xs
xsm
sm
md
lg

เผยคลิป “หนุ่ม กรรชัย” คนสุดท้ายพูดกับคนร้ายยิงดับ 2 ศพ ก่อนมอบตัว คนร้ายเปิดใจเครียด ถูกกดดันอยากให้ฆ่าตัวตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรณีอดีตทหารเกณฑ์คลั่ง ก่อเหตุยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อ ปากซอยลาดพร้าว 25 เสียชีวิต 1 ราย ต่อมาได้สวมชุดลายพรางขับรถกระบะไปก่อเหตุซ้ำ กราดยิงโรงพยาบาลสนาม ในสถาบันธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตอีก 1 ราย หลังจากนั้นได้หลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติ ใน อ.กระบุรี จ.ระนอง กระทั่งในเวลา 12.20 น. วันที่ 24 มิ.ย. มีรายงานว่าชายคนดังกล่าวได้เดินออกมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว



รายการโหนกระแสวันที่ 24 มิ.ย. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย”ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ รองแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูลผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต ร่วมวิเคราะห์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้าที่พูดคุยกัน ถือว่าสถานการณ์ตึงเครียดมั้ย?
รองแต้ม : ถือว่าตึงเครียด เพราะว่าหนึ่งคนร้ายมีอาวุธ สองคนร้ายอยู่กับคนอื่น อาจเป็นตัวประกันหรือไม่ตัวประกันก็แล้วแต่ สามคนร้ายมีความกดดัน เพราะตร.ไปปิดล้อมอยู่ แล้วเขาก็กดดันอีกว่าต่อไปในอนาคตเหตุการณ์จะเป็นยังไง อันนี้เป็นความตึงเครียด อาจทำให้คนร้ายคิดไปอย่างใดอย่างหนึ่งได้

ตร.ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ การเจรจาขั้นต้นสำคัญที่สุด?
รองแต้ม : ต้องมีการเจรจาเพราะคิดว่าเขามีตัวประกันอยู่แล้ว อย่างที่เคยมีประสบการณ์เจรจามาหลายคดีมากที่มีตัวประกัน เราต้องเอาปัญหาที่เขามีมาพูดคุยกัน พยายามเจรจา และทำให้เขาเห็นว่าเราอยู่ข้างเขา เราจะแก้ปัญหาให้เขา แล้วคดีที่เกิดสามารถแก้ปัญหาได้ ก็สามารถเจรจาและทำให้อ่อนลงได้

ในมุมอาจารย์เป็นนักอาชญาวิทยา กรณีแบบนี้ น่าจะมีอะไรกดดันหรือมีแรงกระเพื่อมอะไรทำให้เขาก่อเหตุแบบนี้?
ดร.กฤษณพงค์ : ต้องยอมรับว่าคนเราจะก่อเหตุ มีหลักๆ 2 ประการ หนึ่งปัจจัยด้าน เรื่องส่วนตัว การอบรมเลี้ยงดู การขัดเกลาทางการศึกษา สภาพแวดล้อมอาจมีผลจากการทำงาน เพื่อนร่วมงาน กรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเชื่อว่าเป็นเรื่องของความกดดัน สิ่งน่าสนใจคือตอนคนร้ายก่อเหตุแล้ว ทำไมถึงนำเสื้อลายพรางมาใส่ ผมเชื่อว่ากรณีนี้คนที่ก่อเหตุคงรู้สึกว่าการทำลักษณะนี้จะดึงดูดความสนใจของคนประการแรก ประการที่สองเหมือนกับเขาต้องการบอกอะไรบางอย่าง สังเกตการณ์ก่อเหตุก่อนหน้านี้ที่โคราช ดึงดูดความสนใจของคนว่าทำไมถึงเกิดเหตุแบบนี้ในประเทศไทย เราเคยดูแต่ในภาพยนตร์ ต่างประเทศ ตอนนี้เกิดในบ้านเราแล้ว ผมเชื่อว่าผู้ก่อเหตุรายนี้ก็เช่นกัน เขาต้องศึกษาพฤติกรรมการก่อเหตุในลักษณะแบบนี้ ก็น่าจะเชื่อได้ว่าเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ

