริงๆ กับบทที่ได้รับค่อนข้างแตกต่างกัน มีวิธีเข้าถึงคาแรคเตอร์อย่างไร และ ทำการบ้านมาอย่างไรบ้าง
นิโคล : ได้ไปเวิร์คชอปการแสดงกับครูร่ม-ร่มฉัตร ธนาลาภพิพัฒน์ ซึ่งช่วยมากๆ ปกติเวลานิโคลแสดง ก็จะใช้วิธีทำสมาธิ และปูอดีตของตัวละคร เพื่อให้เรากลายเป็นตัวละครนั้นๆ แต่ในเรื่องนี้ เรียกได้ว่ามีฉากที่หนักหลายฉาก ครูร่มก็จะมีวิธีที่ ช่วยดึงอารมณ์ของตัวละครออกมา เช่น พาเราไปจับกำแพงบ้าน และหายใจเข้า-ออก เพื่อให้เราอยู่ในอารมณ์และสถานที่ที่ ตัวละครของเราอยู่ เอาตัวเราออกไป และกลายเป็นตัวละครจริงๆ เวลาถ่ายทำเรื่องนี้ บางทีต้องมีการเทคใหม่แค่บางช่วง หรือสำหรับบางมุมกล้อง ไม่ได้เล่นใหม่ทั้งหมด เพราะฉะนั้น เราต้องเดินเข้าฉากแบบเต็มร้อยเพื่อเล่นต่อ และเขาถึง ตัวละครนั้นให้ได้ สนุกมากๆ ค่ะ

ปันปัน : ทำการบ้านพอสมควรค่ะ เราต้องเวิร์คชอปเพื่อปรับบุคลิกและกิริยาท่าทางต่างๆ ฝึกลดเสียงลงไม่ให้สูงมาก จังหวะการ พูดก็ต้องช้าลงที่สำคัญคือก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยเข้าใจว่าความรู้สึกของพี่สาวที่รักและเป็นห่วงน้องชายเป็นแบบไหน เลยต้อง เวิร์คชอปร่วมกับน้องแม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ ที่รับบทเป็น “พัท” น้องชายของพิม เราสองคนก็จะได้ฝึกพูดคุยกัน ทำความ รู้จักและสร้างความคุ้นเคยกันในฐานะพี่สาวกับน้องชาย นอกจากนั้น เราเลยได้มีโอกาสสัมผัสบทบาทของน้องแม็คที่ถือว่า ค่อนข้างเล่นยาก เพราะคาแรคเตอร์ของพัทเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออก แต่ข้างในจริงๆ ต้องอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก ช่วงที่ เวิร์คชอปด้วยกันเราก็จะคอยให้กำลังใจน้อง บอกให้เขาสู้ ซึ่งมันช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกและเข้าถึงบทบาทของคนที่เป็น พี่สาวได้ดีขึ้น

แม็ค : ก่อนจะเปิดกล้อง แม็คต้องอ่านบทและไปเวิร์คชอปกับพี่ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ เพราะเป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นด้วยกัน ในเรื่องเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน เลยต้องเข้าฉากด้วยกันเยอะ ก่อนเริ่มถ่ายทำต้องมีการทำความรู้จักคุ้นเคยกันก่อน นอกจากนี้ ยังมีครูสอนการแสดง ครูร่ม-ร่มฉัตร ธนาลาภพิพัฒน์ ที่คอยช่วยอธิบายนิสัยและความคิดของตัวละครให้แม็ค ช่วยแนะนำว่าเราต้องเข้าถึงตัวละครในซีนยากๆอย่างไรบ้าง ครูร่มให้แม็คกลับไปทำการบ้าน เช่น ดูหนังที่มีตัวละครคล้าย กับพัท และศึกษาว่าต้องเล่นประมาณไหน คนที่มีบุคลิก introvert แสดงออกอย่างไรบ้าง และมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการ เดิน เพราะพัทเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงครับ

Q: อะไรคือสิ่งที่น่าสนใจ หรือน่าติดตามสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Whole Truth ปริศนารูหลอน
นิโคล : ก่อนอื่นต้องบอกว่าหนังสนุกค่ะ เพราะตั้งแต่อ่านบทมา มีเรื่องนี้ที่วางไม่ลงและอ่านรวดเดียวจบเลย และความเป็น suspense drama คนดูจึงต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลา และไขปริศนาไปเรื่อยๆ ไม่มีช่วงให้พักเท่าไหร่ เรียกได้ว่า suspense จริงๆ และตอนถ่ายทีมนักแสดงก็เล่นกันสุดจริงๆ คิดว่าคนดูต้องชอบค่ะ เพราะนิโคลเองก็ชอบ รวมถึงนักแสดงทุกคนด้วยค่ะ

ปันปัน : สำหรับเรา สิ่งที่น่าสนใจคือภาพยนตร์นี้เป็นอีกมิติหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยได้ดู คือหนังส่วนใหญ่ที่ได้รับความ นิยมในสมัยนี้มักจะเป็นแนวที่เกี่ยวกับความรัก หรือถ้าเป็นหนังผีก็จะเน้นขายจังหวะความน่ากลัวให้คนดูสะดุ้งตกใจ ในขณะที่ The Whole Truth ปริศนารูหลอน เป็นภาพยนตร์ที่มีหลายมิติมากกว่าความเป็นหนังผีที่ดูเพื่อสนองความกลัว เพียงอย่างเดียว มีมิติของดราม่าที่เข้มข้นภายในครอบครัว มีบรรยากาศความหลอนและความลี้ลับ เรียกได้ว่าภาพยนตร์ แนวนี้ไม่ได้มีมาให้ชมกันบ่อยๆ

