คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า 4 สาว "BlackPink" วงเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ ได้ขโมยหัวใจแฟนๆหลายล้านคนทั่วโลก และผงาดสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงดนตรีอย่าง “เจเรมี เออร์ลิช” ยังต้องยอมยกใจให้กับสาวๆทั้ง 4 คน
ตามรายงานจากเว็บไซต์ Bloomberg ได้เผยบทความที่ยืนยันความมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่นิยมของสาวๆ BlackPink ที่ประกอบด้วย จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ สาวไทยอย่าง ลิซ่า ลลิษา มโนบาล โดยระบุว่าสาวๆ BlackPink ใช้เวลาเพียงแค่ 3.36 น. ในการขโมยหัวใจของ เจเรมี เออร์ลิช ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจวงการเพลงและเป็นผู้บริหารของบริษัทดังๆมากมายไม่ว่าจะเป็น Spotify หรือ Interscope Records หลังจากที่ทางเกาหลีใต้ส่งมิวสิควิดีโอ “DDU-DU DDU-DU,” ซิงเกิลสุดโด่งดังของสาวๆ BlackPink เมื่อปี 2018 ให้เขาได้ชม
เวลานั้น เออร์ลิช ได้นัดประชุมกับทีมงานของ YG Entertainment Inc. ในช่วงเวลาที่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีได้สรุปเป้าหมายของเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ที่มีสมาชิกวง 4 คน ให้ เออร์ลิค ได้ทราบ ซึ่งเขาเผยถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า
“ถ้าไม่นับรวมเรื่องที่ว่าครึ่งหนึ่งของเพลงผมฟังแทบจะไม่เข้าใจเลย ก็ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของสาวๆมันเหลือเชื่อมาก สาวๆคือดาว ดนตรีดี แล้วก็ติดหูมากๆ ความมุ่งมั่นของวงคืออยากเป็นวงที่ดังระดับโลก พวกเขาบอกว่า ‘จะทำยังไงให้สาวๆกลายเป็นเหมือน Spice Girls?’”
จากความทะเยอทะยานในเป้าหมายที่วางไว้ในวันนั้น นับว่าเป็นจริงแล้วในวันนี้ เพราะการจัดอันดับ Pop Star Power Rankings ของ Bloomberg ได้ระบุว่า สาวๆ BlackPink นับเป็นวงที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดใน YouTube ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แค่เฉพาะเดือน ต.ค. เดือนเดียวก็สามารถทำยอดวิวรวมแล้วกว่า 1 พันล้านวิว และวงนี้ยังได้รับความนิยมมากสุดเป็นอันดับ 2 ใน Spotify ถึงแม้ว่าอัลบัมของ BlackPink ไม่สามารถขึ้นอันดับ 1 ในอัลบัมชาร์ตของอเมริกาได้ แต่มันก็ยังติด 1 ใน 10 อัลบัมที่ขายดีที่สุดของประเทศยาวนานนับเดือนจึง ต้องยอมรับว่า BlackPink นับเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกดนตรีเวลานี้เลยทีเดียว
ควบคู่ไปกับบอยแบนด์ดังของเกาหลีอย่าง BTS สาวๆ BlackPink ในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปก็ประสบความสำเร็จในระดับโลกซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ดนตรี
เพราะก่อนหน้านี้ นักดนตรีที่พูดภาษาอังกฤษ ต้องเดินทางไปทั่วโลกมาหลายทศวรรษเพื่อสร้างชื่อเสียง ส่วนนักดนตรีที่พูดภาษาสเปนก็เพิ่งมาเริ่มติดชาร์ตทางฝั่งตะวันตกในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีกว่าๆ วงการดนตรีจากฝั่งเอเชียกลับพัฒนาขึ้นอย่างแข็งแกร่งและสามารถครองใจคนได้ทั้งฝั่งอเมริกา, ยุโรป และละตินอเมริกา
ในสมัยที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต วงดนตรีจากต่างประเทศต้องเดินสายออกทัวร์ ต้องไปอาศัยออกรายการวิทยุ และโชว์ตัวออกทีวีเพื่อสร้างฐานแฟนคลับในอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่มีตลาดเพลงใหญ่ที่สุด หรือในฝั่งยุโรปตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดหลักหลายๆแห่ง
