"เอลเลียต เพจ" (เอลเลน เพจ) จำไม่ได้แล้วว่าเขาถูกถามคำถามมานานแค่ไหน แต่เขาจำได้ว่ารู้สึกชนะตอนที่ได้รับอนุญาตให้ตัดผมสั้นตอนอายุ 9 ขวบ “ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กผู้ชาย ผมอยากเป็นเด็กผู้ชาย ผมจะคอยถามแม่ว่าสักวันหนึ่งขอผมเป็นผู้ชายได้ไหม”
แต่ความสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่กี่เดือนต่อมาเด็กสาวที่เติบโตมาในแฮลิแฟกซ์ โนวาสโกเชีย ซึ่งมักเห็นภาพตนเองในจินตนาการเป็นเด็กผู้ชายก็ต้องเบรกความสุขของตนเองครั้งแรกตอนที่ต้องไปแสดงเป็นลูกสาวในครอบครัวชาวเหมืองจากแคนาดา กับภาพยนตร์ทางทีวีที่ชื่อว่า Pit Pony
ตอนนั้น "เพจ" ต้องแสดงพร้อมกับใส่วิก และเมื่อ Pit Pony กลายมาเป็นรายการทางทีวี เขาก็ต้องไว้ผมยาวอีกครั้ง “ผมเริ่มเป็นนักแสดงมืออาชีพตั้งแต่อายุ 10 ขวบ” เพจ เผยถึงการไล่ตามความฝันที่ต้องใช้การประนีประนอมอย่างยากลำบาก “แน่นอนว่าผมต้องเลือกทางใดทางหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ของนักแสดงดังวัย 34 ปีกับนิตยสารไทม์นับเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาเปิดตัวว่าเป็น "ชายข้ามเพศ" เมื่อเดือนธ.ค.2020 พร้อมข้อความที่บอกความรู้สึกตนเองอย่างจริงใจ ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เอลเลียต เพจ ยังรู้สึกท่วมท้นจนน้ำตาซึมออกมาก่อนจะถูกถามคำถาม “ขอโทษที ผมค่อนข้างสะเทือนอารมณ์ แต่มันก็เจ๋งดี ว่าไหม?” เจ้าตัวยิ้มทั้งน้ำตา
จากบทบาทใน Pit Pony นำไปสู่งานชิ้นอื่นๆ และในที่สุด ตอนที่ "เพจ" ในวัย 16 ปี กับภาพยนตร์ Mouth to Mouth ที่รับบทเป็น นักอนาธิปไตยวัยรุ่น เพจ ก็มีโอกาสได้ตัดผมสั้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาถึงขั้นโกนศีรษะออกหมด จนทำให้คนที่โรงเรียนเอาแต่ล้อเลียนเขา แต่รูปที่เขาโพสต์ลงโซเชียลมีเดียในเวลานั้นดูผ่อนคลายมากทีเดียว แม้แต่ตอนที่ เพจ ส่งเทปไปออดิชันเรื่อง Hard Candy ในปี 2005 ตอนนั้นเขาก็ยังหัวโกร๋นอยู่เช่นกัน ก่อนที่ทีมงานฝ่ายคัดเลือกนักแสดง จะขอให้เขาเข้าออดิชันอีกครั้งพร้อมกับใส่วิก รูปลักษณ์ผมยาวจึงกลับมาอีกครั้ง
เพจ ได้รับบทนำใน Hard Candy และแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ 2 ปีต่อมา ผลงาน Juno หนังอินดี้ทุนต่ำจะเป็นตัวแจ้งเกิดที่ทำให้เขาได้เข้าชิงทั้ง ออสการ์, บาฟต้า และ ลูกโลกทองคำ และกลายเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับด้านฝีมือการแสดงนับตั้งแต่นั้น
ต่อมาตอนที่อายุ 21 เขาก็ต้องต่อสู่กับความเครียดต่อชื่อเสียงที่ประดังประเดเข้ามา ทั้งพรมแดง หรือนิตยสารทุกเล่ม ต่างรายงานเกี่ยวกับเขาอย่างไม่สิ้นสุด มันเป็นการเตือนอย่างเจ็บปวดให้เขารู้ว่าต้องตัดขาดระหว่างสิ่งที่โลกเห็น กับสิ่งที่ตัวเขาเป็น
“ผมจำตัวเองแทบไม่ได้เลย นานมากแล้วที่ผมไม่สามารถแม้แต่จะดูรูปตัวเองได้” ซึ่งยังรวมไปถึงผลงานภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครที่มีความเป็นผู้หญิงค่อนข้างมาก
เพจ ชอบที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกแยกจากฮอลลีวูดและมาตรฐานของมันอยู่ดี