แม็ค : แม็คว่า The Whole Truth ปริศนารูหลอน เป็นเรื่องราวที่สนุก น่าค้นหา และมีความน่ากลัว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้มี jump scare แบบหนังผีมาก เพราะเน้นไปทางปริศนามากกว่า สำหรับคนดูที่ปกติไม่ค่อยดูหนังผี แม็คว่าก็สามารถสนุกไป กับเรื่องนี้ได้ครับ

Q: ชอบฉากไหนในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพิเศษ
นิโคล : ชอบฉากที่ใหม่ปะทะกับพ่อแม่ ซึ่งเป็นฉากคลายปริศนาของเรื่อง นิโคลชอบเพราะเราต้องไปให้สุดในด้านการแสดง และคุณพ่อคุณแม่ก็พานิโคลไปถึงจุดนั้นด้วยกัน นอกจากนี้ ชอบฉากที่นอนโคม่าอยู่ค่ะ เป็นฉากที่เล่นยากเพราะเราต้อง นอนนิ่ง นอนเหมือนตาย นอนทั้งวันทั้งคืน แล้วเมื่อยมากค่ะ (หัวเราะ) อันนี้เป็นเรื่องตลกที่เกิดขึ้น เพราะตอนนอน เราต้อง มีสายเชื่อมกับอุปกรณ์การแพทย์มากมาย พอผู้กำกับสั่งคัท แล้วเราไม่สามารถพักเล่นโทรศัพท์ได้นะคะ ระหว่างที่โคม่า ทุกคนก็จะมาสารภาพกับเรา ตอนนั้นจำได้ว่าหิวและแอบกลัวว่าท้องจะร้องค่ะ เพราะไมโครโฟนอยู่ตรงท้องพอดี

ปันปัน : มีอยู่หนึ่งซีนที่เรารู้สึกว่าดีมากและเล่นยากมากๆ เป็นซีนอารมณ์ในช่วงท้ายเรื่องที่ถือเป็นฉากไคลแมกซ์ที่เปิดโปงและ คลี่คลายปมทุกอย่าง ซึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่แต่ละคนได้มาประชันฝีมือกันอย่างเต็มที่ ใส่เต็มแบบถึงใจถึงอารมณ์ตั้งแต่ตอน ถ่ายแบบซ้อม เราเองก็น้ำตาไหลอยู่ในฉาก ขนลุกกันไปหมดทุกคน พอถึงเวลาที่ต้องถ่ายรอบจริงก็ยังเทคเดียวผ่าน แม้ว่าจะใช้เวลานานมากๆ ก็ตาม ถือเป็นฉากที่เรารู้สึกว่าท้าทายที่สุดสำหรับนักแสดงทุกๆ คน

แม็ค : ผมชอบฉากที่คลายปริศนา เรียกได้ว่ายายก้อย (ทาริกา ธิดาทิตย์) และทุกคนเล่นกันได้เดือดมาก และพัทก็มีอาการป่วย อีกด้วย จึงท้าทายเป็นพิเศษครับ

Q: เล่าถึงประสบการณ์ในการถ่ายทำ และการร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆ
นิโคล : แม็คเคยเล่นเป็นลูกของนิโคลมาก่อน ส่วนปันปันก็เคยเล่นซีรีส์ด้วยกัน เลยคุ้นเคยกันดีค่ะ สำหรับคุณพ่อและคุณแม่ ในเรื่อง (หมู-สมภพ  เบญจาทิกุล และก้อย-ทาริกา ธิดาทิตย์) เป็นการร่วมงานกันครั้งแรก แต่เราก็ได้มีเวิร์คชอปด้วยกัน ก่อนเริ่มแสดง การทำงานโดยรวมดีค่ะ ทุกคนน่ารัก ตั้งใจทำงาน และอยู่ในกองก็แฮปปี้ มีครูคอยช่วยเรื่องการแสดงให้เรา เพราะเราอยากสื่อตัวละครให้ออกมาดีที่สุด

ปันปัน : ประสบการณ์ในระหว่างการถ่ายทำค่อนข้างดีค่ะ รู้สึกว่านักแสดงทุกคนเข้ากันได้ดี ที่สำคัญคือเราได้เรียนรู้สไตล์การ ทำงานแบบมืออาชีพของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการมานาน อย่างอาหมู-สมภพ  เบญจาทิกุล กับแม่ก้อย-ทาริกา ธิดาทิตย์ ซึ่งจะแตกต่างจากเราที่ชั่วโมงบินน้อยกว่า เช่น เวลาที่ต้องถ่ายทำนานๆ หรือต้องเล่นซ้ำไปมาหลายรอบ พอถ่าย จบเราก็จะเปลี่ยนอิริยาบถ ออกไปเดิน หรือไปนั่งพักที่อื่นบ้าง แต่อาหมูกับแม่ก้อยไม่มีบ่นสักคำ เข้าฉากทั้งวันก็ไม่มีปัญหา แสตนด์บายพร้อมตลอดเวลา ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าความเป็นรุ่นใหญ่ใจนิ่งจริงๆ เป็นอย่างไรแล้วก็ค่อยนำมาปรับใช้กับ ตัวเอง

