“เฌอเอม” น้อมรับการพิจารณาของกองประกวด ทำใจไว้แล้ว แต่เสียดายอยู่ดี เสียใจที่สุดที่เรื่องเลยเถิดมาแบบนี้ อยากได้อ่านคู่สัญญา MOU อีกสักครั้งแบบตั้งใจ ขอโทษ “วีณา” เรื่องแชตหลุด เกิดก่อนรู้จักกัน ลั่นสุดสะเทือนใจ ไม่มีโอกาสได้ปกป้อง ด้าน “เคน” ยืนยันไม่เคยเอาความลับกองไปพูดในแชตเลย ไม่เคยเลี่ยงเซ็นสัญญาตามที่กองแถลง ตั้งแต่ทำงานมายังไม่ได้เงินสักบาทเดียว
หลังจากที่เมื่อวานนี้ “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” ผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2020 ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ชี้แจงกรณีดรามาแฮชแท็กร้อนแรงผู้จัดการผีผลัก มีพี่เลี้ยงแฝงตัวเข้ามาในกองประกวด จนทำให้ถูกตัดสิทธิ์เป็นผู้เข้ารอบ 30 คน พร้อมกับ “เคน สิทธิชัย เร็ววิโรจน์” และ “ทนายนิด้า” ไปแล้วเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ากระแสที่ออกมาก็แตกออกเป็นสองฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่ให้กำลังใจ และฝ่ายที่คิดว่าสาวเฌอเอมออกมาบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร
วันนี้ (30 ก.ย) เจ้าตัว และ เคน สิทธิชัย เลยได้มาออกรายการคุยแซ่บโชว์ ทางช่อง ONE 31 เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ชัดๆ อีกครั้ง พร้อมออกมาชี้แจงประเด็นใหม่แบบสดๆ ร้อนๆ หลังมีแชตหลุดกว่า 79 หน้า ออกมาให้แฟนนางงามได้เผือกกันแบบตาแฉะ แถมในแชตดังกล่าวยังมีข้อความที่สาวเฌอเอม พูดพาดพิงถึงหนึ่งในเพื่อนผู้เข้าประกวดอย่าง “วีณา ปวีณา ซิงค์” อีกด้วย
“อันนี้ต้องยอมรับก่อนนะคะ ว่า ช่วงแรกๆ ที่เกิดเรื่อง เราไม่ได้ออกมาพูดอะไร เพราะเราไม่แน่ใจว่าเราพูดได้ไหม ดังนั้น พอเรารู้ว่าเราอาจจะไม่มีโอกาส เราก็ตัดสินใจที่จะรับรายการก่อน แต่เมื่อทางกองยืนยันว่าโอเคแถลงได้ เราจึงรีบจัดแถลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะไม่รับผิดชอบกับสัญญาที่เราตกลงไว้ด้วยได้ เนื่องจากเมื่อวานเอมก็ไม่สามารถตอบทางกองได้ทันจริงๆ ว่า เอมสามารถไปได้หรือว่าไม่ เพราะว่ามันเกิดขึ้นกะทันหันมาก ยังไงก็ขอบคุณกองนะคะที่เชิญเอม แล้วก็ขออภัยจริงๆ ที่ไม่ได้ไป ยังไงเราก็ได้พบกันใหม่อยู่แล้ว”
เลือกมาออกรายการสด ในเวลาเดียวกันกับที่กองแถลงข่าว อยากรักษาสัญญาให้คนที่สนใจและให้โอกาสก่อน เพราะกับกองประกวดตั้งใจจะเข้าไปคุยอยู่แล้ว