เหมือนพอมีปัญหากดดันความรู้สึก แล้วเคยมีคนก่อเหตุแบบนี้ เขาใช้วิธีที่เคยเห็นหรือสัมผัสหรืออยู่ในก้นบึ้งความรู้สึก และคิดว่าเป็นวิธีคลายล็อกให้เขาได้ เขาก็เอามาใช้?
รองแต้ม : เมื่อกี้น้องเขาบอกว่าเลียนแบบ ผมว่าถูกต้องมาก เมื่อกี้ผมฟังคุณหนุ่มดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ และได้พูดว่าสื่อมวลชนพยายามอย่าไปกดดันหรือทำให้เขามองว่าเขาเป็นฮีโร่ หรืออะไรที่แสดงออก เดี๋ยวจะเลียนแบบตัวอย่างคดีจ่าคลั่งได้ สิ่งที่น้องหนุ่มทำถูกต้องมาก ในการพูดคุยกับเขา ทำให้เขาลดโทนลงมา และอย่าทำอะไรที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ตรงนี้ดีมาก

ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างตึงเครียด ฉะนั้นการนำเสนอข่าวเที่ยงที่นำเสนอก่อนโหนกระแส ผมเองได้พูดคุยกับทีมข่าวและช่อง 3 ว่าขออนุญาตไม่นำเสนอเหตุการณ์สด ณ ตอนนั้น เพราะอาจมีการไปรบกวนการทำงานของตร. รวมถึงตัวคนร้ายอาจรู้ตัวว่าตร.กำลังจะทำอะไรอยู่บ้าง เพราะเราคาดเดาเขาไม่ได้ในตอนนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่จับได้ในการที่ผมคุยกับเขา เขาพูดเลยว่าตอนนี้เขากดดันมาก เพราะมีคนไปด่าเขาในเฟซบุ๊กตอนนี้ด่าว่าให้เขาฆ่าตัวตาย เขาทนไม่ได้ เขายิงปืนขึ้นหนึ่งนัด พอเขาพูดคำว่าเขาเห็น แสดงว่าเขาดู เขาดูแสดงว่าเขาเกาะติดพฤติกรรมตัวเองอยู่ว่าใครกำลังพูดถึงเขาว่าอะไร ตร.กำลังทำอะไรกับเขาบ้าง ถ้านำเสนอไปแบบสดตอนนั้นเขารู้หมด แต่ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพราะเขามอบตัว ตร.ควบคุมตัวเรียบร้อยแล้ว คำพูดสุดท้ายก่อนตร.ควบคุมตัวเขาได้ เขาคุยกับผมอยู่ ลองฟังเสียงนี้ดู ขออนุญาตเปิดเพราะเหตุการณ์คลี่คลายแล้ว (แม่โทรมาให้มอบตัว และจะไปมอบตัว หนุ่มบอกให้ยกมือขึ้น อย่าถือปืนออกไป อีกฝ่ายตอบโอเค หนุ่มบอกออกมาให้โทรมาคุย เป็นกำลังใจให้) อันนี้เป็นคำพูดสุดท้ายที่คุยกับผม พี่แต้มฟังอยู่ด้วยตอนนั้น?
รองแต้ม : ผมฟังที่เขาพูดกับน้องหนุ่ม ถ้าวิเคราะห์นะ คนร้ายถ้าได้พูดคุย เปิดอก ได้ระบาย คนร้ายโทนที่จะเกิดความรุนแรงน้อยมาก เขาสามารถมีความนึกคิดได้ ผิดกับจ่าคลั่ง จ่าคลั่งไม่มีการเจรจา ไม่ฟังใครเลย เขามีแต่เสพจากสื่อที่ดู เขากดดัน อันนี้พอพูด ก่อนคลิปนี้ผมก็ฟังอยู่ เขาได้ระบายกับน้องหนุ่มเยอะมาก ว่าเขากดดันเรื่องอะไร ซึ่งน้องหนุ่มก็แนะนำว่าให้มาแก้ปัญหากัน เขาก็ลดโทนลงมา จนคลิปเมื่อกี้ นี่คือผลดี แต่ว่าเป็นผลดีที่สื่อได้ทำ แต่ไม่ได้ทำอย่างที่วิเคราะห์ไปตอนแรกว่าสื่อก่อนๆ ไปกดดันเขา ไปแสดงสดให้เห็นว่าพฤติกรรมตร.ทำอะไร มัน อย่างนี้ถือว่าดีมาก

