แม้จะทำใจไว้ล่วงหน้า แต่ก็ทำเอาหลายคนตกใจไม่น้อยกับข่าวการเสียชีวิตของนักแสดงรุ่นใหญ่วัย 72 ปี "ปทุมวดี เค้ามูลคดี” (กาณฏ์มณี เค้ามูลคดี)ที่คนในวงการเรียกกันอย่างติดปากว่า "แม่ทุม"
นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ฝากผลงานละครและภาพยนตร์เกินกว่า 100 เรื่องให้กับวงการบันเทิงตลอดช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 -2553 แล้ว ภาพหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับผู้หญิงคนนี้ก็คือความเป็นสาวใจกว้าง รักสนุก และที่สำคัญคือไม่เคยหยุดสวย
ยืนยันได้จากในช่วงที่เธอผอมลงเพราะป่วยไทรอยด์ในระยะแรกๆ ซึ่งในตอนนั้นหากเป็นคนอื่นก็คงจะกังวลถึงเรื่องดังกล่าวในฐานะคนป่วย แต่เจ้าตัวในวัย 59 ปีกลับมองเป็นโอกาสด้วยการตัดสินใจทำศัลยกรรมมันเสียเลย
"บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้หญิงอายุ 59 ปีคนหนึ่งจะลุกขึ้นมาทำศัลยกรรม แต่แม่คิดว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติมากๆ ไม่น่ากลัวเลย"
"จริงๆ สมัยเป็นสาวแม่ก็เคยทำศัลยกรรมมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นไปผ่าตัดเต้านมเล็กลง เพราะสมัยนั้นเทรนด์หน้าอกเล็กกำลังมาแรง เราเองหน้าอกใหญ่ก็เลยไม่ชอบ ทีนี้พอวัยเริ่มมากขึ้นเราก็ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองซักเท่าไหร่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีริ้วรอยความเหี่ยวต่างๆ ก็มาเยือนแล้ว มันทำให้เรากลับมาคิดเรื่องศัลยกรรมอีกครั้ง"
"สมัยก่อนแม่เป็นคนอ้วน จนเริ่มผอมลงตอนเป็นไทรอยด์ ทำให้ผิวหนังบางส่วนดูหย่อนยานไม่กระชับเหมือนเดิม การผ่าตัดครั้งนี้คุณหมอใช้เครื่องดูดไขมันระบบแรงน้ำซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก แล้วก็ผ่ากระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง และเสริมหน้าอกให้ดูอิ่มสวยด้วย ซึ่งหลังการผ่าตัดเราเห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก"
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นอาการป่วยก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่่งก็มาจากการใช้ชีวิตรักสนุกของเจ้าตัวที่ชื่นชอบในการดื่มนั่นเอง
โดยเมื่อต้นปี 2551 อดีตนักแสดงดังได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจนมีอาการที่ดีขึ้นและดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นบทสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวไปแล้วว่า...
“ตอนที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นไทรอยด์ก็เมื่อปี 2548 แต่ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นได้ยังไง และไม่ดูแลตัวเองด้วย บอกแล้วว่าแม่เป็นคนที่แย่มาก ไม่เคยสนใจตัวเอง เป็นคนอะไรก็ได้เรื่อยเปื่อย แค่ทำให้ตัวเองมีความสุข และเห็นคนรอบข้างมีความสุขแม่ก็พอแล้ว แม่ชอบความสนุก เครียดๆ จะไม่เอาเลย”
"ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ลุกเดินได้ ต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน การนอน ทุกอย่างต้องดูแลสุขภาพอย่างดี ห้ามเด็ดขาดคือของหมักของดอง ที่สำคัญ เหล้าบุหรี่ห้ามเด็ดขาด ของเลวทั้งนั้นเลย (หัวเราะ)"
เธอยังบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า แม้จะผ่านวินาทีแห่งความตายมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้มุมมองชีวิตเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยพร้อมบอกว่าเหตุผลเดียวคือ เพราะว่าตนเองเลวนั่นเอง
“ตอนนี้ยังไม่ได้ผ่าตัดลำไส้ เพราะแม่ต้องดูแลร่างกายให้ดีก่อน ตาที่ผ่าไปก็มองเห็นปกติ ตอนนี้เกือบหายดีแล้ว แต่ยังมีเชื้อไทรอยด์อยู่ ก็ต้องทานยาบำรุงดูแลตัวเองตามที่หมอสั่ง เรื่องของตาไม่น่าห่วงเท่าลำไส้ แต่คุณหมอบอกว่าถ้าควบคุมได้และถ้าอาการดีขึ้นก็ไม่ต้องผ่า ซึ่งแม่รู้สึกโล่งมาก บอกตรงๆ ว่ากลัวมาก"
"ยอมรับสภาพเลยว่าตัวเองเลว จริงๆ นะแม่ไม่ได้พูดเล่น (หัวเราะ) ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็จริง แต่แม่ต้องกลับไปตรวจทุกๆ 2 วัน จะมีรถโรงพยาบาลมารับ อาการแทรกซ้อนก็จะเป็นหวัด แล้วก็เพลียๆ น้ำหนักตอนนี้ก็ขึ้นมา 47 เพิ่มขึ้น 2 กิโลฯ แล้ว"
"เพื่อนๆ พี่ๆ เค้าก็ด่าว่ามึงอ้วนซักทีสิ มึงอ้วนแล้วสวยกว่านะ ทุกคนเขาเป็นห่วง (จู่ๆ แม่ทุมก็ประนมมือแล้วให้คำสัญญากับตัวเอง) ทุมจะรักษาตัวเองนะคะ จะเลิกเป็นคนเลว จะทำให้ได้ไม่อย่างนั้นทุมแย่แน่เลยค่ะ (หัวเราะ)"
"มันเลิกยากนะ เพราะแม่ดื่มมาตั้งแต่สาวๆ จะให้เลิกเด็ดขาดมันก็เลยทำไม่ได้ พอเห็นคนอื่นมากินมาสูบใกล้ๆ มันก็อดไม่ได้ มันเหมือนกับยั่วยวน สันดานเราไม่ดีด้วย (หัวเราะ) มันทรมานเหมือนกันนะ เพราะแม่สูบมานานแล้ว ที่เลิกไม่ได้ก็เพราะแม่ไม่ดีไงคะ ก็เพราะว่าเลวไงคะ"
"พูดได้เต็มปากเพราะว่าแม่เลว อย่าไปโทษเหล้าโทษบุหรี่เลยโทษตัวเองดีกว่า ปรึกษาคุณหมอตลอดแล้วท่านก็เตือนตลอด แต่เราผิดเอง ลูกสาวลูกชายดุทุกวันแต่เราไม่ฟัง แม่อยากเตือนทุกคนนะคะว่าอย่าเอาอย่างแม่ ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ไม่ดีเลย”
"แต่บอกได้เลยว่าเข็ด เพียงแต่ยังมีความเลวอยู่ในตัวบ้าง แม่คิดว่าสักวันจะเอาชนะมันได้ และขอฝากถึงทุกคนนะคะ อย่าเอาความเลวมาใส่ตัว ทุมเป็นคนเลว ไม่อย่างนั้นหายตั้งนานแล้วค่ะ..."