“เอมคิดว่าใครก็ตามที่ให้โอกาสกับเรา หรือแม้แต่สนใจเรา ในตอนที่เราอยู่ในช่วงมืดมนที่สุด เราก็ต้องรักษาสัญญากับเขาก่อน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทางกอง เอมคิดว่าจะเข้าไปพูดคุยด้วยตัวเอง เพียงแค่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นวันนี้ค่ะ
ซึ่งเอมก็แจ้งค่ะว่าเอมไปไม่ได้จริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องของการเลื่อนเวลา คือ เอมมีตัวคนเดียว แต่ว่าคนอื่นในกองที่จะแถลงของเขามันมีเยอะมาก ก็อาจจะไม่สามารถเลือกทั้งสถานที่ทีมงานแล้วก็อะไรหลายๆ อย่างค่ะ”
ไม่ได้ติดตามฟีดแบ็กหลังจากออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวาน เพราะเหนื่อยมาก กลับบ้านนอน
เฌอเอม : “ที่จริงก็ไม่ได้ดูนะคะ กลับบ้านไปก็นอน เพราะว่าเมื่อวานเป็นวันที่เหนื่อยมากจริงๆ แล้วก็อยากจะคิดอะไรหลายๆ อย่างกับตัวเองมากกว่า ก็ขอโทษที่หนูร้องไห้แล้วดูไม่สวยนะคะ คือหน้ามันอาจจะดูบีบคั้นมากไปหน่อย แต่ว่าปกติหนูร้องไห้แล้วหน้าเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ
สิ่งที่อึดอัดใจที่สุดในการแถลงข่าวเมื่อวาน คงเป็นเพราะไม่เคยนั่งอยู่หน้ากล้องที่มันเยอะขนาดนั้นมาก่อน กดดันค่ะ มันต่างจากตอนออดิชัน เพราะตอนนั้นเรารู้ว่าสุดท้ายคือผ่านไม่ผ่าน แต่ตรงนี้มันคือการตัดสินของสังคม แล้วที่สำคัญก็คือ เราจะดูจริงหรือไม่จริง มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา มันเหมือนกับว่าเรามาสู้ในสงคราม โดยที่เรามีมีดเล่มเดียวค่ะ
กดดันมากนะคะ เพราะปกติถ้าเอมไม่กดดัน เอมจะพูดไม่ติดขัดเลย แต่เมื่อวานคือต้องยอมรับว่าติดขัดมาก แล้วก็มีหลายครั้ง ที่เหมือนเราไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เหมือนมันติดอยู่ในคอ เรากดดันตรงที่ต้องยอมรับว่าสังคมตัดสินเราไปก่อนแล้ว แม้ว่าเขาจะลบอคติออกไป แต่มันก็เป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นที่มันอยู่ในใจเขาแล้ว เพราะฉะนั้น มันอยู่ในจิตใต้สำนึกค่ะ เราก็เลยรู้สึกว่าเรากำลังสู้กับกระแสลมที่มันแรงเกินไป แล้วเหมือนจะปลิวออกไปตลอดเวลา”
ถ้าคนตัดสินไปแล้วว่าผิด ต่อให้จะออกมาพูดยังไง ก็คงคิดว่าเป็นการแก้ตัวเท่านั้น
เฌอเอม : “ก็ประมาณนั้นค่ะ ไม่อยากจะพูดตรงๆ ไม่ได้อยากจะพูดเหมือนกับว่าเขาอคติมากเกินไปหรืออะไร เพราะเอมเข้าใจว่าทุกคนมีความคิดในเรื่องศีลธรรมเป็นของตัวเอง แล้วมันก็ดีอยู่แล้ว ที่เขาจะเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้องแล้วทักขึ้นมาค่ะ”