กลับไปไล่เลียงเหตุการณ์ ชายคนนี้ก่อนหน้านี้ไปที่แถวๆ ลาดพร้าวไปซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อ ลังจากนั้นทำขวดเบียร์ตกแตก ทะเลาะกันว่าจะไม่จ่ายเงิน เป็นที่มาของการสังหาร อาจารย์มองยังไง เหมือนบันดาลโทสะมั้ย?
รศ. : ผมไม่ได้ดูละเอียดทั้งหมดก่อนหน้านี้ แต่เท่าที่ติดตามข่าวทราบว่าเขาซื้อเบียร์แล้วทำตกแตก พนักงานไปเก็บเงินเกิดการโต้เถียง และทราบว่าเขามีการดื่มมาก่อนแล้ว แน่นอนว่าอาจทำให้เขาขาดสติ ประการที่สอง คนเคยผ่านการฝึกทหาร ฝึกการใช้อาวุธ อาจมีอาวุธติดตัวอยู่ด้วย เขาต้องการแสดงออก ตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่การคิดการไตร่ตรองทั้งหมดไม่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องคือต้องทำตามกฎกติกา ตามกฎหมาย บรรทัดฐานทางสังคม ไม่ใช่ว่าเราเคยใช้อาวุธ มาแล้วจะใช้อาวุธในทางที่ไม่ถูกต้อง ประเด็นนี้น่าจะเกี่ยวกับความกดดัน ความก้าวร้าวของเขาด้วย

มองวิธีดำเนินการของเขายังไง เขาก่อเหตุเหมือนเรื่องน่าจะจบ ทำไมเดินทางไปรพ.สนามแล้วไปสังหารคนเป็นโควิดอีก 1 คน นัยยะสำคัญคือการใส่เสื้อทหารและใส่หมวกมาด้วย เขาต้องการบ่งบอกอะไร?
ดร.กฤษณพงค์ : เชื่อว่าคนก่อเหตุคงดูข่าวลักษณะการกราดยิงในคดีก่อน คิดว่าพฤติกรรมแบบนี้จะทำให้เกิดความสนใจของคน แน่นอน เรามักไม่เอ่ยชื่อผู้ก่อเหตุ สองยอมรับตรงกันว่าเราจะไม่ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะส่งผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ยากขึ้น ในสิ่งที่ถามว่าทำไมใส่ชุดลักษณะนี้ ผมเชื่อว่าเขามีปมที่อยู่ในใจ เราสามารถตรวจสอบได้ว่าปมในใจเขาคืออะไร

รองแต้ม : เรื่องแรกเรื่องยิง ก่อนเข้าไปยิงเชื่อว่าเขาได้ดื่มสุราไปแล้ว และไปซื้อมาเพิ่ม ในการขาดสติมีแน่นอน บวกกับคนมีอาวุธชอบเล่นอาวุธปืน ดูประวัติเขาชอบเล่นอาวุธปืนมาก ถึงขนาดอยากไปเรียนสไนเปอร์ที่อเมริกา บวกกับแรงกดดันที่เขามีอยู่ ฝังใจอยู่ และได้รับความกดดันจากพนักงาน มันเลยบวกขึ้นทำให้เขาก่อเหตุ หลังก่อเหตุคิดว่าเขาขาดสตินะ บวกกับที่เขาเคยเป็นทหารเลยอยากแสดงออกหรือให้คนมาสนใจ อย่างที่ไปยิง เรายังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไปยิงที่รพ.สนาม ทำไมถึงไปยิงคนในนั้น จิตเขาด้วย อาจมีแรงกดดัน ไม่กล้าบอกว่าอยู่ในเรื่องจิตเวชหรือเปล่า เพราะเคยรู้จักคนนึง เวลาเมาอีกอย่าง ไม่เมาก็อีกอย่างนึง จะเรียกว่าโรคจิตก็ไม่ดี คิดว่าเรื่องภาวะทางจิตหรือเปล่า บวกกับความกดดัน เรื่องการอยากแสดงออก การมีอาวุธปืน มันเลยรวมๆ กัน

สิ่งหนึ่งที่หลายคนสงสัย หลังเขาก่อเหตุยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อแล้ว เขายิงเสร็จเดินไปที่ร่างแล้วใช้เท้าเหยียบไปบนยอดอก แล้วมองว่าตายหรือยัง?
รองแต้ม : เป็นพฤติกรรม แบบจิตหรือเปล่า ยิงคนไข้เสร็จ ตอนเดินออกมา เขายังยิงจุดอื่น ลองดู

