หนังหลายเรื่องที่กำกับโดยผู้กำกับคนเดียวกับที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ อาจไม่ได้เหมารวมว่าคุณภาพของหนังจะอยู่ในระนาบเดียวกัน
อันที่จริงตอนผู้เขียนได้ดู STILL WATER ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเป็นหนังแนวไหน ใครกำกับ หนักเข้าไปอีกคือดูหนังไปเกือบยี่สิบนาทียังถามตัวเองว่าตัวละครเอกของเรื่องใช่ดาราระดับซูเปอร์สตาร์หรือเปล่า
คุ้นๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็น แมตต์ เดมอน? เอ้า! สุดท้ายก็ใช่จริงๆ
เหตุผลก็คือ BILL ตัวละครเอกที่รับบทโดยแมตต์ เดมอน สวมหมวกแก๊ปตลอดเวลา ยิ่งไว้เคราแพะเข้าไปอีกยิ่งทำให้จำพระเอกเบอร์ต้นๆ ของฮอลลีวูดแทบไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้แมตต์ เดมอน มาแบกหนังเรื่องนี้ไว้ ผู้เขียนว่าหนังที่กำกับโดย ทอม แมคคาธี ผู้ฝากฝีมือไว้กับ Spotlight ซึ่งผงาดคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วอาจจะทำให้เวลายาวนานกว่าสองชั่วโมงอึดอัด เนิบนวยไปกว่านี้อีกอักโข
ไม่ใช่ว่า STILL WATER ไม่ดีนะครับ เพียงแต่ความกลมกลืนของเรื่องราว รวมทั้งความสะเทือนอารมณ์ที่จะทำให้คนดูคล้อยตามไปกับความเป็นพ่อที่พยายามทุกวิถีทางในอันจะช่วยลูกสาววัยรุ่นอเมริกันที่ติดคุกอยู่ในเมืองมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส ให้รอดพ้นจากการถูกปรักปรำว่าฆ่าผู้อื่นมันค่อนข้างจะ ‘เบา’ ไปหน่อย
ที่เบานี่คือความเป็นไปเป็นมาของตัวเรื่องนะครับ ไม่ใช่การแสดงของแมตต์ เดมอน เพราะก็อย่างที่บอกไปแล้ว ถ้าเขาไม่แบกไว้ STILL WATER จะยิ่งไปกว่านี้
เมื่อมีส่วนพร่องก็ย่อมมีส่วนเติมเต็ม อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ของคนเป็นพ่อกับลูกสาวที่หนังพยายามสื่อว่ามันคือแก่นสำคัญของเรื่อง ทว่าไปไม่สุด กลับทำได้ดีในอีกด้านที่ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน นั่นคือความผูกพันระหว่าง ‘เพื่อนใหม่’ ของแม่กับลูกน้อยของเธอ
ตรงจุดนี้หนังทำให้เชื่อได้สนิทใจว่า BILL กับ MAYA เด็กหญิงตัวเล็กๆ ต่างเปิดใจที่จะยอมรับซึ่งกันและกัน และอาจเป็นไปได้ว่าความย้อนแย้งที่แฝงไว้ใน STILL WATER ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกกลายเป็นเจตนาอย่างเหนือชั้นของผู้กำกับและคนเขียนบท จนส่งผลให้นักวิจารณ์หลายคนกล่าวชื่นชมแถมประดับดาวให้
เรื่องแบบนี้อยู่ที่รสนิยมครับ ต้องลองดูกันเอง เพราะถึงอย่างไรผู้เขียนก็ยังรู้สึกว่า STILL WATER เป็นหนังที่ไม่เสียเวลากับการที่ได้ดู