ย้ำความสัมพันธ์กับเคน รู้จักกันมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยการมาเป็นโบรกเกอร์ เป็นคนติดต่องานในไทยให้เท่านั้น ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงตั้งแต่แรก
เฌอเอม : “ต้องบอกว่าเอมรู้จักที่เคนมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนนะคะ แล้วก็อยู่ในฐานะคนรู้จัก แล้วก็เป็นโบรกเกอร์ที่คอยหางานให้ ก็คือไม่ได้ดูแลเราทั้งหมด เพราะว่าอย่างที่เห็น ว่าเอมมีเอเยนซี่อยู่แล้วด้วย แต่ว่าในไทยมันเป็นเอมคนเดียว หมายความว่าเอมสามารถหางานได้อย่างอิสระ ซึ่งพอเขาหางานให้ ไม่ได้หมายความว่าเราเซ็นสัญญา หรือมีความเกี่ยวข้องกับเขาที่เป็นออฟฟิเชียล แล้วในอินสตาแกรมเอมไม่ได้เขียนคำว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวเลยค่ะ เอมเขียนว่า Bangkok contract ถ้าติดต่องานในไทยให้ติดต่อที่พี่เคนค่ะ เรารู้จักกันมา 2 ปี ก็เจอกันมาเรื่อยๆ แต่ว่าไม่ได้เจอกันในลักษณะที่รู้ตื้นลึกหนาบางในชีวิตเขาขนาดนั้นนะคะ เหมือนกับคนที่ทำงานด้วยกัน แล้วก็เจอกันบ้าง”
แจงกองประกวดแถลงบอกว่าตอนกรอกใบสมัคร ตนเขียนชื่อณัฐพลไว้ในช่องของพี่เลี้ยง ยันอีกฝ่ายถอนตัว ทำให้ทำเองไม่ได้ ต้องลงเบอร์โทรศัพท์พี่เคน
เฌอเอม : “ถ้าใครเคยเห็นในไอจีเอมเมื่อก่อน ก็จะเป็นไลน์ของคุณคนนี้ แล้วเขาก็ไม่ใช่เจ้านายของพี่เคนค่ะ คือ โบรกเกอร์เขาไม่ได้ดีลงานให้เราทั้งหมด มันอยู่กับจ๊อบที่เขาหามา เอมก็ดีลเองได้ แต่ทีนี้เอมให้คุณณัฐพลมาทำในงานของเลขาก็คือติดต่อ ดีล แต่ว่าด้วยงานที่มันเกินกำลัง หรือว่าอาจจะไม่ได้เหมาะกับเขา เขาก็ขอถอนตัวไป แล้วตอนนั้นคือเราดีลเองไม่ไหว เราดีลไม่ทัน ก็เลยคิดว่าจะมีใครที่สามารถดีลงานให้ได้บ้าง ก็ลงเป็นเบอร์ของพี่เคนค่ะ”
เคน : “วันที่เขาตัดสินใจจะลงประกวดตอนแรก พูดกันเป็นทีเล่นทีจริงว่าหนูจะลงนะๆ เราก็บอกว่า เฮ้ย...ลงได้เหรอ ไม่เหมาะมั้ง ก็จะเป็นการพูดคุยกันแบบนี้ จนกระทั่งวันที่เห็นเขาไปยื่นใบสมัครก็ เฮ้ย เอาจริงว่ะ ก็รู้จริงๆ คือวันนั้น ที่เราคิดว่าน้องไม่เหมาะเพราะด้วยความที่เราชอบดูนางงาม แล้วมีนางแบบหลายๆ คนที่เป็นนางงาม แต่นางแบบเหล่านั้นก็จะมีความน่ารักความละมุน แต่เขาเป็นคนสู้คน ลุคดูไม่เหมาะ เราก็สกัดดาวรุ่งน้องตั้งแต่ตอนนั้น”
ทราบเรื่องแชตหลุดแล้ว แต่ยังยืนยันไม่รู้เรื่องการตอบคำถาม 30 วินาทีมาก่อน ที่บอกไปเพราะมันเป็นมาตรฐานของทุกเวทีการประกวดอยู่แล้ว