เหมือนเขาได้ปลดปล่อยหลังก่อเหตุ?
รองแต้ม : ปลดปล่อยแล้วเขาไม่ได้หนีไปไหน เขากลับมาหาญาติ อยู่กับญาติเขา ช่วงก่อเหตุสติหรือจิตเขาถูกกดดัน บวกกับกดดันเดิมมาด้วย

ถ้ามองย้อนกลับไปเหมือนที่โคราชมั้ย?
รองแต้ม : จ่าคลั่งก็กดดันจากผู้บังคับบัญชา ที่บอกว่าผู้บังคับบัญชาโกงเขา เอาเปรียบ รังแกเขา เขาถึงได้มาแสดงออก มายิง แสดงออกให้เห็นประจานว่าผู้บังคับบัญชารังแก นี่ก็เหมือนกัน เขาก็ได้บอกว่าอดีตถูกผู้บังคับบัญชารังแก

ล่าสุดตร.ควบคุมตัวได้เรียบร้อย หลายคนสงสัยว่าอะไรคือตัวจุดประเด็นให้เขาทำแบบนี้ ไปพูดคุยกับ “แอม” เพื่อนสนิทชายคนนี้ ปกติแล้วเขาเป็นคนยังไง?
แอม : จากที่รู้จัก 2-3 ปี น้องเป็นคนมีเหตุผล ปรึกษากันเรื่อยๆ ตลอด ไม่ได้มีทีท่าว่าจะมีลักษณะแบบนี้

ได้คุยกันล่าสุดเมื่อไหร่?
แอม : ประมาณวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ ถ้าจำไม่ผิด เขาไม่ได้มีอาการอะไร ยังคุยกันทั่วไป ปกติไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียว เวลาแนะนำอะไรเขาก็ฟัง มีเหตุผลระดับหนึ่ง ไม่มีอาการอะไรรุนแรงที่จะทำแบบนี้

เขาไม่ได้ระบายอะไรเลย ว่าถูกหัวหน้าทำร้ายร่างกายต่างๆ นานา?
แอม : ไม่มีเลยครับเรื่องนี้

ทราบมั้ยว่าเขาเคยมีประวัติรักษาเรื่องจิตเวช?
แอม : เรื่องนี้ผมไม่ทราบ แต่มีคนพูด ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะจากที่คุยกับน้องเขาก็ปกติดี

ที่บอกว่าเขาจะไปอเมริกา เขาจะไปทำอะไร?
แอม : คุยกัน เขาวางแผนว่าจะไปอเมริกา ไปเรียนยิงปืนสไนเปอร์ น้องเขาชอบแนวนี้ เราก็ชอบเรี่องการยิงปืนกัน อนาคตจะเป็นครูสอนยิงปืน จะสร้างรายได้ให้เขาได้ เป้าหมายในอนาคต ผมก็บอกว่าดี ไม่มีอะไรเสียหาย

ทราบข่าวเขากี่โมง?
แอม : เพิ่งทราบตอน 9-10 โมง น้องเอาข่าวมาให้ดู ผมก็ยังงง อึ้งอยู่ เพราะมันเหมือนน้องเราเลย

ล่าสุดได้พูดคุยกัน?
แอม : ผมโทรไปหาเขา เขาก็ยังรับสายผมอยู่ ผมก็ถามว่าอยู่ไหน ขอบใจมากที่รับสาย ทำใจให้สบาย ลดความเครียดก่อน ไม่ต้องเครียด เขาบอกว่าพี่แอม คนด่าผมเต็มเลย ก็บอกว่าไม่ต้องสนใจ ใครจะด่าว่าก็ปล่อยไปก่อน อยู่ให้สบายใจ ไม่อยากไปกดดัน

ล่าสุดเขามอบตัวแล้ว ทราบใช่มั้ย?
แอม : ผมเพิ่งดูข่าวเมื่อกี้ ก็สบายใจ เป็นห่วงเขามากเหมือนกัน

