“ไก่ อูกัส” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ที่ลุกขึ้นมาจุดประกายการเสียสละเพื่อส่วนรวม แม้เธอเองก็ลำบากไม่ต่างจากคนอื่น จากผลกระทบทางเศรษฐกิจเพราะพิษโควิด19 ก็ตาม โดยได้ผลิตหน้ากากผ้าการกุศลนำรายได้ช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในจังหวัดนราธิวาส
หน้ากากผ้าที่ไม่ใช่แค่หน้ากากผ้าอีกต่อไปแต่เป็นการพัฒนาต่อยอดผ้าไทยอย่างยั่งยืนจริงๆ และด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยคนไทยด้วยกันทั้งผู้ผลิตงานแฮนด์เมดผ้าไหมที่ย่า-ยายบรรพบุรุษของเราทำแล้วนั้น ทำให้เธอได้มีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ตามคำเชิญของคุณซาร่า นริศรา ทิมบาลิโน ซึ่งเป็นคนอำเภอสังขะและเธอคนนี้เคยตามไปดูงานแฟชั่นโชว์ในการออกแบบผ้าบาติกของจังหวัดนราธิวาสของคุณไก่ เลยทำให้เธอคนนี้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากที่จะทำให้จังหวัดสุรินทร์ของตนเองได้มีโอกาสดีๆแบบนั้นบ้าง จึงได้เชิญและพาคุณไก่ลงพื้นที่เพื่อพัฒนาการออกแบบสีสันลวดลายผ้าของหลายอำเภอ อย่าง อ.เมือง อ.สังขะ อ.ศรีณรงค์ อ.ลำดวน อ.ศีขรภูมิ ฯลฯ และพบปะกับผู้คนหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสุรินทร์ในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ผ่านมานี้
“ไก่อูกัส” เปิดเผยว่า "การเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ในครั้งแรกต้องขอขอบคุณน้องๆ Celeb คนดังประจำจังหวัดสุรินทร์อย่างคุณซาร่า นริศรา ทิมบาลิโน่ คุณจิ๊บ ร้านสโรรักษ์ และคุณพิมมี่เพื่อนๆในกลุ่มต่างมารับเราไปดูแลกันแย่างเป็นกันเองดูแลทั้งที่พัก อาหารการกินเป็นอย่างดี"
อย่างอดีตท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสท่านเอกรัฐ หลีเส็น ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ท่านเป็นคนมองการไกลเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่เล็งเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถ้าไก่อูกัสได้ไปพัฒนาผ้าบาติกที่นั่น และท่านรองผู้ว่าหญิงแกร่งอย่างท่านปาติเม๊าะ สะดียะมู ท่านทันสมัยมากๆท่านส่งให้ทีมพัฒนาชุมชนพาลงพื้นที่ให้เพราะท่านมีความเห็นที่ตรงกับเราว่า "เสื้อผ้าไม่ใช่แค่เสื้อผ้าอย่างที่เราเคยพูดไว้ มันคือธุรกิจหมื่นล้านแสนล้านได้เลยนะถ้าเราพัฒนามันได้" และที่สำคัญท่านยังได้บอกชาวบ้านด้วยว่า "ถ้าเขาพัฒนาแล้วขายดีจะทำทันไหม"
