กราบหัวใจ “บิณฑ์” ตั้งใจเฝ้าฯ รับเสด็จ ในหลวง ร.๑๐ ทุกครั้ง เผยเตรียมเดินสายปกป้องสถาบันทั่วประเทศ ตอนนี้คิวยาวถึงปีหน้า ลั่นกำลังใจมาเต็ม ทำดีแล้วได้ดี แม้โดนทัวร์ลงแต่พรีเซ็นเตอร์เหนียวแน่น ไม่โดนถอดสักตัว แถมติดต่อเข้ามาอีก 2 งาน ทุกงานให้เบิกเงินค่าตัวล่วงหน้า เพื่อให้ตนเอาไปแจกคนที่เดือดร้อน ส่วนเงินที่ถูกลอตเตอรี่ 169 ใบ ก็ทำบุญทุกบาทกร้าวฟ้องให้เข็ดเกรียนคีย์บอร์ดโพสต์ใส่ร้าย เอาเงินบริจาคไปเที่ยวอาบอบนวด จะเอาให้ติดคุก
หลังจากที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์”ออกมาแสดงจุดยืน ขอปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์แบบสุดหัวใจ ก็โดนโจมตีจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ทั้งคอมเมนต์ด่า ทั้งบูลลี่ พร้อมเรียกร้องให้สินค้าต่างๆ ถอดออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ และยังขุดคุ้ยเรื่องที่เคยติดการพนันฟุตบอลเมื่อ 20 ปีที่แล้วขึ้นมาบิดเบือน หาว่าเอาเงินบริจาคไปเข้าอาบอบนวด ให้ทิปหมอนวดทีละเป็นหมื่น จนเจ้าตัวทนไม่ไหวขอฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
วันนี้ได้เจอเจ้าตัวที่มาร่วมงานเปิดตัวเครื่องดื่มคอมมานโด ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ ก็เลยขออัปเดตความคืบหน้าในการฟ้องร้องเหล่าเกรียนคีย์บอร์ด พร้อมเผยความรู้สึก หลังไปร่วมรอรับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ มาอีกครั้งเมื่อวานนี้
“เงินที่ได้รับจากพรีเซ็นเตอร์ไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเองเลยครับ ไม่มีครับ ไม่มีได้เข้ากระเป๋าผม ตั้งแต่โควิด-19 ผมรับพรีเซ็นเตอร์ประมาณ 4 ตัว และก่อนโควิด-19 อีก 2 ตัว ก็ประมาณ 20 กว่าล้าน แล้วผมมีเงินส่วนตัวประมาณ 16 ล้าน มีเงินจากพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ญี่ปุ่นให้อีก 1 ล้าน เพราะฉะนั้นโควิด-19 ที่ผ่านมา ก็ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไปประมาณ 20 กว่าล้าน
จริงๆ ถ้าเราจะรับบริจาค รู้สึกว่าจะเหมือนกับน้ำท่วม กลัวว่าเงินจะเข้ามาเยอะ เป็นจำนวนมากเกินไป จนเราไม่สามารถจัดการได้ ผมรู้ว่าสิ่งที่เข้ามาในช่วงโควิด-19 คือ พรีเซ็นเตอร์ เงินตรงส่วนนี้เราสามารถมอบให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยที่ไม่ต้องไปขอรับบริจาค เรารู้สึกว่าข้างบนให้เรามาแล้วเราก็ต้องให้เขาต่อไป สิ่งที่เราทำให้กับสังคมมา 30 กว่าปีเป็นอะไรที่การันตีได้เลยว่า เราไม่เคยที่จะเอาเงินพวกนี้มาไว้กับตัวเรา ฉะนั้นพอได้มาเราก็ต้องเอาไปช่วยเหลือคนอื่นต่อไป”
ขอเบิกเงินค่าตัวงานพรีเซ็นเตอร์มาก่อนเกือบทุกตัว เพราะจะนำมาช่วยเหลือประชาชน
“เบิกมาก่อนเกือบทุกตัวเลยครับ เพราะว่าผมไม่มีเงิน ผมมีเงินติดธนาคารอยู่ไม่กี่ล้านบาท อันนั้นเก็บไว้ใช้ในสิ่งที่จำเป็นกับชีวิตตัวเอง แต่ครั้งแรกที่เราเดินคิดจะช่วยแค่ 1 ล้านบาทของเรา แต่ยิ่งเดินคนยิ่งขอเข้ามาเยอะ ผมช่วยไปประมาณ 3-4 หมื่นครอบครัว อย่างน้อยๆ คนละ 500 บาท ก็เลยเป็นเงินจำนวนที่เยอะ
