xs
xsm
sm
md
lg

เผยมุมนักสู้ “ซามีน่า” นางงามบ้านจน ถูกบูลลี่ ชีวิตไม่มีต้นทุน ต้องเด็ดผักบุ้งต้มเกลือกิน ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ “ซามีน่า สิริลักษณ์ ทรงศรี” นางงามบ้านจนสู้ชีวิต ไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว ต้องเด็ดผักบุ้งต้มเกลือกิน บ้านถูกตัดน้ำตัดไฟ รับจ้างล้างจานหาเงินส่งตัวเองเรียน ลั่นความฝันสูงสุดคือประกวดนางงาม ถูกเหยียดมาทั้งชีวิตแต่ไม่ยอมแพ้ บอกภูมิใจในตัวเอง มั่นใจสวยตั้งแต่เด็กแล้ว รักแม่มากเพราะสู้มาอย่างยากลำบาก เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ

เป็นนางงามผิวสีที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งบนเวทีประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 สำหรับ “ซามีน่า สิริลักษณ์ ทรงศรี” ซึ่งแม้ภาพที่เห็นเธอจะพกความมั่นใจมาเต็มกระบุง แต่อีกด้านหนึ่งชีวิตเธอกลับไม่มีต้นทุน วัยเด็กสุดลำบาก ยากจน ไม่มีเงินติดตัว ต้องรับจ้างล้างจานหาเงินส่งตัวเองเรียน เด็ดผักบุ้งต้มเกลือกิน เธอเผยว่าการขึ้นเวทีประกวดในครั้งนี้เป็นความฝัน ไม่ได้หวังให้ใครต้องมาซัปพอร์ต แต่อยากให้ทุกคนเห็นว่าเธอเจ๋งที่มาถึงจุดนี้ได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ อีกหลายคน 
 
“มาถึงรอบ 30 คน รู้สึกดีใจค่ะ เพราะว่าตอนแรกแอบกังวล ปีนี้คนที่เข้ามาในรอบ 100 คน มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มีศักยภาพหมดเลย ทุกคนไม่มีใครช็อตไมค์เลยเพราะฉะนั้นที่ตรงนี้มันเลยค่อนข้างแคบ จะเป็นใครก็ได้ใน 100 คน ที่เหลือ 30 คน แต่พอสุดท้ายเราเข้ามาได้ก็แฮปปี้ค่ะ”

ลั่นถึงเป็นนางงามผิวสีที่ถูกเลือก แต่มั่นใจมีศักยภาพ
“มีหลายกระแสหลายคนจากที่หนูเคยเจอมาก็จะพูดว่าที่เขาให้เข้า 30 คน ก็จะเอามาแค่เป็นกระแส แต่ ณ จุดนี้หลายคนคงรู้แล้วว่าหนูมีศักยภาพ พกความมั่นใจ 200% เลยค่ะ หนูรู้สึกว่าที่หนูมั่นใจน่าจะเป็นสกิลในการพูด เพราะหนูเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ มันจะมีชุดคำพูดว่ามันติดมากับเรา หนูสามารถคิดคำพูดได้เร็ว จะขมวดและรวบคำ หลักๆ คือหนูเรียนกฎหมาย และจะมีเรื่องของการประมวลกฏหมายมาด้วยค่ะ หนูเรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ”

รับเป็นลูกครึ่งไทย-แอฟริกัน-อเมริกา ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ
“หนูเป็นลูกครึ่งไทย-แอฟริกัน-อเมริกันค่ะ แม่ไทย พ่อเป็นแอฟริกัน-อเมริกัน หนูไม่ได้ติดต่อพ่อเลยค่ะ ไม่เคยเห็นหน้า ตั้งแต่มีหนูก็คือขาดการติดต่อไปเลย แยกกันตั้งแต่เด็กไหม ไม่รู้เลยค่ะ ไม่เคยเจอหน้ากันเลย แล้วหนูก็ไม่ได้ถามเรื่องคุณพ่อกับแม่เลย เพราะว่าอย่างที่บอกแม่ค่อนข้างเข้มแข็งมาก เลี้ยงหนูแบบเต็มที่มาก ถึงแม้มันจะค่อนข้างยากลำบาก แต่เขาไม่ได้ทำให้หนูรู้สึกว่าบกพร่องในเรื่องของพ่อ หนูก็เลยไม่ได้ถามตรงนั้น และอีกอย่างก็รู้สึกว่า ถ้าเขาอยากจะเล่า เขาคงเล่าเอง หนูมีพี่น้อง 4 คน มีพี่สาว พี่ชาย แล้วก็หนู และน้องสาวค่ะ แต่ซามีน่าเป็นผิวสีคนเดียว”