"เอเลีย ชอว์แคท" เพื่อนสนิทของเขาและเป็นเพื่อนนักแสดงในเรื่อง Whip It ปี 2009 ก็เคยอธิบายถึงความสนใจที่ เพจได้รับจาก Juno อย่างท่วมท้นว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว “เขามีช่วงเวลาที่ลำบากมากๆเกี่ยวกับการรับมือสื่อและการคาดหวังต่างๆ ต้องใส่อันนี้สิ! มองทางนี้สิ! นี่มันเซ็กซี่ดีนะ!” อาเลีย แคทชอว์ เผย
ตอนนั้นที่ เพจ ต้องเล่นหนังระดับบล็อกบลัสเตอร์ทั้ง X-Men: The Last Stand และ Inception เพจ มีอาการซึมเศร้า, เป็นทุกข์ และ หวั่นวิตก เป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จะทำยังไง เขาพูดว่า “จะอธิบายให้ทุกคนรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นนักแสดงชาย ที่แค่ใส่เสื้อยืดของผู้หญิงก็ทำให้รู้สึกไม่ดีแล้ว”
อาเลีย ชอว์แคท เผยถึงตอนที่ เพจ ต้องทรมานกับเสื้อผ้าที่ทีมงานจัดหามาให้ “ฉันเคยแบบ ‘เฮ้ ดูชุดสวยๆพวกนี้ที่เธอได้มาสิ’ เขาก็จะพูดว่า ‘มันไม่ใช่ผมเลย เหมือนชุดแสดงละคร’” เพจ จึงต้องปลอบตัวเองบอกว่าไม่เป็นไร เขาเป็นคนที่โชคดีมากแล้วที่สามารถมาถึงจุดนี้เพราะฉะนั้นไม่ควรจะบ่นอะไรทั้งสิ้น แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้ากับงานที่ต้อง “ทนอยู่” และเคยคิดถึงขั้นออกจากวงการ เลิกแสดง
ปี 2014 เพจ เปิดตัวว่าเป็นพวกรักเพศเดียวกัน แม้จะรู้สึกมานานหลายปีว่า “การเปิดตัวเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ในสายอาชีพของเขา
การขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมรณรงค์สิทธิมนุษยชน เพจ ได้พูดถึงการเป็นส่วนหนึ่งของวงการบันเทิงว่า “ที่นั่นวางมาตรฐานที่น่าละอาย ต่อนักแสดงและผู้ชม ที่นั่นมีแบบแผนที่เผยแพร่ไปทั่วเกี่ยวกับ ความเป็นชาย และ ความเป็นหญิง ที่กำหนดเอาไว้ว่าเราทุกคนควรจะแสดงอย่างไร , แต่งตัวอย่างไร และ พูดอย่างไร ซึ่งพวกเขาไม่สมควรได้รับเลย”
เพจ เริ่มใส่สูทเดินพรมแดง ก่อนจะพบรัก และแต่งงานกับนักออกแบบท่าเต้น เอมม่า พอร์ทเนอร์ เมื่อปี 2018 เขากล้าแสดงออกมากขึ้น มีการสร้างภาพยนตร์ของตนเองเกี่ยวกับ LGBTQ ทั้งเรื่อง Freeheld และMy Days of Mercy และเขายังตั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับเสื้อผ้าผู้ชายในการรับงานต่างๆ
แต่ความไม่สอดคล้องกันในแต่ละวันก็กลายมาเป็นสิ่งที่อึดอัดใจ “ความรู้สึกก่อนเปิดตัวเป็นพวกรักเพศเดียวกันกับหลังเปิดตัวช่างแตกต่างกันอย่างมโหฬาร ส่วนความกระอักกระอ่วนในร่างกายตัวเองมันหายไปแล้วหรือยัง? ตอบเลยว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่”
ในช่วงที่โควิด 19 ระบาด เป็นเหตุให้ต้องกักตัว จึงทำให้การต่อสู้เรื่องเพศกลับมาสู่หัว เพจ อีกครั้ง ( เพจ และ พอร์ทเนอร์ ได้แยกทางกันเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว และหย่าขาดจากกันเมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา “เรายังเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม” เพจ เผย )
“ผมมีเวลามากมายกับตัวเองที่จะโฟกัสในหลายๆสิ่งที่ผมคิด, ในหลายๆด้าน , ในสิ่งที่ไม่รู้ตัว และในสิ่งที่ผมกำลังหลีกเลี่ยง” เพจ ได้รับแรงบันดาลใจจาก คนข้ามเพศชื่อดังทั้ง เจเน็ต ม็อค และ ลาเวิร์น ค็อกซ์ ที่ต่างก็ประสบความสำเร็จในฮอลลีวูดตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
