"อาย กมลเนตร" เผยตรวจพบก้อนเนื้อที่หน้าอก โชคดีที่ไม่ใช่มะเร็ง ได้รับกำลังใจจากแฟนคลับป่วยมะเร็ง แม้วันนี้อีกฝ่ายไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว บอกเคยเข้าคอร์สเจริญมรณสติ เผชิญความตายด้วยใจสงบ วันนี้ยังมีลมหายใจ ขอลุยทำเพื่อสังคม
หลังจากที่ทำเอาแฟนๆ กังวลใจ เพราะโพสต์ภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย พร้อมเผยว่าตรวจพบเจอก้อนเนื้อที่หน้าอกเป็นเวลาปีกว่า โตขึ้นและมีเส้นเลือดมาเลี้ยงจนนอยด์หนักถึงขนาดร้องไห้ แต่สุดท้ายก็โล่งเพราะผลตรวจออกมาไม่ใช่มะเร็ง
ล่าสุด "อาย กมลเนตร เรืองศรี"เปิดใจถึงความรู้สึกในงาน “มะเร็งเต้านม รู้ไว หายทัน : Pink Alert - Check & Share Project 2020 รับได้กำลังใจที่ดีจากแฟนคลับป่วยมะเร็ง แม้วันนี้เขาไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ก็ยังจดจำกำลังใจที่ได้จากอีกฝ่าย
“วันที่ 10 เดือน10 เมื่อปีที่แล้ว อายก็ได้จัดคอนเสิร์ตเกี่ยวกับโรคมะเร็งเหมือนกัน จุดเริ่มต้นมาจากแฟนคลับของอายที่เป็นโรคมะเร็ง มาปีนี้วันที่ 10 เดือน 10 เหมือนกัน เป็นวันที่อายได้มาพูดในฐานะตัวแทนของคนที่ตรวจเจอก้อนเนื้อโดยบังเอิญ เราเคยผ่านประสบการณ์ช่วงที่ลุ้นว่าก้อนเนื้อที่เจอมันเป็นก้อนเนื้ออะไร
หลังจากที่ได้คุยกับคุณหมอมันทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก อายเจอเป็นเคสก้อนเนื้อก็โชคดีที่มันไม่ใช่ก้อนเนื้อร้าย บังเอิญว่าหลังจาก 1 ปีที่เจอมันโตขึ้นแล้วก็มีเส้นเลือดมาเลี้ยง ก็เลยงั้นเราเอาเขาออกดีกว่า
ณ วันที่เจอไม่กังวลเลย เพราะเราเคยได้คุยกับพี่แฟนคลับที่ชื่อพี่ปาล์ม ตอนนั้นพี่ปาล์มป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้ว และเคสใหญ่มาก เหมือนคนตั้งครรภ์แต่มันอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้าย แล้วเราได้สัมผัสก้อนเนื้อนั้น เรารู้สึกมันเป็นเรื่องที่รุนแรงมากเลยกับคนๆ นึงแต่เวลาที่อายไปพูดคุยกับพี่เขา อายเห็นกำลังใจมากๆ กับสิ่งที่พี่เขามี จนเรารู้สึกว่าคนที่ครบ 32 อย่างเรา ที่ไม่ป่วย บางทีเราท้อ เหนื่อยกับงาน มันไม่ได้แล้วเราต้องมีกำลังใจ
ในวันที่เราเจอเอง เราก็ตอบกับคุณหมอไปเลยว่าไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันไม่ดีก็ผ่าออก หมอก็แบบไม่ต้องให้หมอปลอบใจเลยเหรอ อายก็บอกไม่เป็นไรค่ะ เพราะเจอเคสพี่ปาล์มมาแล้ว”
ต้องคอยตรวจเช็กอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้จะกลับมาอีกหรือไม่
“ตอนนั้นไม่มีอาการอะไรเลย แค่ได้แพ็กเกจไปตรวจฟรี เลยไปตรวจ ตอนนี้ก็คอยติดตามทุก 6 เดือน มันเล็กลง คุณหมอก็นัดต่ออีก 6 เดือน พอมาดูมันใหญ่ขึ้นและมีเส้นเลือดมาเลี้ยงด้วย หมอก็เจาะไปตรวจ ก็ทำตามขั้นตอนคุณหมอเลย อายทำการผ่าตัดไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ผ่านมาประมาณ 6 เดือนแล้ว
ถามว่ามันจะกลับมาไหม คุณหมอให้ตามเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ยังจะมีโอกาสกลับมาอีกไหม ผู้หญิงเราควรไปตรวจในทุกๆ ปีอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเลย ตอนนั้นก็คิดว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้ามันเกิดแล้วจริงๆ เราต้องอยู่กับเขา แล้วเราจะอยู่ยังไง