ไม่เคยคิดอยากตามหาคุณพ่อ อยู่ตรงนี้ก็มีความสุข
“ไม่นะคะ หนูอยู่ตรงนี้หนูมีความสุขดี แต่ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้เจอก็อยากรู้แหละ เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา เราก็อยากรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร ทัศนคติเขาเป็นอย่างไร วิธีการพูด วิธีการคิดเขาเป็นอย่างไร ก็อยากทำความรู้จักเหมือนกัน คือหนูไม่ได้รู้มาตั้งแต่แรก แม่มาบอกตอนหนูอายุ 15 ปี ว่าพ่อแม่แยกทางกัน เธอมีพ่อ หนูเลยชินกับการที่ไม่ได้พูดถึงพ่อ และไม่ได้รู้สึกว่าต้องเจอหรืออะไร แต่ถ้ามีโอกาสได้เจอหนูอยากเจออยู่แล้ว ถามว่าอยากใช้ตรงนี้ตามหาพ่อไหม ถ้ามันเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ทำให้ได้เจอกัน หนูก็คิดว่าเป็นทิศทางที่ดีนะคะ เพราะอย่างน้อยที่สุดเราก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร”

ชีวิตวัยเด็กอยู่ชนบท แต่มีความสุข
“หนูอยู่กับแม่ที่จังหวัดสระบุรีค่ะ เรียนโรงเรียนออกแนวชนบทหน่อย แต่ก็มีความสุขนะคะ การเดินทางอาจจะยากลำบาก ไกลนิดนึง แต่ว่าอย่างอื่นก็ไม่ได้มีอุปสรรค หนูใช้ชีวิตปกติเลย เช้าก็ตื่นไปให้ทันรถโดยสารรอบ 6 โมงตรง ถ้าพลาดรอบนี้หนูจะไปสาย เพราะฉะนั้นต้องตื่นให้ทันรอบนี้ทุกๆ วัน นั่งรถโดยสารประมาณ 7-10 กิโลฯ ไป-กลับโรงเรียน แล้วบวกกับตอนที่หนูเรียน หนูชอบทำกิจกรรมมาก หลังเลิกเรียนหรือพักกลางวันก็จะใช้เวลาทำกิจกรรม”

ถูกบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก แต่ได้ความมั่นใจจากแม่ ไม่สู้ ไม่สตรอง แม่จะตีซ้ำ
“หนูเป็นคนมั่นใจแบบนี้มานานแล้วค่ะ มันเกิดจากแม่ คือตอนแรกที่หนูไปโรงเรียนวันแรก วันนั้นหนูโดนล้อที่โรงเรียนหนักมาก แล้วกลับมาหาแม่และบอกเขาว่า หนูไม่อยากไปโรงเรียนเลย มันไม่สนุก มีแต่คนว่าหนู เขาว่าทุกอย่างเลย แต่ตอนนั้นหนูไม่ได้โกรธนะ แต่หนูไม่เข้าใจ เพราะหนูเห็นคนไทยที่ผิวคล้ำเท่าหนูหรือมากกว่าหนู แต่ก็ยังมีคนมาล้อหนูว่าผิวดำ หนูเห็นคนที่ผมหยิกเท่าหนู แต่ก็ยังล้อหนูว่าผมหยอง หนูก็เลยไม่เข้าใจว่าเรากับคุณต่างกันอย่างไร ตอนเด็กเราไม่เข้าใจเรื่องเชื้อชาติ เลยจะงงๆ มากกว่า แต่พอโดนอย่างนี้ทุกวันเลยไม่โอเค

พอโดนล้อหนูเลยกลับมาคุยกับแม่ว่าไม่โอเคเลย แม่เลยพูดว่าเอาอย่างนี้ ถ้าไปแล้วโดนแกล้ง โดนว่าแล้วไม่สู้ เธอคาดหวังอะไร แบบไม่สู้เองแล้วรอให้ใครช่วย เขาก็เลยบอกว่าถ้าวันไหนกลับมาแล้วโดนแกล้ง เขาจะตีซ้ำเท่าจำนวนที่โดนมา หมายความว่าเขาสอนให้เราต้องสู้ตั้งแต่เด็กค่ะ”