เคน : “เรื่องแชตหลุด 70 กว่าหน้า เราก็ได้เห็นแล้วครับ เป็นแชตที่คุยกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ก็ต้องขอบคุณสำหรับแชตหลุดอันนั้น ที่ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนส่งเขาจริงๆ มันจะมีแชตในหน้าแรกเลย ที่บอกว่าสวัสดีค่ะ หนูชื่อนี่ๆ เป็นพี่เลี้ยงมือใหม่ แล้วถ้ามองรวมๆ ในแชตทั้งหมดนั้น ในช่วงเวลานั้นเขาถามว่าถ้าจะทำจะต้องทำยังไง เราพูดถึงเรื่องการวางตัวว่าจะต้องทำยังไง ทั้งหมดทั้งมวลคือการคุยทั่วไป ไม่มีอะไรที่เป็นความลับของกองที่เข้าไปสู่ในบทแชตนั้นเลยครับ ส่วนเรื่องการตอบคำถาม 30 วินาที ทุกคนโดนถามสดหมดเลย เราไม่ได้รู้เกี่ยวกับกระบวนการ และไม่ได้รู้คำถามมาก่อนครับ คำถาม 30 วินาทีมันเป็นมาตรฐานการประกวดทั่วๆ ไปครับ ทุกเวทีมีหมด”
เฌอเอม : “คือเอมเป็นคนที่พูดยาวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเอมก็ต้องฝึกให้ทัน 30 วินาที เพราะเรารู้ว่ารอบไฟนอลทุกคนต้องตอบคำถาม 30 วินาที ซึ่งทุกปีทุกเวทีประกวดแบบนี้ค่ะ”
ได้งานมาหลังจากวันแถลงข่าวจัดการประกวด ซึ่งเป็นหลังจากที่น้องยื่นใบสมัครไปแล้ว เลยตัดสินใจออกมาจากกรุ๊ปไลน์
เคน : “ก่อนหน้านี้ในช่วงโควิด เราก็ขายอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งเปิดโควิดมา แล้วเราเห็นกองประกวดมีการจัดประกวดอยู่ แต่เราไม่สามารถขายอะไรได้เลย เราก็เข้าใจว่าโอเค เราเป็นฟรีแลนซ์ เราก็คงไม่ได้เข้าไปในกองแล้วมั้ง จนกระทั่งหลังจากวันแถลงข่าวไปแล้ว ก็มีการติดต่อมาว่าเราอยากได้สปอนเซอร์ในเรื่องของการดูคความสวยความงาม เรื่องของแฮร์โปรดักส์ เราก็ได้ติดต่อไป หลังจากที่แถลงข่าวว่าจะจัดการประกวด ไปแล้วประมาณเกือบอาทิตย์ครับ เราก็เป็นคนติดต่อให้ ณ ตอนนั้น แล้วระหว่างนั้น เราก็มีการพูดคุยกับลูกค้า ว่าโอเคนะ เราจะดีลกันไปในการประกวดแบบนี้นะ หลังงจากนั้นเราก็เฮ้ย...ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเป็นคนในกองสิ ก็จะเห็นได้ว่าในแชตสุดท้ายเราออกมาจากกรุ๊ปแชต ก่อนที่เราจะเข้าไปทำงานในกอง”
ยอมรับไม่ได้มีการแจ้งกับกองประกวดก่อนว่าเคยเป็นโบรกเกอร์ให้เอม แต่ก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับตัวนางงามเลย ไปดูแค่ในส่วนของลูกค้าเท่านั้น
เคน : “อันนี้เราไม่ได้แจ้งทางกองประกวด แต่ด้วยหน้าที่ของเรา พอเราขายสปอนเซอร์ชิฟได้แล้ว เราก็ต้องเข้าไปดูลูกค้า ไปเทกแคร์ลูกค้า แล้วในส่วนของเรา เราดูแต่ลูกค้า เราไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง ไปเกี่ยวข้องกับตัวนางงามเลย”