ผู้ใหญ่ก็เหมือนกับว่าช่วยผมไป เลยส่งพรีเซ็นเตอร์มาให้ แต่การส่งสินค้ามาให้แต่ละอย่างผมไม่ใช่ว่ารับหมด ก็ต้องเทสต์สินค้านั้นด้วยว่าดีจริงไหม เมื่อผู้บริโภครับประทานหรือว่าใช้แล้ว เกิดประโยชน์กับเขาจริงเปล่า ผมจะทดลองอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ถึงกล้าที่จะบอกกับพี่น้องประชาชนว่าสินค้าพี่ผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ดีจริงและไม่ได้โกหก เพราะคนจนกว่าจะหาเงินมาได้ แล้วต้องมาซื้อสิ่งที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ โฆษณาและเป็นสิ่งที่ไม่ดีผมจะไม่เอา แต่ถ้าดีผมก็บอกว่าดี เลยได้เงินตรงนี้มามอบให้กับพี่น้องประชาชน”
ยืนยันค่าพรีเซ็นเตอร์ทุกตัว ไม่ได้เอาไปใช้จ่ายส่วนตัวเลยสักบาทเดียว
“ไม่มีเลยครับสักบาทเดียว ให้คนเดือดร้อนหมดเลย ที่ผ่านมาไม่ใช่คนอย่างเดียว มีช้างด้วย”
จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีคนเชียร์ให้สินค้าต่างๆ ถอดตนออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ก็ไม่มีสินค้าตัวไหนทำตามเลย
“ไม่มีเลยครับ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าผมมีจุดยืนของผมคือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผมออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มันเป็นสิทธิ์ของผมและเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องกระทำก็งงเหมือนกันว่าในเมื่อเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วทำไมทัวร์ต้องมาลงผม ถ้าผมเชียร์รัฐบาลเลือกข้างฝักใฝ่เรื่องการเมือง อันนี้ผมฝากไปกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำไมต้องเป็นความผิดของผมด้วย แต่สินค้าเขารู้ว่าสิ่งที่ผมทำ เขาเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร และยังต่อสัญญาผมไปตลอด ซึ่งในโซเชียลจะบูลลี่หรืออะไร ทางบริษัทเขาไม่สน”
เห็นใจลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ หลังไม่ยอมปลดตนจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์
“คุย ผมรู้สึกว่าก็เห็นใจเขานะ ลูกค้าบอกว่าไม่เป็นไรเลย เขาไม่หนักใจอะไร เขารู้ว่าสิ่งที่ผมทำคืออะไร และเข้าใจ ดูแต่ละคอมเมนต์ก็รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน มาลงทีตู้มเดียวแล้วก็ไป เขาก็รู้มันคือกระแสแล้วก็การที่ให้หลายๆ คนบอยคอตเรา แต่ 30 กว่าปีที่ผมทำมาเนี่ยถ้าผมทำไม่ดี เขาคงมาด่าผมตั้งนาน บอยคอตผมตั้งนานแล้ว พอผมออกมายืนปกป้องสถาบันปุ๊บลงกันปั้บๆๆ”
สบายใจลูกค้าเข้าใจจุดยืน ตอนนี้มีติดต่อมาเพิ่มอีกสองตัว
“สบายใจ ยังมีอีกสองตัวที่ติดต่อเข้ามาครับ ไม่มีผลอะไรกับเรากับสินค้าเลย ก็ถือว่าเป็นกำลังใจ ยิ่งทัวร์ลงเท่าไหร่ก็ยิ่งดังเท่านั้น เพียงแต่ว่าเมื่อคนเสพตรงนี้แล้วเนี่ย ถ้าเข้าใจเขาก็หัวเราะ บางครั้งมันไม่ใช่ความจริง มันไม่ใช่การกระทำของผมแต่ไปเขียนกันแบบ โอ้โห...เราก็รู้สึกว่าดีแล้วแหละถ้าเอาเรื่องจริงมาพูดเล่นกันผมจะโกรธ (หัวเราะ) อันนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