รองแต้ม : เหตุการณ์มันประกอบหลายอย่าง พฤติกรรมเดียวกันกับที่โคราช

อาจารย์ล่ะ?
ดร.กฤษณพงค์ : มีทั้งความเหมือนและความต่าง คนนี้เคยเป็นทหาร ประการต่อมาการใช้อาวุธ อาจต้องเน้นย้ำการใช้อาวุธในทางที่ถูกต้อง ป้องกันชีวิตตัวเอง และผู้อื่นจากผู้ละเมิดกฎหมาย ประการต่อมาคิดว่าเขามีปมในใจที่ต้องการสะท้อนอะไรบางอย่าง ต้องการสื่อสารกับสาธารณชน ซึ่งแสดงว่าเราไม่มีช่องทางในการสื่อสาร พูดง่ายๆ ขอความเป็นธรรม ทำไมต้องมาแสดงออกด้วยพฤติกรรมแบบนี้ ผมว่าตรงนี้เราน่าจะต้องมีกลไกในการแก้ปัญหาตรงนี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เรื่องนี้จะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบไปเรื่อยๆ มั้ย เราจะแก้ไขยังไง?
รองแต้ม : ถ้าเราไม่มีช่องทางให้เขาได้รับความเป็นธรรม คนกดดันจะแสดงออกมากขึ้น สังคมต้องยอมรับเรื่องความกดดันต่างๆ ตรงนี้ด้วย

พลิกตำราหลายตลบ คิดอยู่นานว่าจะนำเสนอเรื่องนี้ดีมั้ย เพราะถ้านำเสนอไปอาจเป็นแบบอย่างให้กับคนไปก่อเหตุแบบนี้อีกว่าเห็นมั้ย กูทำเรื่องแบบนี้ เรื่องของกูไปอยู่ในรายการ ข่าวออกเรื่องของกู ทำให้กูเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมา แต่ในแง่ของข่าว ก็จำเป็นต้องนำเสนอว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่ในสังคม ต้องหาวิธีป้องกัน แก้ไข รวมถึงคนร้ายบุกไปถึงรพ. ถ้าปล่อยทิ้งไปเลย โอ้โห?
ดร.กฤษณพงค์ : ข้อนี้ดีมาก ในวิชาอาชญาวิทยาทั่วโลก ทั้งอังกฤษและอเมริกา เขาจะมีวิชาอาชญากรรมและสื่อมวลชน หมายถึงว่าการนำเสนอภาพข่าวทำได้เท่าที่ให้ประชาชนรับทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันต้องการสื่อสารว่าเราจะมีมาตรการป้องกัน ทำอย่างไรถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เราสังเกตดูได้ เราเคยเกิดเหตุการณ์กราดยิงโคราช หลังจากนั้นเราแก้ปัญหา ป้องกันเรื่องนี้อย่างไร ต่อมาเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีก คำถามต่อมาเราทำอย่างไร ยกตัวอย่างสหรัฐอเมริกา หลังเกิดเหตุกราดยิง เขามีหน่วยเฉพาะกิจเอาไว้รับมือเหตุการณ์กราดยิงโดยเฉพาะ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีห้างสรรพสินค้า โรงเรียน พื้นที่สาธารณะที่มีคนจำนวนมาก เขาจะได้รับการฝึกเฉพาะทาง แต่ถามกลับมาเราเตรียมเรื่องเหล่านี้อย่างไร

จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไข ไม่งั้นจะมี สาม สี่ ต่อไป?
ดร.กฤษณพงค์ : เราสร้างฮีโร่ได้ แต่ต้องเป็นฮีโร่ในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น