มั่นใจสวยตั้งแต่เด็ก
หนูไม่ได้มีปัญหากับรูปร่างหน้าตาตัวเองนะ หนูออกจะภูมิใจด้วยซ้ำ หนูรู้สึกว่าตัวเองสวยตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าหน้าหนูมันแย่หรืออัปลักษณ์ แล้วหนูภูมิใจของหนูมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งพอแม่มาพูดอย่างนี้ ยิ่งทำให้หนูมีความมั่นใจไปอีก ครอบครัวเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดและอบอุ่นที่สุดสำหรับหนู พี่น้องหนูถึงจะเป็นเอเชีย แต่ทุกคนในบ้านไม่เคยพูดหรือล้อหนูเรื่องสีผิวแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำเขาออกรับหนูแทนด้วย คนกลุ่มนี้คือคนที่ซัปพอร์ตหนูและดูแลหนูมากที่สุด ครอบครัวมันก็เลยดีมั้งคะ ส่งให้หนูมั่นใจไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้”

เผยชีวิตที่ไม่มีต้นทุน แต่ผ่านมาได้ ต้องเริ่มจากรักและภูมิใจในตัวเอง
“จริงๆ หนูไม่ได้อยากบอกอะไรเขานะคะ ถ้าเขาคิดได้ตั้งแต่แรก อะไรพวกนี้มันก็จะไม่ออกมาอยู่แล้ว มันเป็นระบบความคิด กระบวนการความคิดของแต่ละบุคคลไป ซึ่งหนูคอนโทรลไม่ได้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายที่สุด ถ้าหนูอยากจะบอก ณ จุดนี้ หนูอยากจะบอกกับเด็กหลายๆ คนที่ยังผ่านตรงนี้ไปไม่ได้มากกว่า แน่นอนว่าแต่ละคนต้นทุนไม่เท่ากัน ครอบครัวอาจจะไม่ได้อบอุ่นเท่าหนู บางครอบครัวอาจจะไม่ได้ซัปพอร์ตมากขนาดนี้ แต่ให้ดูเราว่าเราแทบไม่มีต้นทุนอะไรเลยในชีวิต แต่ท้ายที่สุดเรายังผ่านมาได้ มันเริ่มจากข้อเดียวคือเรารักและภาคภูมิใจในตัวเอง ถ้าเราเริ่มจากข้อนี้ได้ คุณทำอะไรก็ได้แล้วในโลกนี้”

รับชีวิตลำบาก เคยถูกตัดน้ำตัดไฟ ต้องจุดเทียนอ่านหนังสือ แต่ชินกับความลำบาก
“ลำบากค่ะ เราอยู่กับการที่เดี๋ยวโดนตัดน้ำตัดไฟ ไฟโดนตัดเพราะเราไม่มีเงินจ่าย เดี๋ยววันนี้มีน้ำ อีกสักพักไฟตัด จุดเทียนอ่านหนังสือ เขียนหนังสือเป็นเรื่องปกติ หนูชินมั้ง เลยไม่รู้สึกลำบากอะไร

คือบ้านหนูมันจะเป็นเหมือนฝายข้ามน้ำ แล้วน้ำจะท่วมทุกปี เพราะฉะนั้นชุดนักเรียนที่หนูจะไปโรงเรียนทุกวันก็จะเป็น เสื้อนักเรียน กางเกงสเตย์ แล้วถอดกระโปรงพับใส่ถุงใส่กระเป๋านักเรียน เอารองเท้าใส่กระเป๋า แล้วก็จะเดินข้ามน้ำมา พอมาถึงก็จะไปขอล้างเท้าที่บ้านเพื่อน เปลี่ยนชุดแล้วค่อยขึ้นไปโรงเรียน ช่วงไหนที่ไฟตัด หนูก็จะใส่ชุดที่ยับไปก่อน แล้วไปถึงโรงเรียนให้เร็วที่สุด แล้วเข้าไปหาครูที่ปรึกษาเพื่อเอาเตารีดไปรีดผ้า มันมีวิธีแก้ปัญหา หนูเลยต้องแก้ปัญหาก็ไปโรงเรียนให้เช้าที่สุด สุดท้ายหนูมีเสื้อผ้าเรียบ ไปทันเข้าแถวเช้าทุกวัน”