ยังยืนว่าจะออกจากมูลนิธิร่วมกตัญญู เพราะไม่อยากให้ได้รับผลกระทบไปด้วย
“ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันว่าผมออกจากมูลนิธิมา ผมอยากทำในสิ่งที่เราอยากจะทำก่อน ผมเกรงว่าจะกระทบกับมูลนิธิ ถ้าผมออกมาปกป้องสถาบัน ก็กลัวว่าทัวร์จะไปลงที่มูลนิธิ ทางมูลนิธิเขาก็ไม่ได้อะไรแต่ผมขอออกมาก่อนดีกว่า จะได้ทำงานให้มันเต็มตัว”
ทางร่วมกตัญญูเขาก็โอเค เขาก็บอกว่าถ้าอยากจะเข้าไปเมื่อไหร่ ก็ยังยินดีรับเป็นอาสามูลนิธิอยู่ ก็บอกผมขอปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน ให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยลงตัวก่อน อาจจะเดินเข้าไปกราบขอเป็นอาสาสมัครเหมือนเดิม”
ไม่เคยคิดจะแยกตัวออกมาทำมูลนิธิเอง
“ไม่ๆ ผมไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลยผมรู้ว่า 30 กว่าปี มันเป็นความผูกพัน หน้าผมมันเป็นโลโก้ของร่วมกตัญญูไปแล้ว บางคนจะคิดว่าร่วมกตัญญูเป็นของผมด้วยซ้ำไป ถ้าเราคิดจะไปเปิดมูลนิธิเป็นของเรา รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วเพราะฉะนั้นเรามุ่งมั่นในสิ่งที่เราทำมาทั้งชีวิต 30 กว่าปี ผมทุ่มเทตรงนี้โดยไม่เคยได้รับ ผลประโยชน์จากมูลนิธิร่วมกตัญญูเลยนะครับ”
ยังลงพื้นที่ไปช่วยน้ำท่วมอยู่ แต่เป็นในนามของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ที่ไปกับร่วมกตัญญูเท่านั้น ไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบ
“เป็นส่วนตัวแต่ไปกับร่วมกตัญญู ผมไม่ได้แต่งตัวร่วมกตัญญู ไปในนามของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นี่ผมเพิ่งกลับมาจากแจกภัยหนาว ที่สกลนคร ก็ไปแจกกับร่วมกตัญญูแต่ไม่ได้ใส่ชุดของมูลนิธิ
ยังควักเงินของตัวเองช่วยเหลือเหมือนเดิม เพราะการทำงานกับร่วมกตัญญูมาไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินมาซัปพอร์ตตัวผม เพราะฉะนั้นหลายๆ อย่างที่ผมทำไป ผมว่าทุกคนเห็นและเข้าใจ 30 กว่าปีถ้าเป็นการสร้างภาพก็นานมาก เป็นภาพที่อยากให้ทุกคนได้ทำตาม เห็นภาพที่คนออกไปช่วยเหลือให้เงินชาวบ้านเรารู้สึกดีใจนะ สิ่งเหล่านี้เราทำมา 20-30 ปีแล้วในการมอบเงินให้คนโน้นคนนี้ คนแก่คนเฒ่าคนจนมีคนเอาเงินไปมอบให้ เราก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราเริ่มทำมา เริ่มมีคนเห็นเริ่ม มีคนเอาไปทำตามในสิ่งที่ดีๆ ช่วยเหลือสังคมช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก”
ส่วนกรณีฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ทนายกำลังดำเนินการ ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ ปอท. แล้ว
“ตอนนี้กำลังอยู่ที่ ปอท. ทนายกำลังปรึกษา ผมให้เรื่องทนายหมดแล้ว ก็กำลังดำเนินการนะครับ ไม่มีใครติดต่อมาขอโทษ ถึงจะขอโทษ แต่ผมบอกแล้วว่าสิ่งที่คุณทำ คุณต้องยอมรับมันให้ได้ ถ้าคุณกล้าที่จะด่า คุณต้องกล้ารับสิ่งคุณทำไป อันนี้ผมจะปิดหูปิดตาให้ทนายจัดการอย่างเดียว”
