วัคซีนแทนความห่วงใย! “ศุภชัย” ชวนคนไทย ฉีดวัคซีน ชี้ ข่าวปลอม ทำหลายคนปฏิเสธรับบริการ
จากกรณีที่ยอดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลดลง ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากมีประชาชนบางกลุ่มปฏิเสธรับวัคซีนนั้น ล่าสุด 23 พฤศจิกายน 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (Suphachai Jaismut) ระบุว่า
วัคซีนแทนความห่วงใจ
ไปฉีดวัคซีนกันเถอะ
ประเทศไทยมาอยู่ในจุดที่การฉีดวัคซีนชะลอตัว ทั้งที่มีวัคซีนอยู่เต็มสต๊อก อันที่จริงปัญหานี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทั่วโลก เพราะเมื่อการฉีดมาถึงจุดหนึ่ง เราจะไปเจอกลุ่มที่ปฏิเสธการฉีดด้วยเหตุผลสารพัด และนั่นทำให้อัตราการฉีดดร็อปลงไป อย่างไรก็ตาม นี่คือ ตัวชี้วัดว่า ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนแก่ผู้คนส่วนมากในประเทศแล้ว นี่คือ ความสำเร็จ จากการทำงานหนักของกระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่รัฐมนตรีอนุทิน ไปจนถึงบุคลากรท่านอื่น
สิ่งที่ตามมาคือ ถึงแม้ว่าจะเปิดบ้านเปิดเมือง แต่ยอดการป่วยหนัก และเสียชีวิตน้อยลง ทว่า การให้บริการนั้น จำเป็นต้องดำเนินต่อไป เพราะด้วยสามัญสำนึก การฉีดวัคซีน ยิ่งครอบคลุมมากที่สุด ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า กระนั้น การจะเอาชนะกลุ่มที่มีหัวใจแน่วแน่ในการปฏิเสธวัคซีน ไม่ใช่เรื่องง่าย ในต่างประเทศต้องออกแคมเปญสารพัด กับประเทศไทยเอง กลุ่มนี้เริ่มปรากฏมาให้เห็นแล้ว ผมขอยกคำพูดของคุณหมอโอกาส การกวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ที่เรียกกลุ่มดังกล่าวว่า “ฮาร์ดคอร์” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยึดมั่น ถือมั่นมาก การจะเอาชนะใจเขานั้น ยากเหลือเกิน และนอกจากกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่ว่า ก็ยังมีกลุ่มที่ระบบสาธารณสุขไทยยังเข้าไม่ถึง ซึ่งล่าสุด ทราบมาว่า ทางกระทรวงได้จัดทีมเชิงรุก ร่วมงานกับ สสจ. และ อสม. ที่ทั้งพามาฉีด ไปจนถึงจัดทีมลงไปให้บริการถึงที่ ผมว่ากลุ่มนี้ เราจัดการได้ไม่ยาก เพราะพร้อมรับวัคซีนเป็นทุนเดิม
กลับมาที่กลุ่มซึ่งปฏิเสธการรับบริการโดยสิ้นเชิง มีทั้งผู้ที่เชื่อว่าตัวเองอยู่กับบ้าน จึงไม่เห็นความจำเป็นในการรับวัคซีน ไปจนถึงคนที่มีความคิด ความเชื่อเป็นของตัวเอง ซึ่งน่าจะเกิดจากข่าวเท็จ ข่าวปลอม ที่โหมกระพือมาก่อนหน้านี้ จนบางคนมีความเชื่อฝังใจ อันที่จริง เรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของวัคซีน คุณหมอหลายท่านก็ออกมายืนยันว่าวัคซีนไทยนั้นดี มีประสิทธิภาพ ไม่อันตราย ก็น่าจะเชื่อหมอ แต่บางคนกลับไปเชื่ออย่างอื่น ที่แย่ไปกว่านั้นคือเอาข่าวสารที่ผิด ไปกระจายต่อ สร้างความหวาดกลัวไปเป็นทอดๆ ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย ที่ผมเห็นแล้วก็ได้แต่กุมขมับ เพราะข้อมูลเหล่านี้ไปกันไวเหลือเกิน
สิ่งที่ผมจะย้ำคือ วัคซีนที่ไทยนำเข้ามานั้นผ่านการรับรองโดย WHO แล้ว วัคซีนที่ไทยเข้ามานั้น ผ่านการรับรองโดย อย.ซึ่งมีมาตรฐานระดับโลก วัคซีนที่ไทยนำเข้ามาผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว เรามีระบบสาธารณสุข ระดับโลกที่คอยดูแลผู้ได้รับบริการ และเรามี สปสช. ที่พร้อมจ่ายค่าชดเชย หากได้รับผลกระทบจากวัคซีน ซึ่งที่ผ่านมา ก้มีผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนน้อยมากๆ ถ้าเทียบโอกาสระหว่างการเสียชีวิตจากโควิด กับการเสียชีวิตจากวัคซีน ต้องบอกว่าโอกาสที่ต้องสูญเสียเพราะโควิดนั้น มีมากกว่าโอกาสที่ต้องเสียชีวิตจากวัคซีนหลายเท่า (19,394 : 3 (3/11/64))
ที่สุดแล้ว ผมมั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้การฉีดวัคซีนครอบคลุมที่สุด แต่สิ่งที่ผมอยากขอร้องวิงวอนประชาชน คือ ช่วยกันเชิญชวนคนใกล้ชิดมารับบริการวัคซีนกันเถอะ ทั้งนี้ ผมเชื่อมั่นในพลังแห่งครอบครัว ถ้าลูกหลานคุยกับปู่ย่าตายาย ให้มารับวัคซีน คุณตาครับ คุณยายขา ผมมั่นใจว่าท่านเชื่อ และจะเข้ารับการฉีดอย่างแน่นอน เพราะท่านต้องการอยู่กับเราไปนานๆ
สำหรับผม วัคซีน เป็นสื่อกลางแทนความรัก ความห่วงใย ถ้ารักใคร ก็ขอให้เขามาฉีดวัคซีนนะครับ
เพราะผมรักทุกท่าน ผมจึงร้องขอให้ทุกท่านมารับวัคซีน
#ฉีดวัคซีนกันเถอะครับ