เป็นเสาหลักให้ครอบครัว ตั้งแต่อายุ 15 รับจ้างล้างจาน หาเงินเรียน
“ภาระการเลี้ยงดูทั้งหมดคืออยู่ที่แม่ แม่หนูเขาประสบอุบัติเหตุประมาณช่วงหนูอายุ 14-15 ปี แขนข้างหนึ่งของแม่จะใช้การไม่ได้ ทำงานหนักไม่ได้ คือค่าใช้จ่ายก็เริ่มไม่พอแล้ว แต่เมื่อก่อนถึงมีไม่เยอะ แต่ก็พอใช้จ่ายในบ้าน พอเขาใช้จ่ายไม่ได้ หนูก็เริ่มผันตัวเองมาเป็นเสาหลักแล้ว พออายุ 15 ปุ๊บ สิ่งแรกที่ทำคือไปสมัครงานเซเว่น พอกลับมาก็ไปรับจ้างล้านจาน เพื่อเอาเงินตรงนั้นมาเรียน เสาร์-อาทิตย์ไปรับจ้างตัดข้าวโพด เพื่อวันจันทร์-ศุกร์จะได้มีเงินไปเรียน”

เผยแรงบันดาลใจที่ทำให้ก้าวผ่านอุปสรรคในชีวิต
“มันมีช่วงที่ผ่านไปไม่ได้อยู่นะคะ แต่ว่าหนูรู้สึกว่าหนูรักตัวเอง ไม่อยากเห็นตัวเองเศร้า มันมีซีนนึงที่หนูรู้สึกว่าอันนี้มันจะไม่เกิดขึ้นกับหนูอีกแล้ว จะไม่ร้องไห้กับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว คือหนูโดนเพื่อนว่ามากจนเก็บไปฝันว่า ถ้าตื่นเช้ามาแล้วผิวขาว ทุกคนจะรักเรา พอตื่นเช้ามาอันดับแรกที่ทำคือ เอาสก๊อตไบร์ทมาขัดตัวหนูเพื่อให้ขาวขึ้น แต่สุดท้ายมันแสบ มันไม่ช่วยอะไร ถึงเรานอนตื่นมาผิวเราก็ยังสีนี้อยู่ ผมเราก็ยังหยิกอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้

แล้วแม่หนูเองเขาไม่เคยพูดเลยนะว่า เธอต้องขาวขึ้นนะจะได้สวยเหมือนลูกบ้านนั้น ต้องหนีบผมสิ จะได้สวยเท่าลูกบ้านนี้ เขามีแต่บอกว่า แบบนี้แหละสวย แบบนี้แหล่ะดี เป็นตัวเองแบบนี้สวยแล้ว หนูก็เลยผ่านตรงนั้นมาได้ และรู้สึกว่าถ้าหนูล้ม ใครจะซัปพอร์ตแม่และน้อง เพราะเรามีกันแค่นี้ ไม่มีญาติเยอะ เราต้องดูแลซึ่งกันและกันเอง ที่หนูผ่านตรงนั้นมาเพราะอยากให้แม่สบาย และคุณภาพชีวิตของแม่ดีขึ้น เพราะตอนนี้หนูก็เป็นเสาหลักของที่บ้าน ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ”

รับไม่เคยมีเงินแม้แต่บาทเดียว ต้องเด็ดผักบุ้งต้มใส่เกลือ
คำว่าไม่มีแม้แต่บาทเดียวเกิดขึ้นกับหนูนะ หนูจะต้องขึ้นรถโดยสาร 10 บาท สิ่งที่หนูทำก็คือ หนูต้องไปโรงเรียน แล้วพอลงรถก็ได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณค่ะ(ไหว้ขอบคุณคนขับรถโดยสาร?) แล้วเดินเข้าโรงเรียน หนูก็บอกเขาว่า พี่คะ ถ้าวันไหนหนูมี หนูจะเอามาคืนนะ พี่เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร มันไม่มีคือมันไม่มีจริงๆ วันไหนไม่มีข้าวกิน หนูกับแม่ก็ต้มน้ำร้อน แล้วที่บ้านจะมีบ่อปลาข้างบ้านถัดไป 4 บ่อ เราจะเด็ดผักบุ้งมาต้มใส่เกลือ แล้วมานั่งกินกับแม่ เราก็ขำกัน เพราะหนูเคยผ่านมาแล้ว เจออีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร ไม่ได้มานั่งโอดโอยอะไร”