ใจจริงอยากฟ้องให้หมด แต่บางคนก็แค่ด่าตามน้ำ เลยฟ้องแค่พวกตัวใหญ่ๆ ลั่นถูกด่าสารพัด ทั้่งเอาเงินน้ำท่วมเล่นการพนัน ให้ทิปหมอนวด กร้าวจะเอาให้เข็ด
“จริงๆ แล้วผมอยากจะฟ้องทุกราย แต่ผมมาเช็กแล้วบางรายก็เข้ามาตามน้ำ แห่กันไป อันนี้เรารู้สึกว่าไม่ต้องหรอก เอาตัวเป้งๆ ใหญ่ๆ ด่าแรงๆ พวกนี้ต้องเอาให้เข็ด
โดนด่าสารพัด เรื่องเอาเงินน้ำท่วมมาเล่นการพนัน เอาเงินน้ำท่วมไปทิปหมอนวด โอ้โห แค่เวลานอนยังไม่มีเวลา มีเวลาไปอาบอบนวดแล้วเอาเงินทีละหมื่นทิป อันนี้มันเกิน อันนี้ต้องเอาให้หนัก"
ยืนยันไม่เคยเอาเงินไปเที่ยวอาบอบนวด แต่เคยไปนวดแบบคลายกล้ามเนื้อ ครั้งละร้อยสองร้อยเท่านั้น
“ผมเคยไปนวดนะครับ เพราะว่ามันเมื่อย ต้องนวด แต่ก็ทีละร้อยสองร้อยครับ ไม่ถึงเป็นหมื่นครับ ไม่ใช่ความจริงครับ ต้องกู้ศักดิ์ศรีตรงนี้กลับมา เพราะมีบางกลุ่มบางคนส่วนน้อยคล้อยตามไปด้วย ทำให้เรารู้สึกว่าเสียชื่อเสียงมาก”
ที่ฟ้องไปตอนนี้มีประมาณ 5-6 รายที่หนักๆ และในนั้นมีสื่อด้วย
“น่าจะอยู่ประมาณสัก 5-6 รายเองครับ หนักๆ 5-6 ราย แผ่วๆ เบาๆ นี่เราก็ถือว่าโอเค อย่าไปอะไรเขาเลย เอาหนักๆ เลยครับ บางคนชอบจั่วหัว โอ้โห...บิณฑ์ สารภาพแล้วติดการพนัน พอเข้าไปอ่านดูไม่มีอะไรเลย (มีเพจหรือมีสื่อด้วยไหมที่แจ้งไป?) มีด้วยครับ”
เคยติดพนันฟุตบอลจริง แต่มันผ่านมา 20 ปีแล้ว เลิกขาดและกล้ายืดอกยอมรับแบบลูกผู้ชาย เพราะอยากเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน
“จริงๆ แล้วผมพูดอย่างลูกผู้ชายเลยนะ เล่นการพนันเนี่ยผมเคย แต่ 20 ปีมาแล้ว ที่ผมออกมายอมรับในสิ่งที่ผมกระทำ ผมบอกว่าตอนนั้นเนี่ย มีคนชื่นชมผม ผมทำงานร่วมกตัญญู ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรอยู่ในใจ ที่ไม่สบายใจ คือผมเคยเล่นการพนันฟุตบอล แต่ ณ ตอนนั้นประมาณสักปี 43-44 นี่ก็ผ่านมา 20 ปี ผมออกมายืดอกรับ ว่าผมเคยติดพนัน
ถ้าผมไม่ออกมา สื่อก็ไม่มีใครรู้ แต่ผมออกมาเพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับเพื่อนๆ นักแสดงด้วยกัน ให้กับน้องๆ ที่กำลังเรียน ตอนนั้นมีเรื่องฆ่ากันเพราะหนี้พนัน เด็กๆ ติดการพนันกันมากมาย ผมไปเป็นวิทยากรให้กับโรงเรียนเป็นร้อยโรงเรียน
หลายคนด่าผมว่าออกมายอมรับทำไม แต่ผมขอเอาสิ่งตรงนี้ออกจากผมไปเถอะ ผมจะได้สบายใจ เพราะฉะนั้นคนที่มาชื่นชมผม แล้วผมรู้สึกว่ากูไม่ได้ดี ก็อยากให้สังคมรับรู้ว่าผมมีสิ่งตรงนี้ที่ทำผิดพลาดมาในทั้งชีวิต ซึ่งก็เอามาโจมตีผมนะตอนนี้ มัน 20 ปีผ่านมาแล้ว นี่ก็เลยคิดว่านี่คือว่าความจริงครับ”
20 ปีผ่านมา ไม่ได้กลับไปยุ่งกับการพนันอีกเลย
“โอ้โห 20 ปีแล้วครับ แล้วผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เสียหายมาก ณ ตอนนั้นเราไม่มีครอบครัวนะ ก็คืออยากให้รู้ว่าอย่าไปข้องเกี่ยวกับมัน”
บอกตอนนั้นประชดรัก เอาเงินไปละเลงหมด 12 ล้าน
