อุทาหรณ์เตือนบรรดาคุณแม่ที่วางแผนเตรียมตั้งครรภ์ หลังแม่ลูกสามเสียชีวิต ขณะที่แพทย์เตือนหากตั้งครรภ์ครั้งนี้เสี่ยงมาก ควรนำเด็กออกตั้งแต่อายุครรภ์ 2-3 เดือน แต่ด้วยความรักลูกจึงอดทนตั้งครรภ์ต่อจนพบโรคแทรกซ้อนมากทาย สุดท้ายสุดยื้อชีวิตและลูกก็ไม่ทันได้พบหน้าแม่ กลายเป็นเรื่องเศร้า ชี้ควรเชื่อและทำตามแพทย์ที่ดูแลการตั้งครรภ์อย่างเคร่งครัด
วันนี้ (7 ต.ค) เฟซบุ๊ก “Luknam Chonticha” ได้ออกมาเผยเรื่องราวสุดเศร้า หลังคุณแม่ลูกสามรายหนึ่งเจอเรื่องราวสุดสลดเหตุจากการตั้งท้องครั้งที่ 3 และทางแพทย์ได้เตือนขณะตั้งครรภ์ได้ 2-3 เดือน ว่าคุณแม่มีความเสี่ยงมากหากยังตั้งครรภ์ต่อไป แนะนำให้เอาเด็กออกเพื่อความปลอดภัยของแม่ แต่ด้วยความรักลูกจึงอดทนอุ้มท้องต่อไปจนถึงกำหนดคลอดก็เกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย จนสุดท้ายลูกคนเล็กก็ไม่ทันได้เจอหน้าแม่ ครอบครัวจึงอยากฝากเป็นอุทาหรณ์แก่คุณแม่ที่วางแผนตั้งครรภ์ว่าควรทำตามคำแนะนำและเชื่อในแพทย์ที่ดูแลการตั้งครรภ์อย่างเคร่งครัด
โดยมีเนื้อหาโพสต์ว่า “ทุกคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมน้องแอนถึงเป็นหนักจากกรณีของน้องแอนสาวๆ คนไหนที่วางแผนในการมีครอบครัว ในการจะมีลูกสักคน ควรวางแผนควรไปตรวจสุขภาพ ควรปรึกษาเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดี ควรเชื่อและทำตามที่หมอสั่ง อย่าดื้อ อย่ารั้นหมอเด็ดขาด น้องเป็นอีก 1 คุณแม่ที่ดื้อรั้นหมอสุดๆ ไม่เคยตรวจร่างกายตัวเอง คิดว่าการมีลูกผ่าคลอดลูกมาแล้ว 2 คน คนที่ 3 ก็จะผ่านไปได้ด้วยดีแบบที่ผ่านมา แต่มันไม่ใช่ คุนหมอได้เตือนตั้งแต่ 2-3 เดือนแรก ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองมีน้อง เราพี่สาว เรารู้ น้องปรึกษาเราตลอด ว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้มันมีปัญหา คือมดลูกเกาะต่ำ และมีเลือดไหลในช่องท้องจำนวนมาก แต่ไม่ทราบสาเหตุ โดยคุนหมอได้แนะนำว่าถ้าเอาลูกไว้ มันอันตรายต่อแม่แน่นอน แต่เลือดที่อยู่ในช่องท้องมันไม่มีผลต่อลูก มันไม่ได้เข้าไปอยู่ในรกลูกปลอดภัยแน่นอน แต่คุณแม่จะเสี่ยงมาก