อยู่ในสายกับ “สาธิต ปิตุเตชะ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีนี้คนร้ายบุกไปรพ.สนามและก่อเหตุร้ายแบบนี้ คิดว่าจะมีมาตรการป้องกันเข้มข้นกว่านี้มั้ย?
สาธิต : ในรพ.ทั้งสองส่วน เป็นลักษณะกายภาพ คือมีสะพานข้าม มีคลองกั้น ปกติเราจะมีตู้ยามรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่คนร้ายในคดีนี้ อ้างกับเราว่ามาใช้เหตุกรณีฉุกเฉินที่รพ.ราชวิถี เจ้าหน้าที่เลยปล่อยให้เข้าไป เลยทำให้เกิดเหตุสุดวิสัย ในส่วนปกติทุกรพ.ของเรา จะใช้นโยบาย เพราะมีการจัดการทั้งเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยด้วย มีประตูสองชั้นที่จะเห็นในกล้องวงจรปิด เขาเข้าไม่ได้ เขาใช้ปืนยิง สองสภาพคนร้ายที่น่าจะมีความเครียด สุดท้ายทราบว่าคนร้ายเป็นคนไข้ที่เป็นโรคสุขภาพจิต คนร้ายก่อเหตุโดยไม่ได้มีสติยั้งคิด อันนี้ก็ต้องคิดร่วมกันวางแผน กรณีที่เกิดเหตุ เหมือนเข้าไปตอนตี 3 ก็ต้องสูญเสียผู้บริสุทธิ์อย่างที่เราเห็นภาพ ตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเรามีการปรับแผนความปลอดภัยในแต่ละขั้น กรณีนี้เป็นเรื่องคนไข้มีสุขภาพจิต ที่เป็นอีกวาระนึงที่ต้องมีมาตรการเพิ่มเติมและวางแผนต่อไปในอนาคต

ระหว่างที่คุยกันอยู่ มีคนส่งข้อความมาหาเยอะมาก ว่าผมมีการพูดคุยกับคนก่อเหตุ ผมเปิดได้เหรอ?
รองแต้ม : ตอนที่คุณหนุ่มพูดคุยผมอยู่ด้วย และสิ่งที่คุยทำให้เหตุการณ์ลดลง หรือดีขึ้น ผมว่ามันเป็นประโยชน์ สื่อบางทีออกอะไรไป อาจเกิดความเสียหาย แต่สื่อก็เป็นกระจกเงาสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคม และแนวทางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ สามารถนำไปถอดเป็นบทเรียนได้ ดังนั้นการนำสิ่งที่เขาพูดคุยเราก็ไม่ได้ก้าวล่วง เพราะเขาไว้ใจ

หลายคนอยากฟังแต่มันมีชื่อคนร้ายอยู่?
รองแต้ม : ไม่เป็นไร เพราะชื่อปรากฏอยู่แล้ว

ดร.กฤษณพงค์ : ถ้าคุยเหมือนให้สถานการณ์ลดลง ลดความตึงเครียดของคนร้าย มีความเป็นไปได้ เพราะหลักการเจรจา ต้องให้คนที่เขาพูดด้วยเขามีความเชื่อใจเพื่อให้เขารู้สึกเกิดความผ่อนคลาย

ผมเปิดได้มั้ย?
ดร.กฤษณพงค์ : ลักษณะพูดในการเจรจา อาจนำเสนอได้เท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้เห็นว่าสื่อเองมีบทบาทสำคัญในการเจรจา เพื่อลดความรุนแรง ความตึงเครียด เท่าที่ฟังคุณหนุ่มช่วยเจรจา

งั้นลองฟังดู?
รองแต้ม : คุณหนุ่มพูดกับเขาเป็นกันเองมาก ทำให้เขาไว้ใจ

(เปิดคลิปเสียงหนุ่มกรรชัยกล่อมคนร้าย ถามว่าอยากไปอเมริกาอยู่มั้ย กดดันเรื่องอะไรให้บอก ก่อเหตุแบบนี้แล้วจะเอายังไงต่อไป มอบตัวดีกว่ามั้ย และอยากให้ใจเย็นๆ ทุกอย่างมีการแก้ไข ถ้ามานั่งคุยกันดีๆ สังคมอีกมุมพร้อมพูดคุย และไม่มีใครรังแก อีกฝ่ายบอกว่าคนอยากให้ยิงตัวตาย หนุ่มก็บอกให้ใจเย็นๆ อีกฝ่ายยิงปืน หนุ่มก็ถามว่ายิงทำไม ให้ค่อยๆ คิด มีพ่อมีแม่ ทำอะไรต้องอย่าขาดสติ ต้องมอบตัวและมาคุยกัน)

คำพูดสุดท้ายต่อสายคุยกันล่าสุด คือเจรจาให้เขามอบตัว แต่จริงๆ เขาตั้งใจมอบตัวอยู่แล้วเพราะแม่เขาโทรเข้าไป (เปิดคลิปเสียงอีกครั้ง ที่อีกฝ่ายบอกว่าแม่โทรมาให้มอบตัว หนุ่มแนะให้ยกมือขึ้น อย่าเอาปืนออกไป)













กำลังโหลดความคิดเห็น