“12 ล้าน อันนั้นคือเงินที่จะเอาไว้แต่งงานกับผู้หญิง แล้วเขาไม่แต่งกับเรา เราก็ประชดตัวเอง เที่ยวให้หมด ก็หมดจริงๆ
ซึ่งมัน 20 ปีแล้ว มันไม่เกี่ยว ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุดครับ ทั้งแพ่งและอาญา แต่ไม่เรียกค่าเสียหาย ขอให้ติดคุกอย่างเดียวครับ”
จากจุดที่โดนชื่นชมมาตลอด แต่วันนี้กลับมีดรามามาทำให้โดนด่า ก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดขึ้น แค่ออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
“ส่วนตัวผมรู้สึกเฉยๆ แต่รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับผม แล้วคนที่เข้าใจในตัวผมเขาก็เข้าใจ แต่เด็กรุ่นใหม่ๆ เขาไม่เคยรู้ประวัติผม ว่าเป็นมายังไง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่เข้ามาโจมตี มาบูลลี่เรา แต่อันนี้เราก็ไม่ว่ากัน
แต่ส่วนใหญ่พี่น้องประชาชนจะเข้าใจ เพราะอะไรเขาถึงด่าผม เพราะอะไรถึงเข้ามาตอนนี้ เพราะผมออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มันมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่พยายามที่จะอัดเรา ใส่เรา คือมึงอยู่เฉยๆ ก็ดีอยู่แล้ว แต่ผมอยู่เฉยไม่ได้ เพราะเรารู้ว่าปัจจุบันนี้มันคืออะไร ทั้งการกระทำและคำพูดทุกสิ่งทุกอย่าง ผมบอกเลยว่าผมไม่กลัวตรงนี้”
มีเข้ามาด่าแต่ในสื่อออนไลน์ เพราะไม่กล้ามาด่าแบบต่อหน้าเลยสักครั้ง
“ไม่เคย ไม่มีเลย พวกนี้เขาไม่กล้าหรอกนะครับ เขาไม่กล้า เพราะฉะนั้นเอาน่ะ ผมว่าผมทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วผมไม่เคยทำอะไรที่ผิด หรือทำให้คนเดือดร้อน หรือว่าเสื่อมเสียอะไรเลย ครั้งเดียวในชีวิตที่ผมบอกนี่แหละ 20 ปีที่ผ่านมา นั่นคือครั้งแรกในชีวิตของผม ที่ผมก้าวพลาดไปเท่านั้นเอง เป็นความรู้สึกที่ว่าอกหัก เศร้า แล้วประชดตัวเองแค่นั้นเอง”
ไปรับเสด็จฯมาแล้วสองจังหวัดคือจังหวัดเลย แล้วก็ชลบุรี คือหลังจากนี้จะไปร่วมกับประชาชนรับเสด็จฯทุกที่
“ถูกต้อง พรุ่งนี้ไปอ่างทอง ผมบอกแล้วว่า ณ ตอนนี้ ผมอยากจะให้พี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ถ้ามีการออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เราไม่ใช่ปลุกม็อบเราไม่ใช่เป็นแกนนำ แต่พี่น้องประชาชน พร้อมที่จะลุกขึ้นมาในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมก็จะไปทุกจังหวัดที่ขอมา
มีอีกหลายจังหวัดที่เราจะต้องไป ตอนนี้ก็มีถึงประมาณปีใหม่ แล้วก็เลยไปอีก เราก็พยายามที่จะดู ว่าจังหวัดไหนที่เขาโอเค ไม่มีเรื่องการเมืองเรา จะไปร้องเพลงชาติ ร้องเพลงสดุดีมหาราชาให้ทุกคนเคารพรักและให้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเดียว เราจะไม่ไปโจมตีใคร แต่ถ้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกมาจาบจ้วงพูดเสียหายให้กับสถาบัน เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
คิวที่ติดต่อมาให้ไปร่วมรับเสด็จฯ ตอนนี้ยาวไปถึงปีหน้าแล้ว