แต่ครั้งแรกที่ไปก็ได้พบกับนายอติเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ท่านวสันต์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ และพัฒนาชุมชนหลายท่าน เพราะได้มีโอกาสได้ไปร่วมงานในงานเปิดตัวผ้าไหมของสุรินทร์ทั้ง 17 อำเภอที่ห้างโรบินสัน และท่านนายอำเภออีกหลายๆท่านที่นั่น ส่วนการไปสุรินทร์ในครั้งที่ 2 นักข่าวส่วนกลางได้แนะนำให้รู้จักกับรองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ รองอิสระ สาตรา ได้พาไปดูผ้าไหมที่บ้านไหมทองสะเร็น ที่ท่านผู้บริหารคิดค้นนำผ้าไหมไทยแท้ 100%มาทอเป็นผ้ายีนส์เกรดพรีเมี่ยมเหมือนกับของประเทศญี่ปุ่น และผ้าไหมที่ทอเป็นลายงู-ลายหนังจระเข้ ที่บรรดาเหล่า World Class Designer อย่าง D&G ,Tod's, Hermes, Balenciaga และอีกหลายท่าน ได้นำมาทำเป็นแฟชั่นที่บ้านไหมทองงสะเร็น
“เราไม่ได้ช่วยแค่ชาวบ้านที่ผ้าแค่นั้นยังช่วยโปรโมทให้คนได้เห็นสุรินทร์ในแง่มุมที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อยู่หลายแห่งมากๆทำให้หลายๆคนสนใจ เพราะทั้งการท่องเที่ยวและแฟชั่น แบบเที่ยวไทยเท่ห์-ไทยช่วยไทยมันไปด้วยกันได้อยู่แล้ว และยังทำโปรโมทให้คนที่ซื้อผ้าไหมของสุรินทร์นำมาให้ไก่อูกัสออกแบบได้แบบไม่คิดเงินด้วยเป็นการส่งเสริมการขายผ้าไหมของชาวบ้านอีกแรง และที่สำคัญเราได้ทำเซ็นเตอร์ไว้เพื่อรองรับคนที่นำผ้าไหมมาให้ทางคุณไก่ออกแบบอยู่ที่ ร้าน P&C เวดดิ้งสตูดิโอของคุณปรีชาและคุณเปิ้ล จันทรา ยวงทอง ที่สองท่านนี้ได้จับมือกับไก่อูกัสและคุณซาร่าเพื่อต่อยอดให้ผ้าไหมสุรินทร์ โกอินเตอร์ไปกับดีไซเนอร์มีรางวัลคนเก่งคนนี้ ตอนนี้ลูกค้าคนดังประจำจังหวัดอย่างคุณจิรภา บุญธรรม แห่งกีฬาสยาม ตัวแทนจำหน่ายชุดกีฬาชั้นนำ และคุณเก๋ เอมอร เกษอินทร์ แห่งร้านอาหารสวนป่าและรีสอร์ทชื่อดัง คุณชนมณี ประธานชมสตรีสุรินทร์ ฯลฯ ต่างก็มาใช้บริการกันแบบร้านแทบแตก ตอนนี้ชาวบ้านเห็นเราเป็นเทพเลยเพราะขายผ้าให้เขาทีหลายตังค์มากเขาเลยรักเราแทบทุกอำเภอ”
"จริงๆแล้วเป็นหลักการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่งให้เกิดการแข่งขันนะคะ ถ้าคิดในแง่ดีทุกคนต้องทำงานหนักขึ้น ผู้บริโภคก็จะได้งานที่ดีขึ้น และเราก็อยากให้น้องๆดีไซเนอร์คนเก่งของจังหวัดสุรินทร์ที่เป็นช้างเผือกเหล่านั้นได้ขึ้นมาบนรันเวย์แบบจริงจังเสียที และที่สำคัญจงอย่าลืมว่า ทุกการแข่งขันนั้นทำให้เราแข็งแรง" เธอน่าจะถูกกับ ส.เสือ เพราะสมุยก็ ส.เสือ สุรินทร์ก็ยัง ส.เสืออีก และยังมีอีกหลายจังหวัดที่เธออยากไปอย่าง จ.โคราช จ.สกลนคร จ.ขอนแก่น ฯลฯ เธออยากไปดูผ้าเขาและทำโปรเจ็คไทยช่วยไทย ได้สำเร็จสมบูรณ์แบบกับคนท้องถิ่น”
ใครที่สนใจติดต่อกับเธอได้เลยที่ Facebook: Ukas PeerUmakorn Line: kai ukas Tel: 093-3644151 เธอบอกยินดีอย่างที่สุดและอย่าเกรงใจถ้าเป็นเรื่องของผ้าไทยติดต่อมาได้เลย