นักเขียนข้ามเพศช่วยให้เขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง เพจ เห็นภาพสะท้อนอยู่ในบันทึกของ พี.คาร์ล กับการกลายเป็นชาย ในที่สุด ความละอายและความอึดอัด จึงนำไปสู่การเปิดเผย “ในที่สุดผมก็สามารถยอมรับในการเป็นคนข้ามเพศได้แล้ว และปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอย่างที่ผมเป็น”
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลยที่จะพูดถึงวันที่นำไปสู่การเปิดเผยตัวตน
เมื่อถามเขาว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาเบือนหน้าไปทางอื่น เผยให้เห็นลำคอของเขาเนื่องจากผมที่สั้นจากการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของเจ้าตัว หลังจากหยุดชั่วขณะ เขาก็เอามือกดไปตรงหัวใจพร้อมกับหลับตา “ความรู้สึกนี้คือมันตื่นเต้นจริงๆ และซาบซึ้งอย่างที่สุดที่ทำให้ผมได้เดินมาถึงจุดนี้ของชีวิต ซึ่งมันผสมปนเปไปด้วยความกังวลและความกลัวอีกมากมาย”
ทางด้าน เอลเลียต เพจ ที่กลายเป็นขวัญใจอเมริกาจากการรับบทสาววัยรุ่นตั้งท้องในเรื่อง Juno ก่อนมาเป็น คนออกแบบโลกในความฝันจากเรื่อง Inception และตอนนี้กับผลงานซูเปอร์ฮีโร่ The Umbrella Academy ทาง Netflix ซึ่งเป็นซีซันที่สามที่ถ่ายทำกันในโตรอนโต โดยคาดว่าข่าวการเปิดตัวเป็นชายข้ามเพศของเขาได้รับทั้งเสียงปรบมือและการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
“สิ่งที่ฉันคิดไว้คือ มีทั้งการสนับสนุนและให้ความรักอย่างมากมาย รวมถึงการเกลียดชังและความกลัวที่มีต่อบุคคลข้ามเพศที่มากมายเช่นกัน นั่นคือสิ่งพื้นฐานที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว” เอลเลียต เพจ กล่าว
แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดหวังไว้ก็คือ ไม่ได้คิดว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตขนาดนี้ การเปิดตัวเป็นคนข้ามเพศของเขา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในคนข้ามเพศที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีผู้ติดตามใหม่ทางอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นมากกว่า 400,000 คนในวันเดียว มีการตีพิมพ์และรายงานข่าวเกี่ยวกับเขาบนทุกสื่อทั่วโลกหลายพันบทความ รวมถึงยอดแชร์ ยอดไลก์ทะลุหลักล้าน
ขณะที่พวกพอดแคสต์ฝ่ายขวาจัดก็ถึงขั้นใช้สำนวนว่า “ผู้หญิง ในห้องล็อกเกอร์ของ ผู้ชาย” รวมไปถึงผู้กำกับที่คัดตัวนักแสดงก็ถึงขั้นติดต่อไปยังผู้จัดการส่วนตัวของ เพจ เพื่อบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติหาก เพจ มาร่วมคัดตัวในภาพยนตร์เรื่องต่อไปของพวกเขา
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ในช่วงเวลาที่ได้พูดคุย เอลเลียต เพจ จะพูดเสมอว่ากำลังทำความเข้าใจกับตัวเอง ในทุกๆรายละเอียดซึ่งมันยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ การหยั่งรู้ในเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศที่มีมาแต่เกิด และการแสดงออกทางการกระทำ , เรื่องส่วนตัว กับ เรื่องทางสังคม , การแก้ไข และ การพัฒนา ซึ่งทุกอย่างมันซับซ้อนมากพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องไปอยู่ใต้สปอตไลท์ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันดับ
แต่เมื่อมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เพจ ก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบอย่างที่สุดว่าต้องแชร์ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาให้โลกได้รู้ “คนที่มีอิทธิพลมากๆในสังคมกำลังเผยแพร่เรื่องโกหกและถ้อยคำที่บ่อนทำลาย ทุกๆวันคุณจะได้เห็นการถกเถียงกันของเราที่มีอยู่ตลอด” เพจ กล่าว