จุดเปลี่ยนทำให้เข้ามาประกวด มาเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเจ๋ง และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน
อันแรกเลยคือหัวข้อของเวทีค่ะ Real You, Real Universe เวทีนางงามเขาจะต้องโฟกัสความงามจากภายนอกอยู่แล้ว อย่างน้อยบุคลิกภาพต้องดี ทีนี้เราจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่นเขา พอมีคีย์เวิร์ดนี้มา (Real You, Real Universe) เราเป็นตัวเองได้ 100% คนเรามันหลากหลาย มีความงามได้ทุกรูปแบบ แล้วเวทีนี้เปิดกว้างมาก ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ไม่ได้โฟกัสว่าเราต้องเป็นผิวสี หรือต้องเป็นแบบพิมพ์นิยมจริงๆ ถึงจะประกวดได้ ต้องขอบคุณโอกาสที่ให้เราจริงๆ ทุกๆ อย่างให้เราปล่อยของได้ทำเต็มที่ หนูก็เลยมา

หนูมาประกวด ไม่ได้มาเพื่อจะบอกว่า มาจ้างงานหนูนะ หรือมาเพื่อให้ซัปพอร์ตหนูนะ หนูมาแค่ว่าในจุดนี้ หนูมาเพื่อให้คนอื่น ให้เด็กรุ่นใหม่มองมาแล้วรู้สึกว่า พี่คนนี้เจ๋งว่ะ ผ่านมาได้ ทำไมฉันจะผ่านไม่ได้ หนูมาเพื่อให้คนอื่น มาเพื่อจะส่งต่อให้สิ่งที่เขามีอยู่ ให้กับผู้หญิงทุกคนในโลก ไม่ได้มองแค่ปัญหาในประเทศไทย เพราะปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ สีผิว มันเป็นปัญหาของคนทั้งโลก มันไม่ได้รับการแก้ไขแบบตรงจุดสักที”

ความมั่นใจของใครๆ ก็สู้หนูไม่ได้
“จริงๆ หนูคาดหวังให้ได้มากที่สุดค่ะ อย่างที่บอกเขาไม่ได้วัดความงามกันอย่างเดียว ถ้าวัดความงามแบบพิมพ์นิยม หนูบอกเลยว่าหนูไม่สู้ใคร แต่ความมั่นใจใครก็ไม่สู้หนูเหมือนกัน

เผยภาพที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ เป็นห้องเช่าของตน
“ใช่ค่ะ ตอนแรกหนูเคยมาเช่าห้องตรงนี้อยู่แล้ว ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง แล้วพอเรียนจบก็กลับไปอยู่สระบุรี เพราะมีค่าใช้จ่ายเยอะ แล้วตอนช่วงประกวดหนูไป-กลับกรุงเทพ-สระบุรี ซึ่งมันนั่งรถไป-กลับ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ การประกวดมันต้องใช้สมองหนัก ร่างกายมันต้องพร้อม ต่อให้หนูมีศักยภาพขนาดไหน แต่พักผ่อนไม่พอ มันก็ตอบเอ๋อได้ เพราะว่าเขาวัดหนูทุกวินาที เช็กตั้งแต่เดินเข้ากองประกวดเลยว่าคุณขาดตรงไหน คุณบกพร่องในเรื่องอะไร มันจะใช้ในการเก็บคะแนนทั้งหมด หนูไม่อยากให้พลาดสักจุดเดียว หนูก็เลยมาเช่าห้องอยู่

แต่ทีนี้ในรอบ 30 คน หนูก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะเข้ารอบ เลยคุยกับแม่ว่าอย่างไรดี ถ้าเราไม่เข้ารอบ 30 คน ก็แป๋วเลย เพราะว่าต้องมัดจำห้อง 3 เดือน แม่ก็บอกว่าลองดูก่อนไหม อย่างน้อยถ้าไม่เข้ารอบ 30 คน ก็ลองคิดดูว่าจะทำอะไรต่อไปได้บ้าง ก็เลยเช่าก่อนวันออดิชั่นค่ะ ประมาณวันที่ 6 ก.ย. ค่าเช่าเดือนละ 1,500 บาทค่ะ แล้วข้าวของมันก็เยอะ เพราะไม่มีเวลาจัด คือหนูขนมาก่อนทั้งหมด ก็เลยเละเทะไปทั้งหมด พอเราได้เข้ารอบ 30 คน ก็โอเค เงิน 1,500 บาทที่เราจ่ายไปมันก็ไม่เสียฟรีค่ะ มันอยู่ไกลนิดหน่อย อาจจะต้องตื่นเช้านิดนึง แต่มันก็เซฟหนู อย่างที่บอกไม่รู้เราจะเข้ารอบ 30 คนไหม ถ้าหนูจ่าย 3,500-4,000 บาท ก็เท่ากับหนูอยู่ได้ 2 เดือน ไหนจะค่ารถ ค่ากินอีก

