“แนท อนิพรณ์” เผยรู้เรื่องเจ้าหนี้ทวงหนี้แม่หลักล้านพร้อมทุกคน แจงเหตุผลไม่คุยกับแม่ไม่เกี่ยวแม่ขายข้าวของที่ซื้อให้ทุกอย่างแค่ของนอกกาย ดีใจแม่ปกป้องหวั่นเจ้าหนี้ระราน ชี้ แม่พร้อมเมื่อไหร่ให้มาเคลียร์ ลั่นที่ผ่านมา โอนไว ใจถึงให้แม่ตลอด แต่หากต้องซัปพอร์ตหนี้แทนแม่ ขอกลับไปคุยกันภายในครอบครัว เพราะตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องเลี้ยงดูตายาย เชื่อแม่สตรองกว่าจะถึงจุดนี้
หลังจากที่ “แม่ต่าย” แม่นางงามดัง “แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” ถูกเจ้าหนี้รวมตัวแฉโกงเงินหลักล้าน โดยหลอกชักชวนทำโมเดลลิ่ง แต่ไม่ได้เงินคืน แถมท้าทายให้แจ้งความ ต่อมาแม่ตายไปออกรายการโหนกระแส พร้อมรับผิดชอบหนี้ทั้งหมด ไม่หนี ขอแค่อย่าระรานลูกและอย่าเอาลูกมาข่มขู่ สารภาพต้องขายทรัพย์สินที่แนทซื้อให้ ทั้งรถ เพชร เอามาใช้หนี้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอตัว แนท อนิพรณ์ เจ้าตัวเลยชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยเผยว่าตนก็รู้ข่าวพร้อมทุกคน ส่วนสาเหตุที่ไม่คุยกับแม่ ไม่เกี่ยวกับแม่ขายรถ ขายเพชรไปหมดแล้ว แค่งอนกันแบบเด็กๆ
“จริงๆ หนูก็รับรู้พร้อมกับทุกๆ คนนะคะ อันนี้คือเรื่องจริง หนูรับรู้ข้อมูลที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนหรือใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับเจ้าหนี้พร้อมกับทุกๆ คนเลยค่ะ เราไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ก็มารับทราบพร้อมกับทุกคน”
ไม่คิดว่าการไม่คุยกันเพราะงอนกันแบบเด็กๆ จะทำให้ไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนี้
“จริงๆ หนูกับแม่เรางอนกันบ่อยอยู่แล้วค่ะ งอนตามประสาเด็กขี้น้อยใจ และหนูก็จะแบบ...เมื่อไหร่แม่จะทักมานะ คือเป็นการงอนกันเล็กๆ น้อยๆ แต่ด้วยความที่หนูไม่คิดเหมือนกันว่าการที่เราไม่ได้คุยกันเยอะๆ มันจะทำให้เราไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้เราจะคุยกันบ้าง แต่ก็แค่ประปรายเท่านั้น ไม่ได้ลงดีเทลลึกๆ เลย
ที่แม่บอกว่าไม่ได้คุยกันเป็นปี ถ้าเจอกันแบบตัวต่อตัวก็คือเป็นปีค่ะ เพราะหนูจะมีบ้านที่อยู่กับคุณตาคุณยาย และบวกกับช่วงหลังมานี้หนูทำงานค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตอนที่ถ่ายละครเรื่องรักสิบล้อ ตอนนั้นหนูเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลยด้วย หนูจะอยู่กับคุณน้าเป็นหลัก เพราะคุณน้าจะคอยดูแลรับส่ง”
เผยของที่ขายเป็นของนอกกาย
“ก็...จริงๆ มันก็เป็นของนอกกายเนอะ เหมือนกับที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์นั่นแหละค่ะ ถามว่าแม่มีปัญหานี้มานานหรือยัง ข้อมูลในข้อเท็จจริงอันนี้หนูไม่ทราบ เหมือนหนูเป็นคนที่แฟร์ๆ แมนๆ ด้วยมั้งคะ ค่อนข้างให้เกียรติและให้อิสระกับทุกคน ยกตัวอย่างถ้าหนูให้เงินคุณตาคุณยาย หนูก็จะไม่ถามท่านเลยว่าท่านเอาเงินไปทำอะไร หนูจะไม่ไปลงรายละเอียดตรงนั้น เพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบเอง
เริ่มระแคะระคายเพราะมีคนติดต่อผ่านพี่สาว
“ที่หนูรู้ก็เพราะมีคนติดต่อมาทางพี่สาวหนูค่ะ ตอนนั้นหนูก็งงเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ พี่สาวหนูเขาก็เงียบๆ ไป หนูเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูถึงได้รับทราบค่ะ”
