xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลัง “เนฉาย” ดิ้นสลายร่าง “สื่อสลิ่ม”! จากรับใช้การเมืองทำธุรกิจพัง จนมาหัก “สนธิญาณ” ที่พา “เจ๊ปอง-สันติสุข” กลับรังเก่า “นิว 18” **ใจกว้าง! เครื่องดื่มชูกำลัง “คอมมานโด” ยืนยันไม่ปลด “บิณฑ์” จากพรีเซ็นเตอร์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว





** เบื้องหลัง “เนฉาย” ดิ้นสลายร่าง “สื่อสลิ่ม”! จากรับใช้การเมืองทำธุรกิจพัง จนมาหัก “สนธิญาณ” ที่พา “เจ๊ปอง-สันติสุข” กลับรังเก่า “นิว 18” พร้อมมิชชันลือหอบ 200 ล้าน! ปั้น “ลุงTV” สถานีใหม่กระบอกเสียงรัฐบาล

ข่าวคราวการเปลี่ยนแปลงที่ “ค่ายเนชั่น” วันสองวันที่ผ่านมานี้ ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก หลังจากเมื่อวันก่อน มีข่าวว่า พิธีกรระดับแม่เหล็กของช่องเนชั่นทีวี “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก และ ลูกคู่ “สันติสุข มะโรงศรี” พร้อมทีมงานอีก 6-7 คน ได้ขอลาออก โดยจะไปรับงานใหม่ที่ช่อง “นิว 18” ของ “คุณแดง” หรือ นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด ต้นเดือน ธ.ค.นี้
ถามไถ่กันมากว่า เกิดอะไรขึ้น?... ทำไมจู่ๆ พิธีกร-ผู้ประกาศข่าว “ฮาร์ดคอร์” ที่ทำหน้าที่ “เชียร์ลุง” เชียร์รัฐบาลไล่ถลุงฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจนมาถึงเป็นอริกับ “ม็อบเด็ก 3 นิ้ว” ทั้งสองคนถึงได้โบกมือลา
พร้อมๆ กับเสียงลือเสียงเล่าอ้างต่างๆ ก็ตามมาในโลกโซเชียลฯ ร้อนถึง “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ต้องออกมาพูดจาหล่อๆ ตามสไตล์ถนัดเพื่อสยบ “ข่าวลือ” โดยเปรียบเปรยการย้ายค่ายของ “เจ๊ปอง-สันติสุข” ก็เหมือนนักฟุตบอลย้ายสโมสร ทุกองค์กรมีคนเข้ามา-ออกไป ก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจไม่มีความขัดแย้งอะไร ยังรักกันเหมือนเดิม ส่วนข่าวลือว่า “กนก รัตน์วงศ์สกุล” และ “ธีระ ธัญไพบูลย์” พิธีกรและผู้ประกาศจะลาออกตามไปด้วยนั้น ก็ไม่ทราบเพราะ “ข่าวลือ” จากผู้ไม่ประสงค์ดีมีเยอะ ในสายตาของ “ฉาย” การปล่อยข่าวลือเป็นเจตนาร้าย เป็นการกลั่นแกล้งทางธุรกิจของเขา !
นั่นก็ว่ากันไป แต่เรื่องราวมีเบื้องหน้า ก็ต้องมีเบื้องหลัง!!
เรื่องนี้ต้องย้อนทำความเข้าใจที่มาของ “สื่อเครือเนชั่น” ในยุคนี้กันนิด จากที่ “ฉาย บุนนาค” เข้ามาฮุบเนชั่น ยึดอำนาจมาจาก “สุทธิชัย หยุ่น” ผู้ก่อตั้งเครือเนชั่นเบ็ดเสร็จ ทำให้ฉายติดปีกเป็นนายทุนสื่อ จากการบริหารสื่อเกิดใหม่อย่าง “สปริงนิวส์” เข้ามาบริหารเครือเนชั่นที่ถือเป็นเครือสื่อยักษ์ใหญ่ที่มีช่องทางอยู่ครบวงจร แต่ “ฉาย” ที่มีประสบการณ์ทำสื่อน้อย ก็เลยจำเป็นต้องอาศัย “คนทำสื่อ” เก๋าเกมเข้ามาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ โดย “ฉาย” พึ่งพา “คนทำสื่อ” อยู่ 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มแรก ส่วนผสมของคนเนชั่นเดิมตั้งแต่ยุคสุทธิชัย กับคนสื่อจากภายนอกที่ผนวกรวมมาจาก “ฐานเศรษฐกิจ” ที่ “ฉาย” ซื้อมาก่อนหน้าจะซื้อเนชั่น