สิ่งนี้ได้นำไปสู่การตัดสินใจในหลายๆอย่าง หนึ่งคือการขอให้ทั้งโลกเรียกเขาด้วยชื่อว่า “เอลเลียต” เป็นชื่อที่เขาบอกว่าชอบมาตลอด
นอกจากนั้นเขายังมีรอยสักที่เขียนว่า “E.P.PHONE HOME” อ้างถึงภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็กชายที่มาพร้อมกับชื่อนั้น “ตอนเป็นเด็กผมชอบ E.T. แล้วก็อยากเป็นเหมือนเด็กผู้ชายในเรื่องมาตลอด” นอกจากนั้นการตัดสินใจอีกเรื่องคือ เขาอยากให้ใช้สรรพนามอื่น คือการเรียกว่า “เขา” ด้วย
-3-
ก่อนที่จะมีการให้สัมภาษณ์ เพจ ได้คุยกับแม่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ที่จะเกิดขึ้นซึ่งแม่ของเขาก็บอกแค่ว่า “ฉันภูมิใจในตัวลูกชายของฉัน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เพจ ก็มีอาการอ่อนไหวทันที พร้อมกับบอกว่า นี่แหละแม่ผม ลูกสาวของรัฐมนตรี คนที่เกิดในยุค50 พยายามทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดเสมอให้กับลูกของเธอ แม้ว่าจะต้องให้กำลังใจ เพจ ในวัยเยาว์ ให้ทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปก็ตาม “แม่ต้องการให้ผมเป็นในอย่างที่ผมเป็น และจะสนับสนุผมเต็มที่ในทุกๆทาง มันเป็นการพิสูจน์ได้ว่าผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร”
การตัดสินใจอีกอย่างคือการผ่าตัด เพจ อาสาให้ข้อมูลนี้ในช่วงต้นของการสนทนา ในเวลานั้นเขาโพสต์เรื่องการเปิดเผยตัวในอินสตาแกรม เขาพักฟื้นร่างกายอยู่ในโตรอนโต
เช่นเดียวกับคนข้ามเพศหลายๆคนที่ เพจ เน้นย้ำว่า การเป็นคนข้ามเพศ ไม่ใช่แค่การทำศัลยกรรม บางคนมันอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็น, บางคนจ่ายไม่ไหว เมื่อโลกกว้างขึ้น แต่สื่อไปให้ความสำคัญกับมัน สร้างความตื่นเต้นให้กับรูปร่างของคนข้ามเพศ มันจึงเป็นการเชิญชวนให้มีคำถามที่ลุกล้ำและไม่เหมาะสมเกิดขึ้น
แต่สำหรับ เพจ มันคือสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถจดจำตนเองได้เมื่อเขามองไปยังกระจก เป็นการปลดปล่อยในสิ่งที่เขารอมานาน นับตั้งแต่ที่มันเป็นดั่ง “นรก” ตอนที่เริ่มเป็นสาว
“มันเปลี่ยนชีวิตของผมไปอย่างสิ้นเชิง” เขาสูญเสียพลังทั้งหมดไปกับความอึดอัดต่อร่างกายตัวเอง และตอนนี้ เขาได้พลังกลับมาแล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศ สิ่งที่เห็นไม่ได้นำไปสู่การยอมรับโดยอัตโนมัติ ในทั่วโลก คนข้ามเพศยังต้องรับมือกับความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม รวมถึงอาชญากรรมจากความเกลียดชัง การต่อต้านกลุ่มคนข้ามเพศกำลังเพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร รวมถึงสำนวนเหน็บแนมคนข้ามเพศที่ชัดเจนและมีมากขึ้นในหนังสือพิมพ์และแท็บลอยด์ต่างๆ
เพจ ยังบอกด้วยว่า การเปิดตัวเป็นคนข้ามเพศนับเป็นการ “เห็นแก่ตัว” ในอีกระดับหนึ่งเหมือนกัน “สำหรับผม ผมแค่ต้องการใช้ชีวิตแล้วเป็นในแบบที่ผมเป็น”
นับตั้งแต่ออกมาเปิดตัวว่าเป็นชายข้ามเพศ เพจ ก็แทบจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ในโซเชียลมีเดีย ยกเว้นก็แต่ออกมาทวีตในนามของ ACLU ซึ่งอยู่ระหว่างการต่อสู้กับร่างกฎหมายที่เสนอต่อรัฐสภาเพื่ออภิปรายต่อต้านคนข้ามเพศและกฏหมายทั่วไปของประเทศ ซึ่งรวมถึงการห้ามเด็กหญิงหรือสตรีข้ามเพศเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาด้วย
