xs
xsm
sm
md
lg

“ไมค์ ภิรมย์พร” โต้ขายน้ำปลาร้ารวยเป็น 100 ล้าน ลังเลอยากเกษียณตัวเองไปเป็นเกษตรกร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไมค์ ภิรมย์พร” ลังเลวางไมค์อยากเกษียณตัวเอง ผันไปเป็นเกษตรกรที่บ้านเกิด รับคิดถึงความหลังยังนั่งร้องไห้คนเดียว โต้ตอนนี้รวยเป็น 100 ล้านแล้ว ลั่นให้ลูกสาวสองคนกลับมาอยู่เมืองไทย ช่วยงานธุรกิจที่ตนทำอยู่

อยู่ในวงการร้องเพลงมาแล้ว 25 ปี จนในที่สุดตอนนี้นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “ไมค์ ภิรมย์พร” เริ่มมองตัวเอง ตั้งใจอยากจะเกษียณตัวเองจากการวงการบันเทิง ผันตัวเองไปเป็นยูทูปเบอร์ การทำเกษตรกร และดูแลธุรกิจของตัวเองเต็มตัวแล้ว

“ตัวเราอายุมากแล้ว เราอยู่ในวงการ ร้องเพลงมา 25 ปี เรามองเป็นธรรมชาติของการเดินทาง เราจะร้องเพลงไปจนแก่มันก็ไม่ได้ มันจะต้องมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามา แล้วเราก็ต้องแพลนไว้ด้วยว่าถ้าเราจะเกษียณแล้วเราจะทำอะไร คิดว่ามันต้องวางแผนการดำเนินชีวิตต่อไป ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่วงการ ไม่ได้ร้องเพลงตลอดเวลา เราอาจจะมีกิจกรรมอื่นที่เราชอบ อย่างการกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด ทำเกษตร ทำเป็นช่องยูทิวบ์การเกษตรของตัวเอง เป็นการเชิญชวนชาวบ้านทำด้วยกัน เป็นเกษตรผสมผสานที่มันยั่งยืน สามารถสร้างเป็นอาชีพ มีรายได้อยู่แบบพอเพียงได้”

เผยอยากเกษียณตัวเองเพราะอยากพักผ่อนและกลับไปดูแลธุรกิจ รับแอบนั่งร้องไห้คนเดียว เพราะคิดถึงบรรยากาศเวลาขึ้นคอนเสิร์ตท่ามกลางแฟนเพลง
คิดอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาจะให้เกษียณรึเปล่า ก็ไม่รู้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะขอไปพักผ่อนบ้าง ไปดูธุรกิจของตัวเองบ้าง มันก็เสียดายเหมือนกันกับสิ่งที่เราสร้างมา ยิ่งเวลาผมนึกถึงออกงาน เทปม้วนนั้น มันยิ่งทำให้นึกถึงเรื่องราวในโปรเจกต์ 25 ปี บางทีผมนั่งร้องไห้คนเดียว เพราะความรู้สึกที่เราเคยยืนร้องเพลงอยู่ด้านหน้าแฟนเพลงและคนที่เคยดูเรา บางคนเป็นสาวจนตอนนี้มีครอบครัวแล้วก็ยังติดตามกัน แล้วลูกเรียกพี่ไมค์ มาดูคอนเสิร์ตตามแม่ เรารู้สึกผูกพัน แล้วผมบอกว่าผมจะเลิกร้องเพลงแล้ว แม่บอกไม่ได้ ต้องอยู่ ถ้าเลิกร้องแล้วแม่ๆ จะไปฟังเพลงที่ไหนกัน ก็นั่งคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ กัน”

มองอายุไม่ได้มองว่าตนงานน้อยลงหรือมีนักร้องรุ่นใหม่เข้ามาเบียด โดยหวังสร้างธุรกิจให้แข็งแรงเพื่อให้ลูกมารับช่วงต่อได้
“เรามองที่อายุเราเป็นหลัก อายุเรามากขึ้นแล้ว แล้วเราก็มีธุรกิจที่เราต้องไปดูแล ต้องไปดูลูกๆ ตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศกัน ก็ยังไม่ได้วางแผนว่าต่อไปจะยังไง ก็เลยอยากจะวางแผนช่วยลูก ให้เขากลับมาบริหารธุรกิจต่อจากพ่อ ตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว ทำงานทั้งสองคนเลย ความต้องการของเขาจริงๆ คนโตเขาอยากจะเป็นประชาชนของแคนาดา ก็รอผลอยู่ ถ้าทราบผลแล้วเขาก็จะกลับมาวางแผนช่วยพ่อ แล้วเขาก็กลับไปใหม่ อีก 2 ปีเพื่อที่จะได้เป็นประชาชนที่นั่น ถือสัญชาติที่นั้น คนที่สองก็เหมือนกัน คือเขาบอกเราว่าเขาไปเรียนแล้วเขาก็อยากจะได้โอกาสนั้น เขาอยู่มาเป็น 10 ปีแล้วตั้งแต่ไฮสคูล”