แม็ค : ส่วนใหญ่ผมจะเข้าฉากกับพี่ปันปัน ตอนแรกก็ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่พอได้รู้จักกัน พี่ปันปันใจดีมาก ทั้งในหนังและในชีวิต จริงเลยครับ พี่ปันปันเข้ามาคุยกับแม็คตลอดเพราะเราต้องเล่นเป็นพี่น้องกันและสนิทกันนิดนึง ส่วนพี่นิโคล แม็คเคยเล่น เป็นลูกพี่นิโคลมาแล้ว พอกลับมาในเรื่องนี้ก็ได้รับบทเป็นแม่ลูกกันอีก พี่เขาก็น่ารัก ใจดีครับ ส่วนอาสมภพ (สมภพ  เบญจาทิกุล) และยายก้อย ตอนแรกก็เกร็งนิดหน่อยเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ในวงการ แต่ทั้งคู่ใจดีมากๆ ยอมรับว่ามีกลัวยาย ก้อย ผู้รับบทเป็นคุณยายของพัทบ้าง เพราะเวลาแสดง ยายก้อยจัดเต็มมาก เขาเล่นบทนี้ได้หลอนจริงๆ ครับ

Q: การทำงานร่วมกับผู้กำกับเป็นอย่างไร
นิโคล : พี่วิศิษฏ์ใจดีค่ะ เป็นคนตลกและน่ารัก แต่เวลาดุก็มีเหมือนกันนะคะ เขาจะซีเรียสกับการแสดง และให้เกียรตินักแสดง มาก ซึ่งทุกคนก็รู้สึกดีกับตรงนี้ ในการแสดง พี่วิศิษฏ์จะให้เราเล่นไปก่อนและคอยดูภาพรวม จากนั้นเขาจะอธิบายว่าอยาก ได้แบบไหนและเราก็เล่นตาม ถ้าตรงกับที่เขาต้องการก็ผ่านเลย ในการถ่ายทำเรื่องนี้ ความยากคือการไต่อารมณ์ เช่น เรา ต้องถ่ายตอนอารมณ์พีคสุด แล้วมาถ่ายตอนที่กำลังเริ่มแสดงอารมณ์ ไม่ได้ถ่ายเรียงลำดับเป็น sequence เลยยากนิดนึงค่ะ แต่ถ้าเราเข้าใจ พี่วิศิษฏ์ก็จะปล่อยให้เราแสดงไป แล้วก็ให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ค่ะ

ปันปัน : ชอบมากค่ะที่ได้ร่วมงานกับพี่วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ พี่เขาเป็นคนละเอียด เก็บทุกมุมที่เราควรเล่น ได้ครบ อีกอย่างหนึ่งคือพี่เขาจะไม่สั่งว่าเราควรเล่นแบบไหน ไม่สั่งว่าเราต้องเดินแบบนั้น ต้องทำท่าแบบนี้ เขาจะดูก่อนว่า เราเล่นออกมาเป็นอย่างไร ถ้าพี่เขาชอบสไตล์นั้นก็คือผ่าน แต่ถ้ารู้สึกว่ายังไม่ใช่ พี่เขาก็จะขอให้เราปรับแต่ยังปล่อยให้เรา แสดงออกมาในแบบที่เราถนัดและเป็นสไตล์ของเรา

แม็ค : เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกับพี่วิศิษฏ์ครั้งแรก ก่อนเริ่มงานมีคนบอกว่าพี่วิศิษฏ์ดุและเป๊ะมาก แต่พอได้มาร่วมงานกันจริงๆ พี่วิศิษฏ์ใจดีมาก ไม่ดุเลย แต่สำหรับความเป๊ะนี่เรื่องจริง เขาต้องเป๊ะทุกระเบียบในการทำงาน แต่ก็จะคอยอธิบายและ ชี้แนะตลอดว่าอยากได้ภาพออกมาประมาณไหน เช่น เรื่องของจังหวะการเดิน การลุกนั่ง เพราะพัทมีอาการป่วยครับ

Q: อะไรคือความท้าทายที่สุดในการทำงานครั้งนี้
นิโคล : การถ่ายทำฉาก flashback และการไต่อารมณ์ของตัวละครค่ะ เป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาพี่วิศิษฏ์ตลอดเวลา และที่ยากไม่แพ้ กัน คือ ฉากที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เช่น ฉากกินข้าว และฉากที่สั่งให้ลูกทำนู่นทำนี่ เพราะใหม่เป็นคนเจ้าระเบียบและชีวิตจริง เราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ถือว่าเล่นยากเพราะนิสัยนี้จะต้องเป็น second nature ของเรา เราต้องกลายเป็นตัวละครเลย ถ้าให้ เปรียบเทียบ การแสดงเหมือนกับการเต้นที่ไม่มีสเต็ปค่ะ เพราะต้องโฟลว์ทุกอย่าง ทั้งคำพูดและการกระทำ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องทำตามจุดที่บล็อกไว้ ตัวอย่างเช่น มีฉากหนึ่งที่นิโคลต้องเดินสองก้าวแล้วมาติดกระดุมให้ลูก ตาต้องมองตรงนี้ เสร็จ แล้วต้องเอาของไปเก็บและหันมา ในขณะเดียวกันก็มีอารมณ์หงุดหงิดลูกนิดหน่อย เพราะใหม่เป็นคนที่แยกแยะและเก็บ อารมณ์เร็วค่ะ