เทท รีฟส์ ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี กล่าวว่า เขาจะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อเป็นการ "ปกป้องเด็กหญิง" ซึ่ง เพจ เคยเป็นนักฟุตบอลและลงแข่งขัน ซึ่งเขาจำได้อย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดที่ถูกบอกว่าเมื่ออายุเกินเขาจะต้องออกจากทีมคละเพศไปเล่นในทีมหญิงล้วน ซึ่งหลังจากอุทธรณ์ เพจ ก็ได้รับอนุญาตให้ลงเล่นกับทีมเด็กๆ ซึ่งคละเพศได้อีกหนึ่งปี ในวันนี้ ข้อกฎหมายหลายๆ อย่างเป็นตัวกำหนดและตัดสินว่า ใครควรเล่นกับทีมใด “ผมคงอยู่ในตำแหน่งนั้น ในฐานะเด็กคนหนึ่ง มันเลวร้ายมากจริงๆ”
ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ เอลเลียต เพจ มักจะพูดถึงตนเองว่าเป็น “คนข้ามเพศ” เขายังเรียกตนเองว่าเป็นคนที่ปฏิเสธการแบ่งเพศว่าเป็นเพียงแค่หญิงและชาย และมักจะเรียกตนเองว่าเป็นคนรักเพศเดียวกัน และสำหรับเขาการข้ามเพศเป็นชายทั้งแท่ง ยังคงเป็นแกนหลักสำหรับการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ “มันเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างซับซ้อน และกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ”
ขณะที่ช่องว่าที่ถูกมองเห็น หมายความว่า ชายข้ามเพศ ได้รับการยกเว้นเกี่ยวกับความเกลียดชังบางส่วนแบบที่ ผู้หญิงข้ามเพศได้รับ มันยังหมายความอีกว่า คนที่เป็นแบบ เพจ มีจำนวนน้อยลง ซึ่ง ทิค มิลาน นักเคลื่อนไหว, นักเขียน และ ชายข้ามเพศ ได้กล่าวว่าเป็นเพราะ “มันไม่มีตัวอย่างให้ดู”
หลายทศวรรษ ที่ฮอลลีวูดได้ทำบางอย่าง ตามรายละเอียดจากข้อมูลสารคดี Disclosure ทาง Netflix ปี 2020 ได้เปิดเผยว่า คนข้ามเพศมักถูกวาดภาพบนหน้าจอให้เป็นตัวร้าย, นักต้มตุ๋น, รันทด หรือ ตัวตลก เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าวงการบันเทิงเป็นแบบนี้มานานขนาดไหน (ก่อนได้รับแรงกระตุ้นจากโปรดักชันเรื่อง Pose และนักบุกเบิกอย่าง เจเน็ต ม็อก ผู้กำกับ, โปรดิวเซอร์ และคนเขียนบทเรื่อง Pose)
โดย Netflix เคยถูกเสนอให้เปลี่ยนเครดิตในเรื่อง The Umbrella Academy ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ เพจ โพสต์แถลงลงในโซเชียลมีเดีย โดยหลังจากซีรีส์เรื่องนี้จบลง คำแรกที่ผู้ชมเห็นในเครดิตไม่ใช่ “เอลเลน เพจ” แต่คือ “เอลเลียต เพจ”
ทุกวันนี้ มีนักแสดง, ผู้กำกับ และ โปรดิวเซอร์ ที่เป็นคนข้ามเพศและไม่ระบุเพศอีกมากมาย เนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับคนข้ามเพศกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา คนให้ความเคารพในกลุ่มคนข้ามเพศมากขึ้น
แต่ฮอลลีวูดก็ยังดูเหมือนเป็นสถานที่ที่น่ากลัวสำหรับชาว LGBTQ ที่จะออกมาเปิดตัว โดย ซิลาส โฮเวิร์ด ผู้กำกับที่สร้างชื่อจากเรื่อง Transparent ทาง Amazon เปิดเผยว่า “มันเป็นวงการที่คนพูดว่า’อย่าทำแบบนั้น’” แต่เขาก็ยังพยายามจ้างทีมงานที่เป็นพวกข้ามเพศเข้ามาทำงานด้วย “ฉันคงไม่ถูกจ้าง ถ้าพวกเขาไม่มีความคิดริเริ่มของพวกข้ามเพศ ฉันตระหนักถึงเรื่องนี้เสมอ”
แล้วอาชีพของ เพจ จะเป็นอย่างไรต่อไป?