“ใช่ครับ คิวเราถึงปีหน้าแล้วแล้วก็มีรับวันที่ 17 มกราคมด้วย ส่วนพรุ่งนี้ไปอ่างทอง แล้ววันที่ 28 ไปพัทลุง แล้วก็มีวันที่ 29, 30 ที่ตอนนี้กำลังคอนเฟิร์มอยู่ ว่าถ้าเกิดว่าเขาทำงานเร็วเกินไป แล้วมันไม่ได้คุณภาพ เราก็ไม่อยากที่จะไป บางที่คนออกมาสัก 3-4 พันคนมันก็ยังโอเค แต่บางที่ออกมา 1 พันคน 2 พันคน ก็ทำให้รู้สึก...มันต้องไปแล้ว มันจะต้องทีเด็ดเลย”
เมื่อวานมีโอกาสได้ไปรับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ มาอีกครั้ง พระองค์ตรัสเหมือนเดิมว่า ขอบใจมาก
“คือพระองค์ท่านจะตรัสอย่างเดียวเลยว่าขอบใจมาก เราต้องบอกทุกคนในสิ่งที่ความเป็นจริงเราต้องสามัคคีกัน และขอบใจที่ช่วยเหลือสังคม เพราะพระองค์ท่านก็จะดูมาตลอดครับว่าทำอะไรบ้าง ทุกครั้งที่เราได้กราบพระบาทพระองค์ท่านเรามีกำลังใจที่จะทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม
อย่างน้อยพี่น้องประชาชนชาวไทยพสกนิกรของพระองค์ท่าน เราก็ได้แบ่งเบาภาระของพระองค์ท่าน ในการที่ได้เข้าไปช่วยเหลือในการที่จะเข้าไปพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในสิ่งที่ถูกต้องคืออะไรยังไง ณ ตอนนี้มีการบิดเบือนประวัติศาสตร์มากมาย ถ้ามีโอกาสอยากให้พี่น้องสื่อมวลชน ลองเข้าไปสัมภาษณ์ชาวบ้าน แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาเข้าใจคืออะไร”
ดวงดีถูกลอตเตอรี่ 169 ใบ เอาเลข 46 มาจากประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐอเมริกา “โจ ไบเดน” ส่วนงวดหน้าซื้อ 60 ดักไว้แล้ว จากยอดผู้เสียชีวิตโควิด-19 ในประเทศไทย
“ไม่ได้จากไหนมาเลย แต่ผมรู้ว่าเมื่อครั้งก่อนประธานนาธิบดีทรัมป์คนที่ 45 แล้วหวยก็ออก 45 เราก็เลยคิดว่าถ้า โจ ไบเดน 46 มันก็ต้องออก 46 ก็คิดอย่างนั้นเท่านั้นเอง ก็เลยบอกว่าใครมี 46 ไปดูหน่อย ก็ได้มาสะสมจากหลายๆ ที่ เราก็เก็บไว้ แต่ก็ไม่ได้บอก 64 นะ เพราะบางคนเขาซื้อหวย เขารู้ ซื้อลอตเตอรี่ 46, 64 แล้วเขาก็ซื้อ 46 มาอย่างเดียวเลย
แล้วก็เลข 60 นี่คือเลขคนตายโควิด เพราะว่าตอน 59 มันก็ออก 58 ก็ออก คราวนี้ 60 คน งวดนี้ก็ต้องออกผมก็เลยซื้อ 60 ดักไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้ไม่ได้บอกอะไรนะครับ (หัวเราะ) แต่อย่าลืมนะครับเลข 6 กับเลข 9 ตัวเดียวกันนะครับ”
เงินที่ได้มาจากการถูกล็อตเตอรี่ เอาไปทำบุญหมด ลั่นถูก 3 แสนจิ๊บๆ เคยถูก 3 ล้าน
“ผมทำบุญหมดเลย รับรองว่าสิ่งที่ได้กลับมา ได้มาฟรีๆ ที่ไม่ต้องอะไรอ่ะ ผมจะทำบุญหมดเลย ทำบุญในที่นี้ คือมอบแก่พี่น้องประชาชน ที่เราเข้าไปช่วยเหลือ เราเข้าไปดูแล เราเดินเข้าไปโน่นไปนี่ อย่างที่ผ่านมาน้ำท่วมผมควักเงินของผมเองก็เป็นล้าน ให้พี่น้องประชาชนครอบครัวละ 1,000 บาท โดยไม่ได้ใช้เงินของมูลนิธินะ เพราะมูลนิธิเขาแจกข้าวสารอาหารแห้ง ผมก็จะจัดเป็นเงิน เพราะผมรู้ว่าปัจจัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกเขา
ถามว่าโชคใหญ่ที่สุดไหม ไม่ๆ ผมเคยถูก 3 ล้านกว่า อันนี้ก็ถือว่าจิ๊บๆ แค่ 3 แสน ตอนนี้มีคนมาถามเลข อย่างเมื่อกี้เดินแจกเครื่องดื่ม เขาก็เข้ามาถามว่าเลขอะไร ผมก็บอกไปว่า ผมซื้อ 60 (ยิ้ม)”