ปันปัน : สิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทำงาน คือ การที่ภาพยนตร์เรื่อง The Whole Truth ปริศนารูหลอน ใช้กล้องตัวเดียวในการถ่าย ทำ ซึ่งเราไม่ได้เจอกับอะไรแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ การใช้กล้องตัวเดียวทำให้งานมีความละเอียดมาก ต้องถ่ายหลายคัท หลายเทค หนึ่งซีนใช้เวลาถ่ายครึ่งวัน หนึ่งวันถ่ายได้แค่ 3-4 ซีน หนึ่งซีนอาจจะต้องถ่าย 30-40 คัท หนึ่งคัทถ่ายเสร็จแล้วต้องเปลี่ยนมุมแต่นักแสดงเล่นเหมือนเดิม เราต้องเล่นซ้ำๆ หลายสิบรอบ แต่ต้องเล่นให้ออกมาสดใหม่ ดูแล้วไม่เฉาและออกมาดีทุกครั้ง

แม็ค : “พัท” เป็นคาแรคเตอร์ที่แม็คไม่เคยเล่นมาก่อน คือ เป็นเด็กวัยรุ่นที่มีบุคลิกเงียบๆ ตอนแรกก็แอบเครียดและกังวล นิดหน่อยว่าจะทำได้ไหม แต่ก็ได้ไปเวิร์คชอป และได้คำแนะนำจากทุกคน ทั้งครูร่ม พี่วิศิษฏ์ พี่นิโคล ยายก้อย เพราะเรา อยากให้งานออกมาได้ดีที่สุด ส่วนพี่ปันปันก็ได้ให้คำแนะนำเรื่องการพูด บอกพัทให้อ้าปากกว้างๆ จะได้พูดชัดขึ้น และอีก เรื่องที่ยากคืออุปสรรคในการเคลื่อนไหวของพัท เพราะต้องจัดท่าทางในการลุกนั่งตลอดครับ

Q: รู้สึกอย่างไรที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังจะเผยแพร่สู่สายตาของผู้ชม Netflix ใน 190 ประเทศทั่วโลก
นิโคล : นิโคลก็รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่ผลงานเรื่อง The Whole Truth ปริศนารูหลอน จะได้เข้าฉายใน Netflix ส่วนตัวชอบ Netflix มากๆ ไม่มี Netflix คงแย่เลยเพราะมีหนัง-ซีรีส์หลากหลาย จริงๆนิโคลมีผลงานใน Netflix อยู่แล้วและรู้สึกปลื้ม มากๆ ค่ะ สำหรับเรื่องนี้ นิโคลร้องเพลงประกอบด้วยนะคะ ชื่อเพลง “สายสวาทยังไม่สิ้น” เป็นเพลงกล่อมลูกในเรื่องที่นำมา ร้องใหม่ ฟังกันได้ตรงเครดิตท้ายเรื่อง หวังว่าทุกคนจะชอบค่ะ

ปันปัน : ตื่นเต้นค่ะ ในฐานะนักแสดงก็อยากเห็นเรื่องนี้ขึ้น Top 10 ใน Netflix อยากให้ผู้ชมได้ลองชมภาพยนตร์ที่มีอะไรใหม่ๆ มานำเสนอ มีความครบรสทั้งดราม่าที่เข้มข้นและกลิ่นอายความหลอน หวังว่าเมื่อผู้ชมดูแล้วจะรู้สึกสนุกไปกับมัน สรุป โดยรวมก็อยากเห็นการตอบรับที่ดีจากผู้ชมค่ะ

แม็ค : ต้องขอขอบคุณทาง Netflix และผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้โอกาส แม็คได้เตรียมตัวอย่างดีเพื่อที่จะไม่ทำให้ทางพี่วิศิษฏ์และ ทีมงานผิดหวัง แม็ครู้สึกโชคดีมากที่ได้รับโอกาสนี้ และเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายไปอีกแบบครับ

Q: อยากฝากอะไรกับแฟนๆ ที่รอดูภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง
นิโคล : สวัสดีค่ะ นิโคล เทริโอนะคะ รับบทเป็น “ใหม่” ใน The Whole Truth ปริศนารูหลอน ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนว suspense drama ที่กำกับโดยพี่วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นเรื่องที่สนุกมากๆ ห้ามพลาดและขอฝากติดตามทาง Netflix นะคะ

ปันปัน : อยากให้ทุกๆ คนได้ลองดูภาพยนตร์เรื่อง The Whole Truth ปริศนารูหลอน เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ดี มีการขยี้มุมที่น่าสนใจหลายอย่าง ทั้งประเด็นครอบครัวที่เข้มข้นและบรรยากาศชวนขนลุกตลอดทั้งเรื่อง มีรสชาติใหม่ๆ ให้คนดูได้ลองสัมผัสมากกว่าหนังสยองขวัญทั่วไปที่ขายความน่ากลัวเพียงอย่างเดียว

แม็ค : อยากให้ทุกคนติดตามชม The Whole Truth ปริศนารูหลอน เรื่องนี้แม็คค่อนข้างคาดหวังกับมัน เพราะทุกคนแสดงเต็มที่ มาก เป็นภาพยนตร์แนว suspense drama ที่น่าสนใจและน่าติดตามมากๆ และยังเป็นครั้งแรกของแม็คที่ได้เล่นภาพยนตร์ แนวนี้ แม็คได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้วและหวังว่าทุกคนจะชอบ แม็คเองก็รอที่จะได้ดูด้วยครับ