แต่ปัจจุบัน โซเชียลมีเดีย ได้เผยแพร่ไปทั่วโลกควบคู่กับ YouTube และ Spotify จึงทำให้วงเค-ป็อปพัฒนาให้คนติดตามไปทั่วโลกได้อยู่ตลอดโดยแทบไม่ต้องออกเดินสายทัวร์
โดยอเมริกา, บราซิล และ เม็กซิโก เป็น 3 ตลาดที่ใหญ่ที่สุดบน Spotify ที่ให้การต้อนรับLovesick Girls ซิงเกิลใหม่ของสาวๆ BlackPink อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดอเมริกาหนุ่มๆวง BTS ถือว่ามีผู้ฟังใน Spotify มากกว่า แต่ก็ยังน้อยกว่าหากเทียบกับประเทศอื่นๆ
“ดูเหมือนว่าภาษาไม่ได้เป็นอุปสรรคในโลกของเราทุกวันนี้ ถือได้ว่า เค-ป็อปได้ทลายวัฒนธรรมกระแสหลักลงได้อย่างสิ้นเชิงจริงๆ” เออร์ลิช หนึ่งในหัวเรือใหญ่ของ Spotify กล่าว
หากย้อนกลับไปในช่วงเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เอเชียนป็อป ได้พยายามเข้ามาตีตลาดในฝั่งตะวันตกอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นวง Arashi จากญี่ปุ่น หรือวง Big Bang จากเกาหลีใต้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคงอยู่ได้นานและไม่สามารถสร้างฐานแฟนคลับจำนวนมากเหมือนที่ทำได้ในเอเชีย
แต่ทั้งหมดมาเปลี่ยนไปเมื่อวง BTS บอยแบนด์ที่มีสมาชิกวง 7 คน จากเกาหลีใต้ เข้ามาตีตลาดเพลงในตะวันตก ส่งอัลบัมขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาถึง 4 อัลบัมในเวลาเพียงแค่ 21 เดือน จนกลายเป็นวงที่ทำอันดับได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่ที่วง The Beatles เคยทำได้ นอกจากนั้นวง BTS ยังทำยอดขายบัตรชมคอนเสิร์ตหมดเกลี้ยงทั้งในอเมริกาและยุโรป ซึ่งพวกเขายังสามารถจัดรายการรอบดึกเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย
ความสำเร็จของวง BTS จึงนับเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินเกาหลีหลายๆคน หลายๆวง ที่ฝันและหวังอยากจะประสบความสำเร็จให้ได้เหมือนหนุ่มๆวง BTS
ปีที่แล้วสาวๆทั้งวง Red Velvet, Oh My Girl, ซอนมี และ ทิฟฟานี ยัง ( อดีตสมาชิกวง SNSD ) ต่างก็พยายามมาโปรโมทเพื่อหวังโด่งดังในอเมริกาเช่นกัน
แต่สำหรับสาวๆวง BlackPink ที่สมาชิกวงมีความหลากหลายทางด้านภาษาทั้ง อังกฤษ, ไทย, เกาหลี, จีน และ ญี่ปุ่น กลับเป็นศิลปินหญิงที่สามารถประสบความสำเร็จในฝั่งตะวันตกได้เป็นกลุ่มแรก สาวๆเข้ามายึดพื้นที่ปักธงชัยได้ในอเมริกาตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากการเดินสายโปรโมท และการขึ้นโชว์บนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาอย่าง Coachella ที่หลังเสร็จสิ้นการแสดง ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีมากๆจากสื่อท้องถิ่น แถมยังเข้ายึดครองพื้นที่เพิ่มฐานแฟนคลับระดับโลกด้วยการออกทัวร์ไปทางฝั่งยุโรปด้วย
แม้ว่าสาวๆไม่สามารถกลับมาอเมริกาได้ในปีนี้เพราะการระบาดของ โควิด-19 แต่สาวๆก็ยังเดินหน้าโปรโมทอัลบัมเต็ม ซึ่งเป็นอัลบัมแรกของพวกเธอมาตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ด้วยการไปร่วมงานกับศิลปินชื่อดังระดับโลก ทั้งในอัลบัมใหม่ของ เลดี้ กาก้า กับการออกซิงเกิล Sour Candy และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็ปล่อยผลงานเพลง Ice Cream ที่ได้ร่วมงานกับเซเลนา โกเมซ ผ่านการชักนำของ เอรีอานา กรานเด รวมถึงเพลง Bet You Wanna ที่ทำร่วมกับแร๊ปเปอร์สาวสุดแซ่บ คาร์ดี บี ด้วย
