“บิ๊กบี้” สั่งสอบข้อเท็จจริงเหตุ อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง อ้างถูกทำร้ายช่วงเป็น “พลอาสาจู่โจม” ด้านครูฝึกยันไม่เคยทำร้ายร่างกาย เปิดประวัติ หน่วยก้านดี เป็นผู้บังคับหมวด ชอบปืน-ดูหนังสงคราม เผย มารดาเพิ่งแจ้งภายหลังว่าลูกเคยรักษาอาการป่วย
วันนี้ (24 มิ.ย.) มีรายงานว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอดีตทหารเกณฑ์ยิงผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามและพนักงานร้านสะดวกซื้อเสียชีวิต 2 ราย อ้างถูกกดดันจากอดีตผู้บังคับบัญชา โดยข้อมูลเบื้องต้นในการสอบย้อนประวัติอดีตทหารเกณฑ์ดังกล่าว พบว่า เข้ามาเป็นพลอาสา (ทหารเกณฑ์) ระหว่างเดือน พ.ย. 2560 ปลดประจำการเดือน พ.ย. 2562 โดยเจ้าตัวไม่ได้สมัครอยู่ต่อ สำหรับบุคลิกลักษณะเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ชอบปืน และ ชอบดูหนังสงคราม
ทั้งนี้ พ.ท.มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ (รพศ.3 รอ.) ได้เรียก จ.ส.อ.ยงยุทธ สุขเกษม ครูฝึก มาสอบถามข้อเท็จจริงหลังจากมีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของผู้ก่อเหตุว่า ไม่พอใจที่ถูกครูฝึกทำร้ายเมื่อช่วงที่อยู่ในค่ายทหาร ซึ่งทางครูฝึกได้ยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายร่างกาย ปฏิบัติตามกรอบของการฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์ โดยอดีตทหารเกณฑ์ดังกล่าวมีผลการฝึกค่อนข้างดี ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับหมวดบรรจุที่กองร้อยที่ 2 ซึ่งครูฝึกก็อยู่กองร้อยดังกล่าวด้วย แต่อดีตทหารเกณฑ์ผู้นี้ก็อยู่ไม่นาน และหมุนไปอยู่กองร้อยที่ 3 เกือบสองปี ส่วนรุ่นพี่ที่ถูกระบุว่าทำร้ายร่างกายปลดออกไปก่อน 1 ปี และเมื่อย้อนดูประวัติการป่วยทางจิตเวช พบว่า ก่อนการเข้ามาเป็นพลทหารไม่มีการแจ้งประวัติดังกล่าว แต่มารดาเคยให้ข้อมูลในช่วงที่เข้ามาประจำการแล้วว่าเคยรักษาอาการและหายเป็นปกติแล้ว จนกระทั่งเมื่อปลดประจำการก็เข้ารับการรักษาอาการอีกครั้ง
แหล่งข่าวจาก ทบ.ระบุว่า ทางหน่วยต้นสังกัดกำลังรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดจากการสอบครูฝึก เพื่อนในรุ่นและรุ่นพี่ เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี และรุ่นพี่พลทหารอาสาก็ปลดประจำการไปแล้ว แต่ครูฝึกยืนยันว่าไม่มีการซ้อม หรือทำร้ายร่างกาย แต่ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปว่าในช่วงการฝึกปรับพื้นฐานกองพันจู่โจม ซึ่งมีฝึกหนักทดสอบความอดทนทางร่างกาย และจิตใจ มีรายละเอียดอย่างไร เพราะหากมีการทำเกินกว่าเหตุ มีการร้องเรียนและสอบสวนพบว่าผิดจริงก็ต้องลงโทษ อีกทั้งนโยบายของกองทัพบกในปัจจุบันเคร่งครัดในเรื่องดังกล่าว และกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับทหารใหม่ แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ผ่านมา 2 ปีแล้ว ทำไมถึงนำมาอ้างเป็นเหตุหลังยิงผู้อื่นเสียชีวิตและยังนำชุดทหารมาใส่เพื่อยิงผู้อื่นต่อไป