ส่วนทางด้านผู้กำกับ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” ก็มาเปิดใจด้วยเช่นกัน
Q: ช่วยเล่าถึงที่มาของภาพยนตร์เรื่อง “ปริศนารูหลอน” มีแรงบันดาลใจอะไร
A: บทของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากทาง Netflix เขาให้ผมลองอ่านดูและตัดสินใจว่าอยากกำกับไหม พออ่านแล้วเราก็ชอบ ในความน่าติดตามของเรื่อง มันมีปริศนาไปเรื่อยๆ ให้เราคิดว่ามันจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง และมีประเด็นทางสังคม เรื่องของ ช่องว่างระหว่างวัยระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ความไม่เข้าใจในเรื่องราวบางอย่าง แบบที่เรียกว่าโครงกระดูกในตู้ (skeleton in the cupboard) คือมันมีเรื่องที่ซ่อนเร้นไว้ ไม่อยากเปิดเผย บางอย่างที่เราไม่อยากเปิดเผยให้คนในครอบครัวรู้ เลยรู้สึกว่า เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจ 

Q: อะไรคือ Concept ของภาพยนตร์เรื่องนี้
A: ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกว่า suspense เป็นแนวลึกลับและชวนติดตาม ในขณะเดียวกันก็เป็นหนังดราม่า มันมีเรื่องของ ครอบครัว เรื่องของคนสองรุ่นที่ห่างกันและต้องมาอยู่ด้วยกัน และต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง มันสะท้อนสภาพสังคมทุกวันนี้ ด้วยที่เด็กกับผู้ใหญ่สื่อสารกันยาก และเด็กสมัยนี้ก็จะอยากรู้อยากเห็น แถมมีตัวช่วยให้สามารถค้นคว้าหาความจริงได้ เยอะแยะ ทำให้เด็กสืบค้นความจริงด้วยตัวเองได้ หลายเรื่องในสังคมมันมีความจริงหลายชั้น เราต้องสืบค้นเข้าไปเพื่อดูว่า ความจริงมันเป็นอย่างนี้ หรือความจริงที่สุดมันอยู่ตรงไหน เพราะบางเหตุการณ์เราก็ไม่ได้อยู่ร่วมเหตุการณ์ เราจึงไม่ สามารถรู้ความจริงทั้งหมดได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพูดประเด็นเหล่านี้ ถึงชื่อว่า The Whole Truth หรือความจริงทั้งหมด 

Q: Mood and Tone ของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไร
A: ผมอยากสื่อถึงความรู้สึกของความแปลกแยก ในเรื่องจะมีเด็กวัยรุ่นสองคนที่ต้องเข้าไปอยู่กับตากับยายที่ไม่เคยรู้จัก หน้าค่าตามาก่อน ตอนคุยกับทีมงาน เราอยากสร้างความรู้สึกของเด็กที่เข้ามาอยู่ในสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย มีความ แปลกแยก มีความน่าสงสัย มีความน่าอึดอัด นี่คือบรรยากาศของเรื่องนี้ที่เราต้องการให้คนดูรู้สึกขณะดู และในขณะ เดียวกันก็จะอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป 

Q: พูดถึงการพัฒนาบทและตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้
A: พออ่านบทเสร็จก็ได้คุยกับคนเขียนบทและได้นั่งพัฒนาไปด้วยกันในบางช่วง แต่โครงส่วนใหญ่เป็นของเขา เราก็มา ปรับเสริมให้มันตื่นเต้นขึ้นในบางจุด เช่น ตรงกลางเรื่องและตรงไคลแมกซ์ที่เราอยากจะผลักให้มันแปลกขึ้น บทสรุปมันจะ น่าตื่นตะลึงขึ้น เรียกว่าเราเข้ามาเสริมดีกว่า แต่เราก็พูดคุยและปรึกษากับคนเขียนบทเรื่องการวางคาแรคเตอร์ว่า คาแรคเตอร์นี้เป็นคนดีนี้ดีไหม ถ้าให้ลงรายละเอียด อย่างตัวบท เราจะเพิ่มความเข้มข้นและความตึงเครียดขึ้นในช่วงท้ายๆ จะขยี้ให้คนลุ้นระทึกขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หนังแอ็คชั่น แต่เราคุยกันว่าเราจะให้บีตมันเป็นแบบหนังแอ็คชั่น คนดูก็จะรู้สึก ตื่นเต้นเร้าใจแบบเดียวกับหนังแอ็คชั่นผ่านบทสนทนา บทตอบโต้ที่จะเปิดเผยความจริง ในส่วนของตัวละคร เราพัฒนา คาแรคเตอร์ในด้านลึกให้มันกลมขึ้น ให้ตัวละครมีความเป็นมนุษย์ที่มีหลายด้าน โดยเฉพาะบทคุณตาคุณยาย ปรึกษากัน อยู่นานว่าคาแรคเตอร์ของทั้งสองจะเป็นอย่างไร ตัวละครนี้จะมีความน่ากลัวในบางขณะ แต่บางขณะก็ดูใจดีเป็นคุณตา คุณยายปกติ ซึ่งทำให้เด็กสับสน และยิ่งเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน เด็กก็จะสงสัยว่าเขาเป็นคุณตาคุณยายเราจริงหรือเปล่า และรู้สึกลังเลว่าเขาจะมาดีหรือมาร้าย 