ในแชตที่มีคนปล่อยออกมา มีการเริ่มคุยวันที่ 11 กรกฎาคม และไปสิ้นสุดวันที่ 23 สิงหาคม แต่วันที่ออกจากรุ๊ปแชตไป ไทม์ไลน์การประกวด มีการเปิดรับตั้งแต่วันที่ 4-20 สิงหาคม ซึ่งกองประกวดปิดรับสมัครไปแล้ว แสดงว่าแชตนี้สร้างมาก่อนที่กองจะเปิดรับสมัครประมาณ 1 เดือน เคนยันไม่ได้อยู่ในกองแล้ว จนวันแถลงข่าว
เคน : “พอเป็นฟรีแลนซ์แล้วมันจะผลุบๆ โผล่ๆ เพราะเราขายงานอะไรไม่ได้ ในความเข้าใจของเรา คือเราไม่ได้ทำงานแล้ว แล้วไม่ได้อยู่ในกองแล้ว จนกระทั่งแถลงข่าวเสร็จ ถึงมีการติดต่อมาให้เราหาสปอนเซอร์ในไลน์โปรดักส์นี้ให้ เราก็หาให้ได้ หลังจากนั้นเราก็เพิ่งได้รับการติดต่อให้เข้าไปในกอง หลังจากที่เรารู้ว่าน้องได้ยื่นใบสมัครไป เพราะก่อนหน้านี้เราไม่รู้ตัว”
ลั่นไม่เคยเข้าประชุมเกิน 5 ครั้งอย่างที่ทางกองออกมาแถลงข่าวแน่นอน ส่วนใหญ่จะขออัปเดตผ่านในกรุ๊ปงานทางไลน์
เคน : “เข้าไม่ถึง 5 ครั้งแน่นอนครับ เพราะว่าทุกครั้งที่เข้าไป ก็จะคุยในเรื่องว่าวันนี้ขายอะไรได้บ้าง พอหลังๆ เรารู้ว่าเข้าไปแล้วจะต้องรายงานแค่ในเรื่องของการอัปเดตว่าขายอะไรได้บ้าง เราก็ไม่ได้เข้าประชุม เราขออัปเดตในไลน์งานดีกว่า แต่มีอะไร ก็สามารถตามงาน ตามเราได้ตลอดครับ”
ลั่นไม่เห็นกฎข้อไหนห้ามมีความสัมพันธ์กับคนในกอง
เฌอเอม : “อันดับหนึ่งนะคะ คือเอมไม่เห็นกฎข้อไหน ที่บอกว่าห้ามมีความสัมพันธ์กับคนในกอง แต่การที่เราจะเมกชัวร์ได้ เอมต้องมี MOU คู่สัญญาฉบับนั้นกับตัวค่ะ ซึ่งมีความยาวประมาณ 4-5 หน้า แต่ว่าเอมมีเวลาพิจารณาน่าจะไม่เกิน 1 ชั่วโมง แล้วเอมต้องเซ็นและส่งคืนเลย มันทำให้เอมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วกฎนั้นมีอะไรบ้าง และถ่ายรูปไว้ก็ไม่ได้ แต่เอมค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่มี เพราะถ้าจะพูดถึงความสัมพันธ์กับคนในกอง เพียงแค่รู้จักกันมาก่อน พูดคุยกันฉันท์พี่น้อง หรือเพื่อนมันก็นับแล้ว และอีกอย่างไม่เคยเอาเบอร์พี่เคนลง เพราะฉะนั้นถ้าจะปิดบัง หรือถ้าคิดว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงมากตั้งแต่ต้น เอมก็คงไม่คีฟเบอร์ไว้ตรงนั้นค่ะ”
แจง “มุก” เป็นเพื่อนที่คอยเป็นผู้ช่วยเวลาไปกอง ไม่เคยบอกว่าเป็นพี่เลี้ยง
เฌอเอม : “เอมขอแก้ข้อหนึ่งก่อนนะคะว่าคนที่ชื่อมุก ไม่เคยเป็นพี่เลี้ยง และไม่เคยบอกว่าเป็นพี่เลี้ยง เขาแค่มาช่วย อย่างที่บอกว่าช่วงนั้นเอมส่งตัวเอง และส่งตัวเองมาตลอด ก็ขอให้ทิ้งประเด็นนี้ไป จริงๆ มุกเป็นเพื่อนเอมค่ะ เป็นคนช่วยถือของเวลาไปที่กองเฉยๆ ค่ะ เป็นผู้ช่วยค่ะ”
สวนกองบอกแนะนำเคนว่าเป็นผู้จัดการ ยันแค่ไปขออนุญาตให้เคนดูแลตนและเป็นผู้จัดการ