สันติสุข มะโรงศรี - อัญชะลี ไพรีรัก
กลุ่มที่สอง คือ “กลุ่มต้อย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” หรือ “กลุ่มทีนิวส์” ที่ในวงการถือว่าเป็น “สื่อมือปืนรับจ้าง” โดยมาพร้อมคอนเนกชันการเมืองขั้วอำนาจทหารดั้งเดิม และมีจุดประสงค์ทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน โดย “ต้อย สนธิญาณ” ก็มีการดึงเอานักข่าว ทีมงาน พิธีกร ผู้ดำเนินรายการระดับแม่เหล็กเข้ามาจัดรายการ โดยเฉพาะพิธีกรจากฝั่ง “กปปส.” ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก-สันติสุข มะโรงศรี
ว่ากันว่า เมื่อ “ฉาย” มีดรีมทีมมาครบ จากการชักนำของ “ต้อย” ที่มีคอนเนกชันทางการเมืองกับ “เครือข่ายใหญ่” เป็น “มาสเตอร์มายด์” ให้ม็อบ กกปส. จนมาถึงเป็นมือไม้ช่วยเหลือพรรคพลังประชารัฐ จึงค่อยๆ แปลงสภาพจาก “Nation WAY” ที่คนเก่าเนชั่นภาคภูมิใจให้มารับใช้การเมือง รับใช้รัฐบาล ซึ่งช่วงแรกๆ ทำให้มีเสียงวิจารณ์กันว่าเนชั่นเปลี่ยนเป็น “ทีนิวส์สาขาสอง”
เห็นว่า บทบาทของ “ต้อย” นั้นครอบงำ “ฉาย” อย่างแนบสนิท โดยที่ฉายก็ยินยอมพร้อมใจ ด้วยผลประโยชน์ในลักษณะ WIN-WIN เนื่องจาก “ฉาย บุนนาค” เป็นคนหนุ่ม เป็นนักเล่นหุ้นที่หวือหวามาก่อน ซึ่งมีบาดแผลจากการเล่นหุ้น มีคดีคั่งค้างอยู่ไม่น้อย ดังนั้น การทำสื่อของฉาย ลึกๆ แล้วจึงมีเบื้องหลัง... ทางหนึ่งเพื่อปกป้องตัวเองจากคดีความ, อีกทางหนึ่งก็เพื่อเป็นฐานอำนาจทางการเมือง ซึ่งมี “ต้อย สนธิญาญ” ผลักดัน... นั่นจึงทำให้ส่ง “เดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ภรรยาของฉาย เข้าไป ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อธุรกิจสื่อถูกดิสรัปชัน โฆษณาถดถอย สื่อดิจิทัลแข่งขันรุนแรง แต่เนชั่น ที่เป็นยุค “เนฉาย” แนบแน่นกับรัฐบาล ก็สามารถประคองตัวอยู่ได้ แต่ “ฉาย” ก็ต้องแลกมากับการพยายามบริหารสมดุลกับขั้วการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ที่ต่อยอดมาจากคสช. และคนทำสื่อทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งก็ว่ากันว่า เป็นไปได้อย่างทุลักทุเล เพราะพื้นฐานของ “ฉาย” ไม่ใช่สื่อมืออาชีพ
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มกํวนในเนชั่นก่อตัวเป็นเค้ารางร้าวฉาน เมื่อการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยน เพราะการแย่งชิงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ ระหว่าง “กลุ่ม 4 กุมาร” กับ กลุ่มนักการเมืองภายใต้ปีกของ “เครือข่ายใหญ่” กลุ่มสนธิญาณ ที่ได้รับการสนับสนุนก็ยิ่งรุกคืบอยากจะคุมเนชั่นเบ็ดเสร็จ แต่ก็ไปกระทบกับคนเนชั่นอีกกลุ่มหนึ่ง อุปมาก็เหมือนไฟสุมขอนภายใน
กระทั่งเหตุการณ์ทางการเมืองพัฒนาเร็ว มาถึง “ม็อบปลดแอก-คณะราษฎร” ถือกำเนิด ขณะที่ช่วงกระแสม็อบขึ้นถึงจุดพีก เนชั่น ภายใต้การควบคุมทิศทางของ “ต้อย สนธิญาณ” กลายร่างเป็น “สื่อสลิ่ม” กระบอกเสียงสมบูรณ์แบบให้ลุงๆ ทำหน้าที่ “ไอโอ” ที่เข้าข้างรัฐบาลอย่างชัดเจน

สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม - ฉาย บุนนาค
ว่ากันว่า ด้วยโมเมนตั้มที่ “ต้อย สนธิญาณ” พาเนชั่น เป็น “สื่อสลิ่ม” นอกจากชื่อเสียงของเนชั่น ที่สั่งสมมาหลายสิบปี ค่อยๆ ลดความน่าเชื่อถือแล้ว ในทางธุรกิจจากกระแสรณรงค์ให้แบนสปอนเซอร์ของเนชั่น ยังลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง
ไฟนี้ยังร้อนแผดเผาไปถึงผู้ถือหุ้น ซึ่งก็เชื่อกันว่า เป็นเหตุผลลึกๆ ที่ “กลุ่มคีรี กาญจนพาสน์” แห่ง BTS ผู้ถือหุ้นใหญ่ ในเนชั่นตัดสินใจขายหุ้น “ชิ่งหนีดีกว่า” ซึ่งในนามของ บมจ.ยู ซิตี้ (U) ได้รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม บริษัทได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายหุ้น บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย (NMG) ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันถืออยู่ 406.39 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9% ให้แก่ผู้จะซื้อ โดยมีมูลค่าซื้อขายประมาณ 69.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาซื้อขายหุ้นละ 0.17 บาท โดยการซื้อขาย คาดว่า จะดำเนินการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่ผู้จะซื้อแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธันวาคม 2563
เมื่อไฟโหมกระพือแบบนี้ “ฉาย” ที่เป็นนายทุน เป็นนักธุรกิจก็ต้องหาทางจะทำอย่างไรกับธุรกิจเพื่อให้ไปต่อได้ ซึ่งทางที่เลือกคือ “การปรับลดความเป็นสื่อสลิ่มลง” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคนเนชั่นเก่า แต่การจะสลายร่างสื่อสลิ่มทิ้ง ก็สร้างความไม่พอใจให้กับฝั่ง “ต้อย สนธิญาณ” ที่รับงาน “เชียร์ลุง” ซึ่งสมรภูมิสู้รบยังดุเดือด
ว่ากันว่า รอยร้าวระหว่าง “ฉาย กับ สนธิญาณ” นับวันก็ยิ่งเอาไม่อยู่ แถมเกิดการระแวงซึ่งกันและกัน กล่าวหา “ฉาย” แปรพักตร์ จนฉาย ตัดสินใจปลด “ฉัตรชัย ภู่โคกหวาย” คนสนิทของ “ต้อย สนธิญาณ” ออกจากทุกตำแหน่งในเนชั่นทีวี ตามมาด้วยข่าวการย้ายค่ายแบบปัจจุบันทันด่วนของ “เจ๊ปอง อัญชะลี-สันติสุข”
ระหว่าง “ฉายกับต้อย” จึงแตกหัก และพร้อมๆ กับเสียงลือเสียงเล่าอ้างอีกครั้งว่า “สนธิญาณ” และเครือข่ายผองเพื่อน “เจ๊ปอง-สันติสุข” ไม่ได้ไป “นิว 18” แบบคนมือเปล่า ยังไปพร้อมกับทุนทรัพย์จากสปอนเซอร์ “เครือข่ายใหญ่” ราคาเคลมที่ลือกัน 200 ล้าน ที่หอบไปดีลกับเจ้าของช่อง เพื่ออำนาจต่อรอง และคุมทิศทางสื่อที่จะปลุกปั้น “สื่อสลิ่ม” สาขาใหม่ ให้ใหญ่ “บิ๊กเบิ้ม” เป็น “ลุง TV” ที่มีไว้ต่อกร ทำ “ไอโอ” ให้ลุงๆ ทั้งหลายไว้สู้กับสงครามข่าวสารกับรุ่นหลาน “ม็อบ 3 นิ้ว” หรือใครที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับลุงๆ

สรุปว่า ที่ “เนชั่น-เนฉาย” มาถึงวันนี้ จะว่าไปสนิมเกิดจากเนื้อในของฉายนั่นเอง เอวังก็ด้วยประการฉะนี้ .