Q: ช่วยเล่าถึงการคัดเลือกนักแสดงมารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้
A: มีคนที่เราอ่านบทเสร็จแล้วนึกถึงเลย คือ แม่ก้อย (ทาริกา ธิดาทิตย์) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้ว เรานึกถึงภาพแกตอน อ่านบทตลอด ส่วนบทของคุณตาก็มีช้อยส์ให้เลือกหลายคน แต่ก็มาลงตัวที่อาสมภพ (สมภพ  เบญจาทิกุล) ส่วนใหญ่ผม จะเลือกนักแสดงจากคนที่อ่านแล้วอินกับบทและรู้สึกอยากเล่น อาสมภพแกบอกว่าพอได้อ่านบทแล้วรู้สึกอยากเล่นเลย ในเรื่องฝีมือเรามั่นใจอยู่แล้ว อาสมภพเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เล่นได้ทุกบทบาท ส่วนบทของปันปัน เรามีเลือกไว้หลายคน แต่สุดท้ายมาลงตัวที่ปันปัน เพราะเรารู้สึกว่าเขามีพลังดึงดูดบางอย่าง เรื่องการแสดง เราเคยดูงานเขาและค่อนข้างชอบ มั่นใจว่าเขาจะนำพาบทนี้ได้ หนังเรื่องนี้เดินเรื่องด้วยตัวนางเอก เพราะงั้นเขาต้องตรึงคนดูให้อยู่กับหนังตลอดทั้งเรื่อง ส่วนบทของน้องแม็ค เราแคสต์เด็กหลายสิบคน แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีใครที่เรารู้สึกว่าเคมีเข้ากับปันปันและมั่นใจในการแสดง จนได้น้องแม็คมา เขาเริ่มต้นการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้โตแล้วและเรายังไม่เคยเห็นการแสดงของเขาในบทวัยรุ่นที่กำลัง โต นี่เป็นครั้งแรกที่คนดูจะได้เห็นน้องแม็คที่โตขึ้น เขาตีความบทในมุมของของเขาเอง ซึ่งน่าสนใจมาก ส่วนนิโคลมาเกือบ นาทีสุดท้าย เราอยากได้นักแสดงที่เบอร์ใหญ่หน่อยที่พอพูดขึ้นมาคนรู้จัก และมาลงตัวที่นิโคล เขาอ่านและใช้เวลาตัดสินใจ ตอบรับแค่วันเดียว เราต้องการคนที่อินกับบทก่อน เรามีโค้ชสอนการแสดงมาช่วยอยู่แล้ว ดังนั้น พอเขาคิดว่าอยากเล่นปุ๊บ มันก็ไม่ยากแล้ว อยากให้ผู้ชมดูฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง นิโคลเล่นได้ดีมาก ดูแล้วรู้สึกเชื่อว่าเขาเป็นแม่ที่รักและปกป้องลูก จริงๆ 

Q: อะไรคือความท้าทายในการกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
A: เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในบ้านหลังเดียวเกือบทั้งหมด บวกกับความที่เรามีตัวละครน้อย ความยาก คือ เราจะดึงคนดู อย่างไร จะทำอย่างไรให้คนติดตามโดยไม่เบื่อและรู้สึกลุ้นระทึกไปกับมัน จริงๆ ในหนังเรื่องนี้ เรื่องราวมันเยอะและซับซ้อน แต่มันเล่าผ่านบทสนทนา ซึ่งอันดับแรกการแสดงต้องดีถึงจะเอาคนดูอยู่ อันดับที่สองก็คือจังหวะของหนัง จะทำอย่างไรให้ กราฟมันขึ้น ให้ความรู้สึกคนดูค่อยๆ ไต่ขึ้นไปขณะดู 

Q: ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ในมุมมองของผู้กำกับ
A: มันคือการดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว ทุกคนจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับครอบครัว ปู่ยาตายาย เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่ บางทีเราก็ชอบถามพ่อกับแม่ว่าเมื่อก่อนมันเป็นอย่างไร บางครั้งถามไปแล้วก็ไม่ได้ความจริงหรือได้ความจริงที่ผู้ใหญ่อยาก ให้เรารู้แค่นี้ มันก็สะท้อนไปที่สังคมด้วยที่บางครั้งเราก็อยากให้เด็กรู้แค่นี้ บางเรื่องมันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ เหมือน ตอนที่เด็กเล็กๆ ถามว่าหนูเกิดมายังไง พ่อแม่ก็ตอบตามจริงไม่ได้ หรือเรื่องซานตาคลอสของฝรั่ง พอเราโตขึ้นเราก็เรียนรู้ มากขึ้น เราเริ่มค้นคว้า เริ่มรู้ว่าความจริงมันเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันมีทั้งด้านดี ด้านร้าย ด้านมืดมันก็มี ตอนนี้เป็นยุคของการ สื่อสาร เราจะซ่อนความจริงไม่ให้คนรู้เลยนี่มันยาก เพราะมันมีทุกอย่าง มันสามารถขุดลงไปได้ เสิร์ชหาได้ ทุกอย่าง สามารถอ่านได้ คนที่เกิดไม่ทันก็ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้ ฉะนั้นมันก็จะสะท้อนสภาพสังคมทุกวันนี้ที่เด็กเขากระหาย ความจริง เขาต้องการค้นคว้าด้วยตัวเอง เราดูแล้วเราก็จะกลับมาคิดว่าในสภาพสังคมทุกวันนี้มันมีอะไรบางอย่างที่เขา ไม่ได้บอกเราหรือเปล่า เขายังเก็บซ่อนมันไว้ สุดท้ายพอเราขุดลงไปเรานึกว่านี่คือความจริง แต่บางทีมันมีความจริงอีกชั้น นึงซ่อนอยู่ 