เฌอเอม : “เหตุการณ์วันนั้นก็เกิดอย่างที่แถลงไปแล้วเมื่อวาน ก็คือเข้าไปแล้วก็ซักถาม ว่าต่อจากนี้ถ้าจะให้เป็นผู้จัดการโอเคไหม เท่านี้ค่ะ (ทางกองบอกว่าเราเดินเข้าไปแนะนำ ไม่ใช่เดินเข้าไปขอ ?) เราเดินเข้าไปแล้วก็บอกว่านี่พี่เคน พี่ที่รู้จักกัน แล้วต่อจากนี้อยากให้เขาดูแลเป็นผู้จัดการ ทางกองก็ไม่ได้ว่ายังไงค่ะ อย่างที่บอกว่าเมื่อวานอาจจะมีการสับสนระหว่างโบรกเกอร์กับผู้จัดการ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่พี่เลี้ยง”
โต้ไม่เคยเห็นหน้าตาเอกสารสัญญาเลย หลังทางกองบอกว่าเคนหลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญา คาดอาจจะเกิดจากการสื่อสารผิดพลาด
เคน : “เรื่องของการหลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญา ถ้าทางผู้ใหญ่แจ้งว่าเราหลีกเลี่ยง แล้วทุกคนของทางบริษัทที่เข้าไปช่วยทางกองประกวด พนักงานทุกคนได้เซ็นกันหมดทุกคน ฉะนั้น นั่นหมายความว่า วันนั้นทุกคนเข้าประชุม แล้วทำไมผมถึงไม่ได้เอกสาร ทำไมผมถึงไม่ได้เซ็น ผมไม่เห็นหน้าตาเอกสารเลยครับ
การที่ทางกองคิดว่าเราได้รับเอกสารแล้วแต่ไม่ยอมเซ็น น่าจะเป็นการคลาดเคลื่อนของการพูดคุยและการสื่อสารกันมากกว่า เพราะจริงๆ ถ้าผมได้รับเอกสาร แล้วทุกคนได้เซ็นเอกสารพร้อมกัน ผมก็น่าจะต้องรู้และต้องผ่านตาและเห็นบ้าง แต่วันนั้นผมไม่ได้ไปประชุมแน่นอน ถ้าผมไปประชุมแล้วเห็นเอกสารฉบับนี้ แน่นอนเรื่องทุกวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
เพื่อนๆ เราก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องเอกสารเลยครับ หลักๆ เราแค่จะคุยกันว่าขายอะไรได้หรือยัง ตามอันนั้นได้ไหม เป็นแบบนี้ซะมากกว่า เราไม่รู้เลยว่าเพื่อนๆ ได้เซ็นเอกสาร เพราะไม่มีใครพูดถึงเลย แล้วเรื่องของการผิดกฎกติกาของกองประกวดเนี่ย เอาเข้าจริงๆ นะครับ ด้วยตัวเอกสารเราก็ไม่เห็น เรื่องของกฎเราก็ไม่ได้ศึกษามาก่อน ว่ามันมีปลีกย่อยอย่างไรบ้าง”
ความรู้สึกหลังโดนตัดสิทธิ์รอบ 30 คน ก็น้อมรับการพิจารณาของกองประกวด ทำใจไว้แล้ว แต่พอเกิดขึ้นจริงๆ ก็เสียดายเหมือนกัน
เฌอเอม : “เอมก็ขอน้อมรับการพิจารณาของกองประกวดค่ะ คือจริงๆ ก็รู้อยู่แล้ว ว่าอาจจะเกิดขึ้น แต่ว่าพอมันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็เสียดายค่ะ เพราะเรารู้สึกเหมือนว่าเรายังทำอะไรสักอย่างไม่เสร็จ เหมือนเราถูกทำให้ต้องยุติก่อนที่เราจะได้รู้ว่าผลลัพธ์มันเป็นยังไง เราจะทำได้ดีที่สุดไหม ก็เลยมีความรู้สึกเสียดาย เราอาจจะกังขากับความสามารถของตัวเองในอนาคตค่ะ