** ใจกว้าง! เครื่องดื่มชูกำลัง “คอมมานโด” ยืนยันไม่ปลด “บิณฑ์” จากพรีเซ็นเตอร์ แถมกำลังจะออกโฆษณาตัวใหม่ให้ด้วย

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
ในช่วงที่ผ่านมา บรรดานักร้อง ดาราดัง ที่ไม่แสดงตนว่ายืนข้างม็อบ ร่วม “ไล่ลุงตู่” และปฏิรูปสถาบันฯ มักจะถูก “ไอโอ” ของกลุ่มผู้ชุมนุม “จัดทัวร์บูลลี่” ในโซเชียลฯ แบบหนักหน่วง... บางรายต้องได้รับผลกระทบถึงหน้าที่การงาน รายได้ เมื่อเจ้าของธุรกิจ ต้นสังกัดเกิด “บ้าจี้” ไปเต้นตามม็อบ
ในรายของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ดารารุ่นใหญ่ นักสังคมสงเคราะห์ ที่ลาออกจาก “มูลนิธิร่วมกตัญญู” เพื่อมาทำหน้าที่ “ปกป้องสถาบันฯ” โดยประกาศชัดว่า “ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง” แต่เพื่อปกป้องสถาบันฯเท่านั้น ก็ยังไม่วายโดนเครือข่ายม็อบ จัดทัวร์กระหน่ำในโซเชียลฯ แถมเรียกร้องให้ “แบน” สินค้าที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์
สินค้าหลักๆ ที่ “บิณฑ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ให้เห็นบ่อยๆ ก็อย่างเช่น รถกระบะ เอ็มจี (MG) ในรุ่น MG Extender และ เครื่องดื่มชูกำลัง “คอมมานโด”
“จาง ไห่โป” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รถกระบะ MG Extender บอกว่า การแสดงความคิดเห็นของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ แบรนด์ เอ็มจี เพราะเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของนักแสดงเท่านั้น ...
การตัดสินใจของ “เอ็มจี” ที่เลือก “บิณฑ์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์รถกระบะรุ่นดังกล่าว เป็นช่วงที่เกิดอุทกภัยในภาคอีสาน ซึ่ง “บิณฑ์” ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประกอบกับ “เอ็มจี” เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดรถกระบะในภาคอีสาน จึงตกลงให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ และสินค้าก็ได้รับการตอบรับดี...“เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกับบิณฑ์ ในประเด็นนี้ แต่เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณมากพอในการพิจารณา”
สัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ “บิณฑ์” กับรถกระบะ MG Extender จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 63 โดยทางบริษัทยังไม่ได้พิจารณาในการต่อสัญญา หรือยกเลิกสัญญาแต่อย่างใด ...
ส่วนในรายของเครื่องดื่มชูกำลัง “คอมมานโด” นั้น “สิทธินันท์ อัสราษี” ลูกชาย “เฮียหวัง มิตซูชิต้า” สปอนเซอร์รายใหญ่ของ “กลุ่มเสื้อแดง” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงสยามเครื่องดื่ม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ก็เห็นว่าเรื่องนี้ เป็นสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคล ... ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางแบรนด์ “คอมมานโด” ทางบริษัทขอแสดงจุดยืนว่าไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะไปเกี่ยวข้องกับการเมือง และยังคงยึดมั่นในนโยบายมุ่งสนับสนุนผู้ทำความดีเพื่อสังคม
... ที่ผ่านมา “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ได้มุ่งมั่นลงมือช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ จนเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน จากจุดนี้ทำให้เรายอมรับและเรายังคงให้ “บิณฑ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ของคอมมานโดต่อไป... และเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชิ้นใหม่ที่ “บิณฑ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์อีกด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น จนสามารถนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ตามแผนที่วางไว้
เรื่องบูลลี่คนเห็นต่าง ไม่มายืนข้างม็อบนั้น มีตัวอย่างให้เห็นมาหลายรายแล้ว โดยเฉพาะเจ้าของกิจการที่แสดงจุดยืนปกป้องสถาบันฯ แล้วถูก “ทัวร์ลง” ...แต่ปรากฏว่าเกิดกระแสตีกลับ ยิ่งขายดิบ ขายดี !!




กำลังโหลดความคิดเห็น