โดยทางผู้โพสต์เผยเพิ่มว่า ไม่ได้ใจร้ายหรือว่าไม่ได้คิดไม่ดีกับหลานเลย แต่ตอนนั้นเราก็บอกให้น้องเชื่อหมอ ให้รีบเอาลูกออก เพราะเรายังมีสามี ยังมีลูกอีก 2 คนที่ต้องดูแล อย่าเสี่ยงเลย แต่เพราะความดื้อ ความรักลูก ความเป็นแม่ผู้เสียสละของน้องแอน นางเลือกที่จะเก็บลูกไว้ ซึ่งตัวเองก็รู้ชะตากรรมตัวเองอยู่แล้วว่าจะเป็นไง น้องเชื่อว่าสมัยนี้หมอเก่งอุปกรณ์ครบทันสมัย
โดยก่อนครบกำหนดผ่าคลอดลูก ประมาณ 2-3 สัปดาห์ คุณหมอก็ได้ตรวจเจอว่าน้องลิ้นหัวใจรั่วอีก ซึ่งเจอในเวลากระชั้นชิด มันไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ซึ่งทำไมตอนผ่าคลอดลูกทั้ง 2 คนที่ผ่านมา ตรวจไม่เจออะไรเลย ทำไมมันมาจากไหน ทุกคนงงมาก ทำให้การผ่าคลอดครั้งนี้ต้องหนักแน่นอน จนกระทั่งวันที่ 5 ที่ผ่านมา ถึงกำหนดผ่าคลอด ลูกคนที่ 3 น้องฮันนี่ ออกมาดูโลกภายนอก แทนที่จะได้เจอหน้าแม่แต่ต้องขอชม และขอขอบคุณทีมหมอพยาบาลโรงพยาบาลเปาโลพระประแดง มากๆ นะคะ หมอได้เตรียมเครื่องมือเตรียมเลือดไว้สำหรับเคสนี้เยอะมาก น้องแอน ใช้หมอ ในการผ่าคลอด 4 คน รวมทุกหมอ พยาบาลอีกเยอะแยะมากมาย ใช้เวลาในการผ่าคลอด เข้าห้องคลอดประมาณ 08.30 น. เสร็จประมาณ 15.00 น. มันนานมากเลยใช่ไหม ปกติ ผ่าคลอดใช้เวลาไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง เพราะอะไรทุกคนต่างสงสัย ว่าแค่ 2 กรณีนี้ทำให้มันหนักขนาดนี้เลยหรอ ไม่ใช่ค่ะ มันมีแจ็คพอตมาอีก คือ รกลูกเหมือนจะอยู่นอกมดลูก และรกมันกินส่วนของกระเพาะปัสสาวะ ติดกับกระดูกหลังจึงทำให้หมอต้องค่อยตัดเลาะมดลูกออกทั้งหมด ซึ่งมันต้องค่อยๆ ทำจริงๆ ไม่งั้นมันก็จะไปโดนส่วนสำคัญอื่นๆ ทำให้ต้องใช้เวลานานในการผ่าตัด เลือดก็ไหล ไม่หยุด น้องแอนใช้เลือดไปทั้งหมด 50 ถุง หมอจึงขอย้ายมาที่ โรงพยาบาลตำรวจ
จากนั้นหมอก็รักษาอย่างสุดความสามารถ น้องมีอาการไม่รู้สึกตัว ความดันขึ้นๆ ลงๆ หัวใจหยุดเต้น ไป 3 ครั้ง หมอก็ปั๊มกลับมาได้ ให้ยาที่ดีที่สุดที่แพงที่สุด ให้เลือดเยอะมาก มีการล้างไตเป็นวิธีสุดท้ายที่หมอทำ จนร่างกายน้องอวัยวะข้างในไม่ตอบสนองไม่รับยาไม่รับเลือดที่ให้แล้ว จนสุดท้ายเมื่อเวลาตี 3 กว่าๆ คนในครอบครัวก็ได้ปล่อยน้องให้ไปอย่างสงบ ไม่มีใครคิดไม่มีใครคาดถึง ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับครอบครัวเรา โดยลูกที่คลอดออกมานั้นสมบูรณ์มาก หนัก 3,600 แข็งแรงและกินนมได้ปกติ”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