“ลุงพล - ป้าแต๋น” ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ จากผู้ต้องสงสัยสู่ความปัง ดังยิ่งกว่าดารา ค่าตัวรีวิวหลักแสน “จินตหรา” มอบเงินให้หลักแสน โต้โหนกระแสคดี “ชมพู่” ฉวยโอกาสจากความตายเด็ก ทุกวันนี้ยังยิ้มได้ไม่สุดกังวลเรื่องคดี แจง “อุ๊บ วิริยะ - ไอซ์ สารวัตร” แค่ที่ปรึกษา ผู้จัดการตัวจริงคือเมีย โต้เปิดรับเงินบริจาคได้ 10 ล้าน ด้านสาวจินปัดเลือกข้าง ทำตามหน้าที่ที่ถูกวางแผนมาให้
เดินสายรับทรัพย์ไม่หยุด สำหรับ “ลุงพล” และ “ป้าแต๋น” เซเลปคนใหม่แห่งบ้านกกกอก จากผู้ต้องสงสัยคดี “น้องชมพู่” กลายเป็นผู้น่าสงสาร ที่คนแห่หยิบยื่นน้ำใจ และแวะเวียนไปให้กำลังใจถึงบ้าน จนแทบกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว ล่าสุดยังได้มาร่วมงานกับราชินีหมอลำ “จินตหรา พูนลาภ” ในเพลงเต่างอยพร้อมออกงานคู่กันเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ในงานไหว้สาพญาเต่างอย
งานนี้ทำเอาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นว่านี่เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ เหมือนเป็นการฉวยโอกาสจากการตายของน้องชมพู่หรือเปล่า เพราะคดียังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ไม่รู้สาเหตุการตาย แม้เวลาจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม
วันนี้ได้มีโอกาสเจอ จินตหรา พูนลาภ, ลุงพล และ ป้าแต๋น ที่มาถ่ายรายการที่ช่องอมรินทร์ทีวี และได้มีการถ่ายเอ็มวีเพลงเต่างอยเวอร์ชั่นใหม่ ทั้ง 3 คนก็เลยถือโอกาสออกมาตั้งโต๊ะเคลียร์ประเด็นดรามาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ว่า
จิน : “วันนี้พอดีลุงกับทีมงานถ่ายอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าเรายังไม่ทราบว่ามีถ่ายเอ็มวี เราทราบแค่มาบันทึกเทปรายการ ทีนี้พอรถตู้มาถึง เห็นทางลุงกับน้องๆ แดนเซอร์เต้นอยู่ ทางผู้จัดการก็เลยถามว่าจะไปร่วมแจมกับเขาด้วยไหม เลือดศิลปิน เราก็เลยกระโดดลงไปเลยค่ะ เลยได้มาร่วมกับลุงค่ะ”
ลุงพล : “คล้ายๆ ว่าเอ็มวีเพลงนี้ ต้องมีพี่จินเข้ามาด้วย ก็ดีใจที่พี่จินมาได้จังหวะพอดี เรากำลังจะทำเอ็มวีเพิ่ม”
เหตุผลที่ต้องทำใหม่เพราะตัวที่ปล่อยออกไปยังไม่มีจินตหรา วันนี้ได้ร่วมงานกันอีกครั้งก็ตื่นเต้นมาก และสนิทกันมากขึ้น
ลุงพล : “คือเอ็มวีที่ปล่อยออกไป ยังไม่มีจินตหรา มีแต่ผมคนเดียว ทางผู้จัดการก็เลยอยากให้พี่จินเข้ามาร่วมแจมในเอ็มวีใหม่ครับ วันนี้ก็รู้สึกดีมากครับ ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่จินอีกครั้ง ตั้งแต่งานไหว้สาพญาเต่างอย พอมาวันนี้ก็รู้สึกสนิทขึ้น แล้วก็สามารถสื่อสาร ทำงานร่วมกันได้มากขึ้นครับ แต่ก็ตื่นเต้นครับ พี่จินเขาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากนานแล้ว ผมได้มีโอกาสเข้ามากระทบไหล่คนดัง ก็เลยรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ”
ตอนเต้นยังเขินๆ อยู่ เพราะเรื่องคดียังไม่คลี่คลาย เลยเป็นกังวล
ลุงพล : “ก็ยังเขินอยู่ครับ เพราะว่าเรื่องทุกอย่างมันยังไม่คลี่คลายร้อยเปอร์เซ็นต์ คือตอนนี้พยายามทำให้ทุกคนมีความสุขในสิ่งที่เราพยายามสื่อออกไปให้ทุกคนเห็น การสื่อสารทุกวันนี้มันไปเร็วทุกอย่างทุกด้าน ก็เลยพยายามจะทำให้ทุกอย่างมันดูดี แต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ ยังไม่เต็มร้อย”
สิ่งที่กังวลคือเรื่องคดีน้องชมพู่นั่นแหละครับที่ทุกอย่างมันยังไม่คลี่คลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้ผมแสดงออกมาได้ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ครับ หมายถึงว่าเราก็ยังยิ้มได้ไม่เต็มที่ครับ ยังอึดอัดใจอยู่ ทุกครั้งที่พยายามสื่อออกไป คือพอเราจะทำให้เต็มที่ มันก็มีเรื่องเข้ามา มันก็ทำให้ผมรู้สึกต้องเบรกไว้ก่อน”
