เบื้องหลังความสำเร็จของสาวๆ “BlackPink” คงต้องยกให้กับบุพการีของแต่ละสาวๆทั้ง “จีซู , เจนนี, โรเซ่ และ ลิซ่า” ที่คอยให้การสนับสนุน และผลักดันสาวๆตั้งแต่สมัยเป็นเด็กฝึกในค่ายเพลง YG Entertainment มาตลอด แม้จะไม่รู้อนาคตว่าลูกสาวของตนจะได้เดบิวต์และประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่จากผลงานในปัจจุบันที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าความสำเร็จในวันนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีเบื้องหลังหรือกำลังใจที่สำคัญอย่างครอบครัว
สำหรับสาวๆรายอื่นทั้ง จีซู, เจนนี และ โรเซ่ แฟนคลับและชาวเน็ตได้เผยภาพขณะที่พวกเธออยู่กับผู้ปกครองบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งส่วนมากนั้น แต่ละคนไม่เคยเปิดเผยตัวออกสื่อ ซึ่งแตกต่างจาก พ่อและแม่ของ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ที่เคยปรากฏตัวออกสื่อในเรียลลิตีที่สาวๆถ่ายทำชีวิตส่วนตัวให้แฟนๆได้ดูในรายการ BlackPink House
ด้านความสวยแทบไม่ต้องสืบว่า ลิซ่า นั้นได้รับจากแม่ จิตทิพย์ บรอยช์ไวเลอร์ ( มโนบาล ) ชาวบุรีรัมย์ ส่วนความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ก็คงได้จากตนเองและคุณพ่อบุญธรรม มาร์โค บรอยช์ไวเลอร์ ชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่คุณพ่อบุญธรรมนั้นมีความสามารถเป็นเชฟระดับโลก และคอยให้การสนับสนุน ลิซ่า ที่ต้องไปใช้ชีวิตคนเดียวในฐานะเด็กฝึกที่เกาหลีใต้ตั้งแต่อยู่ในวัยมัธยมต้น
ครั้งหนึ่ง ลิซ่า เคยเผยว่าพ่อมาร์โคของเธอ ไม่อยากให้เธอไปเกาหลี เพราะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียวทั้งที่ยังเด็ก ซึ่งทำให้พ่อเป็นห่วง แต่เมื่อเธอยืนยันว่า เธอสามารถอยู่ได้ พ่อ มาร์โค ของเธอจึงเชื่อใจ และสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายตอนเป็นเด็กฝึกตลอด 6 ปี ซึ่งการไปเป็นเด็กฝึกในต่างแดนพร้อมกับค่าใช้จ่ายมหาศาล ถ้าดูจากดีกรีความสามารถของ มาร์โค บรอยช์ไวเลอร์ แล้วจึงไม่แปลกใจว่า ทำไม ลิซ่า ถึงสามารถใช้ชีวิตในกรุงโซลได้อย่างไม่มีปัญหา
มาร์โค บรอยช์ไวเลอร์ เป็นชาวสวิสเซอร์แลนด์ จบการศึกษา Swiss Diploma Master Chef พร้อมกับเริ่มต้นเส้นทางสายเชฟในร้านอาหารเล็กๆแถวทะเลสาบคอนสแตนซ์ ซึ่งตั้งอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ใกล้กับเยอรมันนี โดยเขาทำงานอยู่ที่ สวิสฯบ้านเกิดเป็นเวลา 3 ปี โดยย้ายไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในที่ต่างๆทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งเป็นทั้งร้านระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติจนกลายมาเป็นเชฟใหญ่ที่ได้เดินทางไปทำงานในหลายประเทศทั่วโลก
มาร์โค ได้รับงานแรกในฐานะเชฟใหญ่ที่ President Hotel ในโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อปี 1975 ก่อนจะส่งต่อไปเป็นเชฟใหญ่ที่ ไมอามี ฟลอริดา, ลุ่มแม่น้ำไรน์ที่เยอรมัน, เรือฮอลแลนด์ อเมริกัน, โรงแรม รอยัล คลิฟฟ์ บีช พัทยา, โรงแรม บาร์เบโดส แมริออท , โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ กรุงไคโร, ครัวของสายการบิน สวิสแอร์ กรุงไคโร และกลับไปเป็นเชฟที่ คาสิโน ในเมืองลูเซิร์น ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์
ในปี 1989 เขาจบการศึกษาจาก Swiss Hotel School ในระดับปริญญาโทด้านการปรุงอาหาร จากนั้นจึงได้รับข้อเสนอให้ทำงานในฐานะ Complex Executive Chef ที่ Sun City Casino and Entertainment Center ที่มีครัวถึง 28 ครัว และพนักงานกว่า 400 คน
และในปี 1991 เขาได้ย้ายกลับมากรุงเทพฯ ในฐานะ Executive Chef ของ โรงแรมเอเชีย และต่อด้วยโรงแรม โนโวเทล ที่บางนา
จากประสบการณ์ในหลายๆประเทศและหลายๆวัฒนธรรมพร้อมกับความกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา ทำให้ มาร์โค สั่งสมประสบการณ์จากทุกๆที่ที่เขาย้ายไปได้อย่างมากมาย จนตอนนี้เขาได้นำความรู้ต่างๆมาแชร์ให้กับรุ่นน้องและเชฟรุ่นใหม่จากทั่วโลก พร้อมกันนั้นความสามารถที่ล้ำค่าเหล่านี้ยังทำให้บริษัทอาหารหลายๆบริษัทยังคงเรียกใช้บริการของเขา ซึ่งเขายังเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของ Thailand Culinary Academy ซึ่งเทรนและส่งเชฟชาวไทยรุ่นใหม่ไปแข่งขันเชฟระดับนานาชาติทั่วโลกด้วย
ตอนนี้ เชฟ มาร์โค ยังเปิดโรงเรียน Culinary School ในกรุงเทพฯ ซึ่งเน้นเฉพาะทางด้านอาหารไทย และยังจัดการเรื่องเทศกาลอาหารไทย, มังสวิรัติ และอาหารสวิสฯทั่วโลกด้วย
ความรักที่ ลิซ่า มีต่อ มาร์โค บรอยช์ไวเลอร์ พ่อบุญธรรมนั้นมากมายทีเดียว เพราะพ่อมาร์โค เป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กๆเสมือนลูกแท้ๆ และยังคอยดูแล ลิซ่า ตลอดทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย และเมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็ยังคอยดูแลปกป้องลูกสาวที่สนามบิน ไม่ต่างจากบอดี้การ์ดร่างบิ๊กเลยทีเดียว ทำให้แฟนๆต่างประทับใจและเอ็นดูในความสัมพันธ์ที่แสนอบอุ่นของพ่อ-ลูกคู่นี้ไม่น้อย