Q: ช่วยเล่าถึงเรื่องย่อคร่าวๆ และฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้
A: เป็นเรื่องของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาวและลูกชายวัยรุ่นคู่นึง วันนึงแม่ประสบอุบัติเหตุจนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล ลูกสองคนเลยต้องไปอยู่กับคุณตาคุณยายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน เพราะแม่ไม่เคยเล่าให้ฟัง ในระหว่างที่อยู่บ้านนั้น เด็กสองคนนี้ก็ค้นพบอะไรบางอย่างผ่านรูลึกลับที่ปรากฏขึ้นบนกำแพงอย่างไม่มีที่มาที่ไป แล้วเขาก็ค้นหาความจริงผ่าน รูบนกำแพงนั้น แล้วก็ค่อยๆ รู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องฉากฉากที่ยากเป็นฉากที่มีการโต้ตอบทางอารมณ์ ในช่วงท้าย เป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง เป็นฉากที่ผมชอบ เพราะว่ามันมีแค่การแสดงล้วนๆ มันไม่มีอะไรช่วยเลย มันมีแค่มุม กล้องกับการแสดง ฉะนั้นมันเพียวมาก ถ้าสมมติว่าเราคาดการณ์ถูก ฉากตรงนี้จะเป็นฉากที่คนดูจะรู้สึกระทึกที่สุด มันจะ ค่อยๆ เฉลยความจริงออกมาในฉากนั้น ที่เหลือก็จะเป็นฉากผีที่จะมีแทรกอยู่เป็นระยะ ผีมันเป็นเรื่องเหนือจริงอยู่แล้ว เราก็ เลยดีไซน์ให้ผีพยายามบอกความจริงบางอย่างผ่านสัญลักษณ์ที่คนดูต้องตีความว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

Q: ชอบฉากไหนในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพิเศษ
A: ในแง่การแสดง ชอบฉากที่เป็นไคลแมกซ์ตอนท้ายเรื่อง แต่ก็ชอบหลายฉาก อย่างฉากผีเราก็ดีไซน์ได้น่าสนใจ เราใช้ เทคนิค CG มาช่วยเสริมบางอย่างที่เรารู้สึกว่าถ้าทำในขณะถ่ายทำมันจะมีปัญหา อย่างหน้าตาของผีในเรื่องซึ่งเป็นเด็ก ผู้หญิงอายุ 7-8 ขวบ ในการทำงานกับนักแสดงเด็ก ถ้าเราต้องแต่งเอฟเฟกต์ที่หน้าเขามากๆ บางทีเขาเล่นไม่ได้เลย และ มันใช้เวลานาน เราเลยใช้เทคนิค CG พูดง่ายๆ ว่าหน้าเด็กที่แสดงเป็นผีในเรื่องนี้เป็น CGI ทั้งหมด แต่ว่าเราต้องการทำให้ มันดูจริงนะ ดูเหมือนหน้าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้เป็นหน้าผิดมนุษย์ผิดมนามาก แต่ดูมีความพิกลพิการที่สมจริงด้วย CG 

Q: เล่าถึงประสบการณ์ในการถ่ายทำ หรือการร่วมงานกับนักแสดง
A: พอนักแสดงเขามีใจเราก็ไม่ค่อยมีปัญหา เราทำงานแล้วเราสบายใจกับนักแสดง เรามีโค้ชด้านการแสดงมาช่วย เราสนิทกับนักแสดงรุ่นใหญ่ ซึ่งเราเคารพอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ผมก็จะมีนักแสดงรุ่นใหญ่ให้เกียรติมาร่วมงานด้วยเสมอ แต่อย่างน้องๆ เด็กๆ เราไม่ถึงกับสนิทมาก แต่เรามั่นใจในฝีมือเขา เขาเป็นคนมีวินัย การร่วมงานจึงไม่ค่อยมีปัญหา มันจะไปมีปัญหาเรื่องการทำงานด้านเทคนิคที่มันค่อนข้างยากและซับซ้อนมากกว่า มันถ่ายหลายชั้นมาก เรื่องการจัดแสงก็ ยาก เพราะหลายฉากเราใช้การถ่ายที่ต่อเนื่อง ต้องถ่ายไม่เห็นขาไฟที่ตั้งอยู่ จะซ่อนไฟยังไง จะดีไซน์แสงตรงนี้ให้เป็น อารมณ์นี้ด้วยวัสดุที่มีอยู่ในบ้าน เช่น โคมไฟ ได้ยังไง จะถกกันเรื่องพวกนี้มากกว่า เพราะเรารู้สึกว่านักแสดงที่ดีก็ต้องได้ ภาษาภาพที่ดีมาช่วยเสริมด้วย ต้องมีการเคลื่อนกล้องที่ถูกต้องในจังหวะที่ถูกต้อง แล้วคนดูก็จะรู้สึกเหมือนที่เราต้องการ 