“ถ้าในส่วนของการทำงานของคุณแม่ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้คุณแม่ทำงานกับหนูนะคะ ก็คือหนูจะมีผู้จัดการ 3 คน มีพี่เอ มีคุณแม่ และก็ช่อง ซึ่งทั้ง 3 คนจะบริหารงานกันโดยมีคุณแม่เป็นผู้จัดการกลาง พี่เอดูแลแฟชั่นโชว์ ส่วนช่องก็จะดูเรื่องของละครทุกอย่าง ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ หนูจะหักให้แม่ 30 เปอร์เซ็นต์จากทุกงานที่แม่หาได้ และ 30 เปอร์เซ็นต์จากงานละครด้วย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น มันก็อย่างนั้นเสมอมาค่ะ”
ยังไม่ได้เคลียร์แม่ แม่พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมา
“ยังไม่ได้โทรเคลียร์กันขนาดนั้นค่ะ เพราะตอนนี้จากที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์เหมือนท่านก็พยายามหลบเราไปหลบเรามา แต่หนูเชื่อว่าถ้าหากแม่พร้อม ยังไงแม่ก็อยากคุยกับหนูอยู่แล้ว ส่วนตัวหนูเองหนูก็อยากคุยกับแม่อยู่แล้วค่ะ”
ขำๆ ไม่มีเจ้าหนี้เข้ามาหาตน ส่วนใหญ่จะเข้าหาพี่สาว
“มันตลกอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ก็คือ ทุกคนมักจะเข้าหาพี่สาวหนู แต่ไม่มีใครเข้าหาหนูโดยตรงเลย หนูยังสงสัยอยู่เลยค่ะว่าเป็นเพราะลุคหนูดูดุหรือเปล่า ทั้งๆ ที่หนูก็เฟรนด์ลี่นะ (หัวเราะ) ถามว่ากระทบชื่อเสียงไหม หนูมองว่ามันแยกส่วนกันนะคะ หนูเป็นแบบไหน หนูก็ยังเป็นแบบนั้นเสมอมา และอย่างที่บอกเราต้องให้เกียรติเขาค่ะ เขาจะทำอะไรเราไม่สามารถไปบังคับชีวิตเขาได้ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับแม่โดยตรงเลย
ส่วนที่ถามว่าติดต่อไม่ได้เลยเหรอ ตัวเลขหลายล้าน จริงๆ ตรงนี้ที่หนูคุยผ่านพี่สาว เหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายไปแล้ว และในช่วงนี้ก็น่าจะเป็นขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย การนัดกันไปที่สถานีตำรวจและคุยรายละเอียดกันระหว่างคุณแม่กับเจ้าหนี้ ซึ่งหนูยังไม่ได้เข้าไปแทรกแทรง หนูไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปจัดการอยู่แล้วค่ะ เพราะเท่าที่ทราบเหมือนเขาเองก็กำลังนัดกับตำรวจ และทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย”
เผยมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลคุณตาคุณยาย เป็นหัวหน้าครอบครัว หากอยากให้ซัปพอร์ตแม่ต้องกลับไปคุยกับครอบครัว
“คือตอนนี้หนูต้องยอมรับว่า หนูดูแลคุณตา คุณยายและน้องมาตลอด หนูเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ ซึ่งหนูก็ยังอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพราะว่าตอนนี้คุณตา คุณยายก็แก่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาลใดๆ หนูเป็นคนที่รับผิดชอบค่ะ ในส่วนตรงนั้นต้องขอให้หนูกลับไปคุยกับทางครอบครัวหนูอีกทีหนึ่งค่ะ แต่ยังไงแล้วหน้าที่หลักของหนูคือต้องดูแลคุณตาคุณยาย แล้วก็มีน้องอีกค่ะ”
ปัดงอนเพราะแม่นำของไปขาย แค่งอนที่อีกฝ่ายรับโทรศัพท์ช้า
“อ๋อ...ไม่ใช่ค่ะ งอนประมาณว่าแม่มารับช้าอะไรแบบนี้ค่ะ หนูถ่ายละครแล้วมันเลิกดึกแล้วแม่มารับช้าก็เหมือนงอนๆ บางทีแม่มารับช้า บางทีแม่แกเขามีปัญหาในเรื่องของผ่าตัดตา แล้วเขาจะตาฝ้าๆ แล้วต้องทำกายภาพ บางทีเขาก็ลุกไม่ไหวในการที่จะมารับส่งเรา เราก็งอน ทำไมไม่มาหา ไม่มารับไม่มาส่ง แต่ว่าน้าเขาก็เป็นคนมาสแตนบายตลอดค่ะ แต่เราก็จะงอนๆ”
แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษตน
“คือถามว่าขอโทษไหม จริงๆ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะว่าเหมือนที่หนูบอกมันเป็นสิทธิของเขาว่าเขาจะทำอะไร หนูไม่สามารถจะห้ามได้อยู่แล้ว เหมือนกับคนที่มีลูก เราเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาได้ แต่เราไม่สามารถเลี้ยงความคิดความอ่านเขาได้ ถ้าเป็นในกรณีนี้ก็อาจจะคล้ายๆ กัน ทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพทางความคิด ซึ่งหนูไม่สามารถไปจำกัดความคิดของใครได้ค่ะ”
ดีใจแม่ออกมาปกป้องไม่อยากให้เจ้าหนี้ระรานตน
“หนูก็รู้สึกดีใจนะ แต่จริงๆ เจ้าหนี้ก็ไม่ได้มีใครได้มาคุกคามหรือมาต่อว่าอะไรหนูนะ เขาก็น่ารักนะคะ ไม่งั้นเขาก็คงเหมือนเขียนด่าหนูไปแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มีนะคะ ส่วนเรื่องจะกระทบคือเหมือนที่หนูบอกว่าต้องแยกส่วนกัน อันนั้นคือสิ่งที่แม่ทำ แต่ว่าในส่วนตัวหนูถามว่ากังวลไหมหรอ หนูก็ไม่ได้กังวลมากมายขนาดนั้นค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราเป็นยังไง หนูเป็นยังไง หนูก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิม”
ส่วนที่ถามว่าตัดขาดการทำธุรกิจร่วมกันกับคุณแมาเลยไหม โอ้โห...คำช่างยิ่งใหญ่มาก เดี๋ยวก่อนนะคะ ตัดขาดการทำธุรกิจเหรอคะ คือจริงๆ หนูน่าจะเรียกว่าน่าจะมีในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงการบริหารมากกว่า คือหลักๆ หนูมีผู้จัดการที่ช่อง มีพี่เออยู่แล้ว ก็มาคุยบริหารจัดการตรงนี้มากกว่าค่ะ”
ลั่นโอนไวใจถึง ดูแลแม่มาตลอด
“ในส่วนที่หนูมีให้เขา หนูก็มีให้เขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล คุณแม่ผ่าตัดตา 2 ข้าง หนูเป็นคนโอนไวใจถึง หนูก็โอนให้แม่อยู่แล้ว ค่าทำกายภาพ ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เราก็มีการดูแลมาตลอดอยู่แล้วค่ะ จนถึงวันนี้ก็ยังดูแลอยู่ค่ะ ส่วนเรื่องโมเดลลิ่งแม่ที่ชวนคนมาทำด้วยกัน อันนี้หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะ หนูไม่ทราบ แต่ของเรามันเหมือนกับว่าสมมติว่าแม่เขาช่วยหางานให้เรา เราก็ให้แม่เขา 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ มันก็คนละส่วนกันค่ะ”
กว่าจะถึงจุดนี้แม่สตรอง รับห่วงแม่ในฐานะลูก
“ในฐานะลูกก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ ก็เป็นห่วง ถามว่ากลัวเขาจะคิดมากไหม หนูรู้สึกว่าถ้าเขามาถึงตรงนี้ได้ เขาก็สตรองนะ เอาแบบตรงๆ นะ เพราะเราก็รู้พร้อมกันหมดนะ ไม่ได้รู้ก่อนหน้านี้ ถ้าสมมติว่าเจ้าหนี้เขาไม่ทวงถาม ไม่โทรหาพี่สาว เราก็ไม่ทราบ ก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ เป็นห่วงในความรู้สึกของคุณตา คุณยายด้วย หนูก็จะบอกเสมอว่า หนูจะดูแลตากับยายให้ดีที่สุดค่ะ คือทุกคนก็ทราบพร้อมๆ กันนะคะ แต่ท่านก็อายุเยอะแล้ว ท่านก็ใช้คำว่าก็เข้าใจและต้องยอมรับแค่นั้นแหละค่ะ เรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้สร้างความแตกหักหรอกค่ะ มันแยกส่วนกันค่ะ”