BlackPink ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นทางฝั่งอเมริกา จนทำให้ เคลลี ดีน รองประธานฝ่ายการตลาดแบรนด์ระดับโลกอย่าง Jazwares LLC ซึ่งเป็น บริษัทผลิตของเล่นที่ตั้งอยู่ในฟลอริดา ถึงขั้นกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะเดิมพัน เค-ป็อป ในฐานะปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลก
ต้องยอมรับว่าบริษัท Jazwares เป็นบริษัทที่มักจะตามเทรนด์ และคอยเกาะติดกระแสอยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาการตลาดต่อยอดสินค้าจนผลิตขายได้กำไรอย่างงดงาม โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมา Jazwares ได้สร้างไลน์ของเล่นที่มีฐานมาจากช่อง YouTube ดังอย่าง Cocomelon , Blippi, รวมถึงเกมโปเกมอน และ Ultimate Fighting Championship ซึ่งกุญแจแห่งความสำเร็จของพวกเขาคือเรื่องของไทม์มิ่ง ซึ่งวัดดวงแบบเดิมพันไปเลยว่าทำเร็วเกินไปอาจไม่มีใครซื้อของเล่น แต่ถ้าช้าเกินไปก็อาจโดนคู่แข่งเอาไปกิน
และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทาง Jazwares ได้ปล่อยไลน์ของเล่นที่มีต้นแบบมาจากสมาชิกสาววง BlackPink ทั้ง 4 คน “เรามองเห็นโอกาสหลายๆอย่างกับวง BlackPink และเราก็เพิ่งเริ่มต้นทำ ผลิตภัณฑ์เปิดตัวนับเป็นการแสดงความยินดีให้กับแฟนๆของ BlackPink ที่เราได้เห็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา"
ความสำเร็จของทั้ง BTS และ BlackPink ยังทำให้ แวน ทอฟเฟลอร์ ผู้บริหารด้านบันเทิง นึกย้อนไปถึงความสำเร็จของศิลปินรุ่นพี่อย่าง NSYNC และ Backstreet Boys ที่โด่งดังอย่างมากในช่วงปลายยุค 90 และ ยุค 2000 โดยเวลานั้น ทอฟเฟลอร์ ดูแล MTV เคเบิลเน็ตเวิร์กเกี่ยวกับดนตรีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก โดยเขาตระหนักว่าวงป็อปบางวง จะมีสมาชิกวงที่ถูกเทรนด์มาอย่างดีจาก ‘โรงเรียนในออร์แลนโด’ คำสวยๆที่เขามักใช้แทนชื่อ “The All-New Mickey Mouse Club” รายการทีวีที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลอย่างมากในช่อง Disney Channel
วงดนตรีที่มาจากเครือของรายการนี้ มักจะเข้ามาติดชาร์ต Total Request Live ของ MTV ซึ่งเป็นโชว์ประจำวัน อันเป็นเหมือนเครื่องวัดความดังของศิลปินเพลงป็อปในเวลานั้นเลยก็ว่าได้
เช่นเดียวกับบอยแบนด์ในอดีต ศิลปิน เค-ป็อปในปัจจุบัน ต้องผ่านการออดิชันและเทรนด์เป็นเด็กฝึกในสังกัดอยู่นานนับปี ก่อนจะทำผลงานออกมาขายเรียกเงินจากประชาชนได้ “พวกเขาร้องได้ เต้นได้ พวกเขาสามารถคุ้นเคยและทำงานได้ดีกับกล้อง”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่บอยแบนด์ในอดีต แตกต่างจากศิลปินเค-ป็อปในปัจจุบันคือ พวกเขาไม่สามารถพูดได้หลากหลายภาษา เหมือนกับศิลปิน เค-ป็อป ทำให้ศิลปิน เค-ป็อปสามารถเข้าถึงคนในประเทศอื่นๆได้หลากหลายกว่า
ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นความสมบูรณ์แบบที่สาวๆ BlackPink ได้มาเป็นศิลปินเปิดตัวรายการใหม่ในช่อง YouTube ของ ทอฟเฟลอร์ ที่ชื่อว่า “Released” ซึ่งเน้นที่เพลงที่ดีที่สุดที่กำลังมาใหม่ในสัปดาห์นั้นๆ โดยทั้ง 4 สาวได้พูดคุยถึงเรื่องต่างๆ ก่อนดึงเข้าสู่การเปิดตัวมิวสิควิดีโอ Lovesick Girls ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัว MV ดังกล่าวก็ทำยอดวิวพุ่งไป 240 ล้านวิวแล้ว