ลั่นอยากให้ลูกสาวสองคนกลับมาอยู่เมืองไทยช่วยงานธุรกิจที่ตนทำอยู่
“คงชินแล้ว ตอนแรกผมก็เหงานะแล้วผมมีลูกผู้หญิง เขาไปกันสองคนพี่น้องแบบไม่รู้ภาษาด้วยให้ไปต่อสู้ชีวิตเอง ไปอยู่กับโฮส ตอนไปก็ฝากกับสายการบินไป ไปถึงก็แยกกันอยู่กับโฮสคนละหลัง ให้เขาไปใช้ชีวิต ตอนนั้นคุยกันทางสไกป์ เห็นหน้าบ้าง ได้คุยกับลูกบ้าง ช่วงที่เขาไปอยู่ใหม่ๆ ก็ร้องไห้กันทุกวัน

ลึกๆ ก็อยากให้ลูกกลับมาช่วยดูธุรกิจให้ เขาก็บอกว่าถ้าเขาได้สัญชาติเขาสามารถอยู่ได้ทั้งไทยทั้งแคนาดา อยู่ที่ไทย 6 เดือน อยู่ที่แคนาดา 6 เดือน ก็สามารถทำงานช่วยพ่อได้ ก็ให้เขาคิดทำตามความต้องการของเขา”

อีกหนึ่งสาเหตุที่อยากเกษียณตัวเองเพราะอยากเบนเข็มไปทำเกษตรเต็มตัว
“ที่อยากเกษียณเพราะธุรกิจก็ส่วนนึง อีกส่วนนึงผมชอบเรื่องการเกษตร ผมก็อยากจะไปพัฒนาการเกษตรของผม ตอนนี้ผมได้ไปสร้างไร่นาสวนผสมเอาไว้ เราก็คิดถึงบั้นปลายชีวิตมากขึ้น เราคนอุดรธานี มีที่นา มีไร่ เราก็อยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านเรา แต่ถ้าผู้ใหญ่ยังให้โอกาส อยากจะให้ทำงานเราก็พร้อมอยู่

จริงๆ เราก็สามารถทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปได้ แต่เราอายุมากแล้ว งานต่างๆ มันก็ไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งมาเจอโควิดทำให้โดนยกเลิกการแสดงไป เราเลยได้คิดว่าเราคงจะไปยืนอยู่บนเวทีตลอดเวลาไม่ได้หรอก เราอายุมากแล้ว เมื่อก่อนเคยยืนร้องเพลงบนเวที 2 ชั่วโมง ร้องเป็น 20-30 เพลง ก็ไม่เหนื่อย บางเพลงที่ร้องในอัลบั้มชุดแรกๆ เดี๋ยวนี้ก็ต้องลดคีย์แล้ว

ตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกลาอย่างเป็นทางการ แต่ก็กำลังคิดๆ อยู่ๆ ต้องปรึกษากับทางผู้ใหญ่ ก็อาจจะยังรับแหละแต่คงไม่เยอะ ก็มีเกริ่นๆ กับทางผู้ใหญ่ไว้แล้ว ก็ดีใจที่ทางผู้ใหญ่ยังให้โอกาส เราอยู่กับทางแกรมมี่มาตั้งแต่แรก ก็มีความรักความผูกพัน ตอนนี้ก็ยังเดินสายร้องเพลงอยู่ เราก็ขึ้นลงกรุงเทพฯ กับ อุดรธานี

โต้ตอนนี้รวยเป็น 100 ล้านแล้ว
“สาธุเลยครับ ถ้าเป็นจริง ก็ทำไปเรื่อยๆ ผมทำธุรกิจน้ำปลาร้า กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ก็เกือบ 20 ปี ลองผิดลองถูก พัฒนาจนกลายเป็นที่ยอมรับ ก็ขอบคุณพี่น้องที่อุดหนุนกัน เร็วๆ นี้จะมีสินค้าใหม่ออกมาอีก คิดว่าเราคงมาทางสายอาหาร ผมชอบทำอาหาร เลยคิดว่าอยากจะทำธุรกิจอาหาร ที่มันเข้ากับตัวเรา

เราก็มองชีวิตหลังเกษียณอะไรที่มันสามารถยึดเป็นอาชีพ พอดีเราทำตรงนี้มาแล้วมันทำควบคู่กันไปได้ ก็วางแผนไว้ว่าถ้าเป็นไปได้ในอนาคตก็อยากจะช่วยพี่น้องเกษตรกรเพื่อสร้างรายได้ให้ยั้งยืน ผลิตผลผลิตทางการเกษตรพัฒนา แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม มันก็จะสามารถช่วยสังคม ช่วยชุมชนได้ด้วย”












กำลังโหลดความคิดเห็น