เอมเสียใจที่สุด ที่เรื่องมันเลยเถิดมาเป็นแบบนี้ เพราะว่ามันเกิดจากความเข้าใจผิดเล็กน้อยจริงๆ แล้วเอมก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าเราสื่อสารกันดีกว่านี้ ถ้าไม่มีการโพสต์เกิดขึ้น ตอนนี้เรายังจะทำกิจกรรมอยู่ไหม หรือว่าเราจะเป็นยังไง ถามว่าเอมคิดว่าเอมผิดกติกาของการประกวดไหม เอมต้องการ MOU คู่สัญญาค่ะ เอมต้องการเวลาที่จะอ่านมัน แล้วปรึกษากับทนาย เพราะหากบอกว่าสัญญารักษาความลับ ความลับก็ไม่เคยแพร่ออกไปที่ไหน หากบอกว่าห้ามมีพี่เลี้ยงเป็นคนในกอง วันที่เอมอยู่ในกองพี่เคนก็ไม่เป็นพี่เลี้ยง และวันที่พบพี่ปุ้ยกับพี่ณะ (ณรงค์ เลิศกิตศิริ) เอมและพี่เคนไม่ได้เข้ากองค่ะ”
หลังจากนี้ จะเดินหน้าต่อไปในอนาคตอย่างไรยังไม่ได้คิดไว้ ขอบคุณเวที MUT 2020 ที่มาเป็นช่วงเวลาดีๆ ในชีวิต
เฌอเอม : “เอมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ค่ะ แล้วก็คิดว่าตอนนี้คงจะพักไปก่อน เพราะเราก็อยากจะเคลียร์หลายๆ อย่างให้จบ แล้วที่สำคัญก็คือเอมคิดว่าหลายอย่างค่ะ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาของเรา ไม่ใช่ข้อกล่าวหาในทางกฎหมายนะคะ แต่เป็นสิ่งที่คนคิดว่าเราเป็น บางทีมันต้องใช้เวลา เมื่อเรื่องมันยังสดใหม่ ยังร้อนแรง มันอาจจะมีหลายอย่าง ที่มันดูย้อนแย้งไม่ลงล็อก หรืออาจจะเป็นความรู้สึกในใจของผู้ดู ก็อยากจะบอกว่าเอมก็ตั้งใจใช้ชีวิตต่อไปแบบปกติอย่างสุจริต และที่สำคัญก็คือไม่ว่าเอมจะอยู่ในวงการหรือในตำแหน่งอะไรต่อหรือไม่ เอมอยากจะขอบคุณเวทีที่ให้โอกาส ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตของเอม
แล้วก็หลังจากถ้าคุณพบเจอเอมข้างนอก ไม่ว่าเอมทำอะไรอยู่ ก็อยากจะให้ลบภาพ เฌอเอมทิ้งไป ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่อยากจะคิดถึงเรื่องตอนนี้ แต่เป็นเพราะเราอยากให้คนจำแค่สิ่งที่เราทำให้สังคมจริงๆ หนูไม่อยากยึดติดกับสิ่งที่เรามีตอนนี้ แล้วคิดว่ามันจะอยู่กับหนูตลอดไป”
จะสู้ต่อหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป คงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน ขอบคุณกองประกวดด้วยใจจริง ให้โอกาสได้พูดในสิ่งที่สำคัญ และขอโทษที่ทำหลายคนต้องผิดหวังกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
เฌอเอม : “จริงๆ เมื่อวานก็บอกไปแล้วนะคะ ว่าไม่ได้อยากฟ้องร้อง แล้วก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เพราะคิดว่าท้ายที่สุด ความกระจ่างใสมันก็ดีกว่า แต่ยังไงก็ตามเรายังไม่รู้ว่ามันจะมีการดำเนินอะไรต่อไหม จากทางเวทีด้วย เพราะฉะนั้นจะขอดูสถานการณ์ก่อนค่ะ”