ณ วันนี้พี่ปาล์มไม่อยู่แล้ว แต่อายยังจำแววตา จำน้ำเสียงของเขาได้อยู่เลย วันแรกที่เจอเขา เราขนกำลังใจไปเพียบเลย กะจะไปให้กำลังใจเขา แต่สุดท้ายเรากลายเป็นผู้ฟังอย่างเดียวเลย พี่ปาล์มเรียกก้อนเนื้อว่าเขา เขามาอยู่กับเราแล้วนะ โกรธไปเกลียดไปก็ไม่รู้จะยังไง ในเมื่อต้องอยู่ร่วมกันก็จะคุยกับเขาดีๆ เขาเอามืออายไปจับที่หน้าอกเขา เขาบอกตอนนี้เขาร้อนมากๆ เลย เขาทรมานมาก มันทับหัวใจเขาด้วย แต่เขายังกำลังใจดีมาก
ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็ง รวมถึงตัวอายด้วย แต่การที่เราได้สัมผัสกับผู้ป่วยที่เขาเป็นจริงๆ แล้วเขามีพลังด้านบวก มันก็ดีกว่าที่เขาดาวน์ มันยากนะกับสถานการณ์และโรคที่เขาเจอ ของอายไม่ลามเลย ตอนแรกเจอ 1.4 เซนฯ แล้วเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้น เป็น 1.7 เซนฯ เลยผ่าออก พอไปผ่าแล้วกลับไปตรวจว่าเป็นมะเร็งไหม พอไม่เป็นเราเอาออกไปแค่ 1.7 เซนฯแต่ถ้าวันนั้นอายเป็นมะเร็งอายต้องกลับไปคว้านเนื้อรอบๆ เพราะมันจะทำลาย ทุกคนก็แซวว่า 2 ข้างไม่เท่ากัน เราก็บอกใจเย็นๆ เราไม่ได้อะไรมาก เพราะที่มีมันก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว หมายถึงก้อนเนื้อนะ (ยิ้ม) ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับเรา
ถามว่ากลัวมันจะกลับมาไหม ถ้าวันนึงมันเจอมันก็คงจะต้องมีโมเมนต์ที่เรารู้สึกนอยด์กับมันแหละ แต่ว่าเราจะก้าวข้ามผ่านตรงนั้นยังไง เราก็จะพยายามจดจำสิ่งที่เราพูดในวันนี้ หรือสิ่งที่เราเคยได้รับสารมาจากหลายๆ คนที่เป็นกำลังใจว่าเราจะทำยังไงต่อไป ณ วันที่รู้แล้วเราจะสามารถทำอะไรต่อ เป็นกระบอกเสียงอะไรได้บ้าง แค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี”
ใส่ใจกับอาหารการกินมากขึ้น รับเคยเขาคอร์สเจริญมรณสติ เผชิญความตายด้วใจสงบ
“เขาไปแล้ว เดือนนี้ก็ต้องไปรีเช็ก มันทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกิน งดของทอด อะไรที่ใช้น้ำมันจริงๆ เราจะใช้น้ำมันอะไร เราใส่ใจกับวัตถุดิบมากขึ้น เราได้ทานอาหารที่เราปรุงสุกเอง เราได้รู้ต้นสายปลายเหตุมันมายังไง อะไรที่เรารู้ว่าอันนี้เสี่ยงมากๆ ก็จะไม่”
เข้าคอร์สเผชิญหน้าความตายด้วยใจสงบ
“แล้วก็เรื่องความเครียด ออกกำลังกายมันเหมือนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น เราอยู่ในช่วงวัยทำงาน บางครั้งเราเพลิดเพลิน จนลืมดูแลสุขภาพ ซึ่งมันก็เป็นสังขารที่ร่วงโรยไปตามเวลา ครั้งนี้เราได้กลับมาใช้ชีวิต ค่อยๆ ทบทวน อายเคยไปเข้าคอร์สเจริญมรณสติ เป็นการเผชิญความตายด้วยใจสงบ ทุกคนต้องตาย เราไม่รู้เลยว่าเราจะตายตอนไหน ด้วยวิธีอะไร วันนี้เรายังไม่ตาย เรายังมีชีวิต มีลมหายใจ เรายังตื่นขึ้นมาทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อสังคมได้อันนี้จบเลยสำหรับอาย สุดท้ายเดี๋ยวก็ต้องไปคุยกับรากต้นไม้ที่อายปลูกไว้เหมือนกัน เรารู้สึกว่าแค่นี้มันก็โอเคแล้วสำหรับที่อายได้เกิดมาทุกวันนี้”