ขณะที่ เพจ ปรากฏตัวในหลายโปรเจ็กท์ แต่เขาก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรับบทนักแสดงนำหญิง เพราะว่าเขาไม่เหมาะกับรูปแบบที่จำกัดของฮอลลีวูด
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่ เพจ โพสต์อินสตาแกรม ทีมงานของเขาก็พบว่ามีงานติดต่อเข้ามามากกว่าที่เคยมีมาในรอบหลายปี ข้อเสนอต่างๆถูกเสนอเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ, ผู้ผลิต, การติดต่อให้แสดงเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนข้ามเพศ และยังมีบท “ไอ้หนุ่ม” ที่ติดต่อเข้ามาบ้างเช่นกัน
เพจ ติดใจในบท แวนยา จากเรื่อง The Umbrella Academy เพราะว่า ในซีซันแรกที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 2019 แวนยา ถูกบีบคั้นจากความเกลียดชังตนเอง เชื่อว่าตัวเองเป็นพี่น้องคนเดียวที่ธรรมดาในครอบครัวที่ไม่ธรรมดา เป็นบทที่แทบจะไม่สามารถเรียกความกล้าที่จะย้ายออกไปดูโลกได้เลย “ผมสัมพันธ์กับ แวนยา ว่าตัวเขาถูกปิดกั้นมากขนาดไหน” เพจ เผย
ตอนนี้การถ่ายทำดำเนินมาถึงซัซันที่ 3 แล้ว เพื่อนร่วมงานต่างได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวละคร สตีฟ แบล็กแมน โชว์รันเนอร์ของเรื่องนี้กล่าวว่า “เหมือนว่าเขาได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งออกจากบ่า รู้สึกได้ถึงความสบายๆ ดูเบาขึ้น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม”
สำหรับ เพจ การกลับไปที่กองถ่ายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ถ้าถามว่าเวลานั้นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไหม ตอบได้เลยว่าแน่นอน เพราะผู้คนยังคงใช้สรรพนามผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมันต้องมีการปรับตัว แต่เพื่อนร่วมงานที่เจอต่างก็ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นเช่นกัน
มีการถกเถียงกันว่า คนที่เป็นคนตรงเพศ ที่ได้รับรางวัลซ้ำๆ จากการรับบทคนข้ามเพศ ยังควรจะให้มีต่อไปหรือไม่ซึ่งส่วนมากก็ฝังรากลึกลงไปแล้ว ขณะที่ นักแสดงข้ามเพศกลับแทบจะไม่เห็นไปรับบทคนตรงเพศสักเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะมีความท้าทายอะไรรออยู่ข้างหน้า ก็ดูเหมือนว่า เพจ พร้อมที่จะรับบทบาทใหม่ๆแล้วเช่นกัน
"ฉันตื่นเต้นมากๆ กับการแสดง ตอนนี้ขณะที่ฉันเป็นตัวฉันเองแบบเต็มตัวอยู่ในร่างๆ นี้ ไม่วามันจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและยากแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับสิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้”
สิ่งนี้ยังรวมถึงการที่ เพจ กลับมาผมสั้นอีกครั้ง โดยระหว่างสัมภาษณ์ เพจ เอาแต่จัดผมตรงหน้าผากของตัวเอง เขาใช้เวลานานกว่าจะได้กลับไปนั่งเก้าอี้ตัดผมเพื่อได้ตัดผมสั้น แต่เขาก็ได้ไปที่นั่น และเมื่อถามว่าการตัดผมครั้งนั้นรู้สึกอย่างไร?
เพจ น้ำตาซึมอีกครั้ง ก่อนจะยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันก็แค่ ไม่สามารถมีความสุขกับมันได้มากกว่านี้อีกแล้ว”