เคน : “เรื่องกฎหมายเราให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะเรายังไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เดี๋ยวจะอธิบายก่อน ว่าตลอดระยะเวลาการทำงานมา ผมไม่เคยได้รับเงินสักบาทเลย แม้แต่แดงเดียวจากการทำงานในครั้งนี้ครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าน้องๆ ก็ได้รับเงินกันบ้างแล้วหรือยังครับ”
เฌอเอม : “ก่อนอื่นก็ขอขอบพระคุณทางกองประกวดจากใจจริง ที่ทำให้เอมได้มีโอกาสขึ้นมาพูดในเรื่องที่เอมรู้สึกว่ามันสำคัญ แล้วมีโอกาสให้เราพิสูจน์ว่าทุกอย่างในชีวิตที่เราประสบมานั้น มันเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลบางประการ แล้วเราได้ใช้ความรู้สึกในอดีตเหล่านั้น เพื่อทำให้ผู้คนในปัจจุบันมีแรงบันดาลใจ แล้วก็มีความสุข
แม้ว่าเอมจะทำให้หลายคนผิดหวัง แล้วก็ทำให้ความฝันของหลายคนที่ฝากไว้กับเอม พังทลายลงไปด้วย ด้วยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุการณ์ในคืนนั้นคืนเดียว เอมก็อยากบอกทุกคนว่ามันคงจะดีกว่า ถ้าทุกคนมีความฝันเป็นของตัวเอง และรู้จักลุกขึ้นมาหลังจากที่ล้ม อย่างในวันนี้ค่ะ
ถ้าใครอยู่กับเอมแล้วก็ให้โอกาสเอม เอมก็จะจำตลอดไป เพราะอย่างที่เอมพูด ในวันออดิชัน ก็คือ (เสียงสั่น) โอกาสเป็นเพียงความเมตตาที่เล็กน้อยเท่านั้น วันหนึ่งเอมก็อาจจะเป็นโอกาสให้กับหลายๆ คนก็ได้ แม้ว่าเอมอาจจะไม่ได้มีพร้อมในสายของใคร แต่ขอให้เก็บแค่สิ่งดีๆ เอาไว้ก็พอค่ะ”
สะเทือนใจ ไม่เคยได้ปกป้อง “วีณา ปวีณา ซิงห์” ลั่นไม่ทันได้คิดถึงใจเขาใจเรา ขอโทษวีณาด้วย
“เอมคิดว่าเอมได้ให้กำลังใจคนไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นที่ตรงนี้ เอมขอใช้ในการแสดงความรับผิดชอบค่ะ เอมมีเรื่องเดียวที่สะเทือนใจที่สุด นั้นคือ เรื่องที่เมื่อก่อน ก่อนที่จะรู้จักกับวีณา เอมไม่ได้ออกบอกปกป้องเขา ในเวลาที่มีคนพูดถึงเขา ไม่ว่าจะด้วยความสนุก หรือว่าความตลกขบขันก็ตาม แล้วเอมก็อยากจะบอกทุกคนว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี หรืออาจจะขำๆ เราอาจจะฉุกคิด และก็ควรจะปกป้องคนคนนั้น เพราะไม่มีใครสมควรที่จะถูกกลั่นแกล้ง หรือว่าพูดจาในเชิงนำมาทำเป็นตัวตลกค่ะ ซึ่งตอนนั้นต้องยอมรับว่าเอมไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นเอมก็เลยไม่ทันจะคิดถึงใจเขา เอมต้องของโทษวีณาด้วยจริงๆ แล้วก็ขอบคุณกับมิตรภาพที่วีณามีให้เอมมาตลอดค่ะ”