ห้องที่หนูอยู่เป็นห้องเปล่า สภาพอย่างที่เห็นเลย หนูอยู่ได้ค่ะ สำหรับหนูก็แค่ที่นอนค่ะ แม่ก็มาอยู่ด้วย คือหนูเป็นห่วงแม่ บ้านที่สระบุรีถึงจะเป็นบ้านไม้ปกติ แต่มันกว้างกว่านี้ แม่หนูสุขภาพไม่ค่อยดีด้วยเลยเป็นห่วงเขา อีกอย่างคือพอหนูมาทำกิจกรรมก็จะไม่มีคนดูเขา เลยเป็นห่วงตรงนี้มากกว่า”

เครียดเงินเก็บสะสมหมดไปเพราะโควิด
“ตอนแรกหนูเครียดมาก ตอนแรกสะสมเงินไว้ก้อนนึง แต่มาเจอช่วงโควิด เลยทำให้ต้องเอาเงินก้อนนั้นมาใช้หมดเลย พอหมดปุ๊บมันก็เครียด หนูเลยโพสต์ในโซเชียลว่า ใครที่สามารถซัปพอร์ตหนูได้ก็สามารถจ้างงานได้ เพราะหนูไม่อยากรับเงินจากใคร รู้สึกว่าถ้าจ้างงานหนู หนูก็ทำงานให้ ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกัน เพราะถ้าอยู่ๆ คุณโอนเงินมาให้เฉยๆ หนูรู้สึกว่าเราได้เฉยๆ รู้สึกไม่สบายใจ แต่โชคดีที่เพื่อนๆ สมัยมัธยม และผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเรา เขาก็รวมเงินมาให้หนูส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะได้ต่อยอดได้ ก็เลยมีค่ารถไป-กลับ ตอนที่มาประกวดหนูจ่ายเองทั้งหมดทุกอย่างค่ะ เพราะไม่มีทีมซัปพอร์ตค่ะ แต่พอมาตรงนี้ก็จะมีเพื่อนๆ ที่เคยทำงานด้วยกัน เขาก็จะมีคอนเนกชั่นมาแนะนำเรา”

การประกวดนางงามเป็นความฝันสูงสุดในชีวิต
แม่เขาก็บอกว่าทำเลย ไปเลย เธอทำได้ ทำไปเถอะ เขารู้ว่าหนูชอบตรงนี้ จริงๆ การประกวดนางงามเป็นความฝันสูงสุดในชีวิตหนูเลยนะ ซึ่งพอหนูพูดปุ๊บ คนจะบอกว่า อย่าไปเลย ไม่สวย ไม่ขาว ทำไม่ได้ และเขาก็บอกว่า ถ้าสมมติว่าเธอฟลุคได้ แล้วไปยืนตรงนั้นเธอก็บอกคนอื่นไม่ได้อยู่ดีว่าเป็นตัวแทนประเทศไทย หนูก็อยากจะถามกลับนิดนึงนะ ทุกวันนี้เขาแบ่งจากอะไรว่าใครไทยไม่ไทย หนูกินอาหารไทย พูดภาษาไทย หนูเกิดที่นี่ ภาษาอังกฤษแทบจะพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วทำไมตัดสินว่าหนูเป็นตัวแทนประเทศไทยไม่ได้”

หวังว่าหลังจบการประกวด ชีวิตจะเปลี่ยนแปลง
หนูว่าก็ต้องหวังอยู่แล้วค่ะ เราจะทำสิ่งอื่นใดในชีวิต เราไม่นึกถึงการก้าวหน้าในชีวิตเหรอ ถ้าอย่างนั้นนอนอยู่บ้าน ไม่ต้องมา ถูกไหมคะ เราคาดหวังให้มันดีขึ้นไปอยู่แล้ว และถ้าเกิดชีวิตหนูดีขึ้น คนข้างหลังก็ดีด้วย แม่ก็สบาย พี่น้อง หลานหนูก็ดีขึ้น มันไม่ได้ดีขึ้นแค่หนูคนเดียว ถ้าคุณซัปพอร์ตเรามา คุณช่วยอีกหลายๆ คนในชีวิตด้วย ก็ฝากเป็นกำลังใจด้วยนะคะ กับ MUT 50 ซามีน่า สิริลักษณ์ ทรงศรี ค่ะ”















Cr.ขอบคุณเจ้าของภาพ






กำลังโหลดความคิดเห็น