Q: การทำงานกับ Netflix เป็นอย่างไร
A: Netflix ให้อิสระกับเรามากในฐานะผู้กำกับ นับตั้งแต่บทภาพยนตร์ได้รับการอนุมัติและนักแสดงผ่านการคัดเลือก แต่หลังจากนั้นก็ให้อิสระเต็มที่ เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ Netflix ทำร่วมกับบริษัททรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จึงเป็นการ สร้างสรรค์คอนเทนต์ร่วมกัน

Q: มีอะไรจะบอกกับแฟนๆ ที่รอดูภาพยนตร์เรื่องนี้ไหม
A: อยากพูดถึงในแง่สตรีมมิ่งของ Netflix มากกว่า ผมว่า Netflix เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักดูหนัง ในแง่ของผมซึ่งเป็น คนดูหนังคนหนึ่ง ผมรู้สึกสตรีมมิ่งแบบเน็ตฟลิกซ์มันช่วยให้เราได้ดูคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น ส่วนตัวรู้สึกดีมากที่มี สตรีมมิ่งมาในช่วงนี้ มันทำให้เรามีทางออกสำหรับคอนเทนต์บางประเภทที่น่าทำ น่าทดลอง คนดูก็มีแต้มต่อเยอะมากใน การเลือกคอนเทนต์ ในฐานะนักดูหนัง เราได้ดูหนังที่หาโอกาสดูยาก หนังจากต่างประเทศ มันสุดยอดสำหรับคนดูหนัง นอกจากนี้ ในฐานะคนทำหนัง สตรีมมิ่งเป็นทางเลือกที่ช่วยได้ explore ไอเดียบางอย่าง คอนเทนต์บางอย่างที่มีคอนเซปต์ ที่น่าสนใจ ซึ่งหลายเรื่องที่เราได้ดูไอเดียมันไปไกลมาก เขากล้าชาเลนจ์ออกไปตลอดเวลา ผมรู้สึกว่ามันดีกับคนดูหนังมาก 

Q: รู้สึกหรือคาดหวังอย่างไรที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังจะเผยแพร่สู่สายตาของผู้ชม Netflix
A: หนังเรื่องนี้มีไอเดียที่น่าสนใจ มีไอเดียใหม่ ก็คาดหวังว่าคนจะลองดูมัน มันเป็นทางเลือกนึงที่เราอาจจะหาดูในโรงไม่ได้ ถามว่าคาดหวังอะไรก็คือคาดหวังให้คนดูสนุก เพราะเราตั้งใจทำให้มันสนุก ไม่ได้จะทำหนังที่เป็นอาร์ตเฮาส์หรืออะไร มันคือความบันเทิงแต่ว่าความบันเทิงมันมีหลากหลาย เรื่องนี้ก็จะเป็นบันเทิงแบบชวนให้คิด ชวนให้ฉงนไปเรื่อยๆ คล้ายๆ หนังฆาตกรรม
………………………………………………………………………
The Whole Truth
ปริศนารูหลอน 

ข้อมูลภาพยนตร์
ชื่อเรื่อง: The Whole Truth ปริศนารูหลอน
ความยาว: 120 นาที
กำหนดฉาย: วันที่ 2 ธันวาคม 2564
อำนวยการสร้างโดย: บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด
ควบคุมการสร้างโดย: สง่า ฉัตรชัย รุ่งเรือง, อุทัย คุ้มคง
กำกับโดย: วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง
เขียนบทโดย: อภิเษก จิรธเนศวงศ์
นักแสดง: ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์, แม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์, นิโคล เทริโอ, ก้อย-ทาริกา ธิดาทิตย์ และ หมู-สมภพ เบญจาทิกุล 


ตัวละครหลัก
นิโคล เทริโอ รับบท ใหม่ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทุ่มเทให้กับการทำงานเพื่อชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวจนต้องปล่อยลูกๆ ไว้ที่บ้านให้พี่น้องสองคนดูแลกันและกันอยู่บ่อยครั้ง ภายใต้ฉากหน้าของความเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่งและแกร่งสมกับเป็น Working Woman คือเรื่องราวความลับและความทรงจำในอดีตที่ยากจะลืมเลือน 

ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ รับบท พิม เด็กสาววัยรุ่นดาวเด่นมากความสามารถประจำโรงเรียน เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ และเป็นพี่สาวที่คอยดูแลและปกป้องน้องชายแทนแม่ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวแต่ความสวยเด่นในฐานะเชียร์ลีดเดอร์และนิสัยความเป็น perfectionist ของเธออาจเป็นภัยกับตัวเธอเองมากกว่าที่คิด 

แม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ รับบท พัท หนุ่มน้อยที่มีปัญหาสุขภาพติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด มีบุคลิกเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่ค่อยมีเพื่อน ทำให้ต้องยอมคล้อยตามความต้องการของคนที่เข้ามาตีสนิทด้วยอยู่เสมอเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ โดยไม่ทันระวังถึงความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองและคนใกล้ชิด

มาร่วมคลี่คลายปริศนาและค้นหาความจริงท่ามกลางความหลอนพร้อมกัน ใน The Whole Truth ปริศนารูหลอน
สตรีมพร้อมกันทั่วโลก 2 ธันวาคม นี้ ทาง Netflix เท่านั้น














กำลังโหลดความคิดเห็น