ไม่ค่อยได้เสพสื่อโซเชียล แต่ก็มีคนมาคุยให้ฟัง เลยคิดว่าต้องตั้งสติให้ดี ไม่ทำอะไรที่มีผลกระทบต่อคดี
ลุงพล : “ผมเองก็ไม่ได้ติดตามโซเชียลมากเท่าไหร่ เพราะผมเป็นคนที่โผงผาง ทำอะไรก็จะรีบพูด รีบอะไรออกมา ก็พยายามที่จะไม่เปิดดูโทรศัพท์มากมาย แต่ก็มีกระแสข่าวออกมา มีคนมาพูดมาคุยให้ฟัง ก็รู้สึกว่าเราต้องตั้งสติแล้วนะ เราต้องทำอะไรออกมาให้มันดีที่สุด ไม่ให้กระทบกับคดีน้อง”
การมาร่วมงานกับจินตหราครั้งนี้ กระแสดียอดวิวเยอะ คิดว่าแฟนคลับพี่จินน่าจะรู้สึกดี
ลุงพล : “เท่าที่ติดตามก็เป็นกระแสที่เรียกได้ว่ายอดวิวเยอะเนอะ ก็ดีใจกับพี่จิน ซึ่งผลงานเพลงพี่จินก็มีคุณภาพอยู่แล้ว ก็เชื่อว่าแฟนคลับที่ติดตามพี่จินมาตลอด น่าจะรู้สึกดีกับสิ่งที่ลุงและพี่จินได้ร่วมงานกัน”
หลายคนมองว่าลุงพลเด่นดังมาจากการเสียชีวิตของน้องชมพู่
ลุงพล : “ประเด็นนี้ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นคนที่ติดตามข่าว แล้วก็พยายามที่จะหาเบอร์โทรศัพท์ของลุงและป้า ไม่ได้จะติดต่อกับลุงกับป้าโดยตรง แล้วก็พยายามให้กำลังใจ แล้วทุกวันนี้กำลังใจตรงนั้น เขาตามไปถึงที่บ้าน ทำให้ลุงต้องออกมาต้อนรับ ทุกอย่างมันเป็นทำลังใจที่ดีมากๆ ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจในเรื่องที่กำลังเจออยู่ครับ ผมมองเป็นกำลังใจครับ
ส่วนอีกมุมหนึ่งมองว่าเป็นการฉกฉวยโอกาส ไม่เหมาะสม ถ้ามีบางเพจ หรือว่าบางกระแส ที่บอกว่าลุงใช้จังหวะการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เพื่อที่จะหางานเข้าตัว หรือว่าทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง อันนี้ลุงยืนยันนะ ว่าลุงไม่ได้เกาะกระแส ที่ว่าน้องเสียชีวิตแล้วลุงจะฉวยโอกาสในจังหวะนี้ สร้างให้ตัวเองมีชื่อเสียง ผมเองก็ยังเป็นคนเดิม ที่อยากรู้ว่าใครทำกับน้อง ผมไม่ได้ต้องการพวกทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย
แต่ช่วงนี้ผมไม่ได้ทำงานเลย ทุกวันนี้ผมอยู่ที่บ้าน ซึ่งใครจะมองยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเรื่องนั้นๆ ไม่ได้ออกมาจากปากผม ผมจะไม่มีความรู้สึกว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ แต่ถ้าใครอยากรู้จักว่าผมเป็นคนยังไง เกาะกระแสที่น้องเสียชีวิต แล้วฉวยโอกาสไหม อันนี้ผมคงไม่เก็บมาคิดครับ เพราะว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องคิด ว่าคนเขาจะมองว่าฉวยโอกาสหรือเปล่า ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีที่มีในครอบครัวมากกว่า”
ร่วมงานกับจินตหราก็ไม่ได้เกาะกระแส แค่ชวนมาสร้างสีสัน
ลุงพล : “ถ้าพูดถึงเรื่องการทำเอ็มวี กับเอ็มวีของพี่จิน คือไม่ใช่ว่าเกาะกระแสนะครับ ทุกคนพยายามที่จะมาให้กำลังใจ ซึ่งอย่างของพี่จินเนี่ย เขาก็มีผลงานเพลงอยู่แล้ว ก็อยากจะให้กำลังใจลุง เลยอยากจะชวนลุงมาสร้างสีสันกับงานเพลง ทำให้ลุงไม่ท้อ ให้ต่อสู้ต่อไป ไม่คิดว่าเป็นการฉวยโอกาสครับ”
ยืนยันไม่มีการได้รับมอบเงินอะไรทั้งนั้น ไม่ได้เปิดรับบริจาค จะมีแค่เงินร้อยกว่าบาท ที่ได้จากการผูกข้อมือเท่านั้น และได้นำไปซื้อน้ำมาไว้ต้อนรับแขกหมดแล้ว
ลุงพล : “การมอบเงินนี้ ยังยืนยันว่าไม่มีนะครับ ที่บ้านไม่มีการมอบเงินให้ผม ผมไม่ได้เปิดรับบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น จะมีบางเพจบอกว่าลุงเปิดรับบริจาคเงิน ได้เงินหลาย 10 ล้าน ไม่มีครับ มีแต่คนที่ไปให้กำลังใจและผูกข้อมือเหมือนกับประเพณีของคนอีสาน จะมีให้เงินบ้าง แต่ทีละร้อยประมาณนี้ ผมก็ใช้เงินส่วนนั้น ซื้อน้ำเพื่อที่จะเอามาต้อนรับคนที่ไปให้กำลังใจ ก็ยังยืนยันว่า ไม่มีเงินเข้าในบัญชีผม ยืนยันครับ”
ส่วนเงินจำนวน 1 แสนบาทจากจินตหรา เป็นเพียงสินน้ำใจที่มอบให้เท่านั้น ซึ่งเทียบไม่ได้เลย กับกำลังใจที่มอบให้มา
ลุงพล : “เงิน 1 แสนบาทที่ออกไป เป็นเงินที่ทางผมได้มีโอกาสร่วมงานถ่ายเอ็มวีกับพี่จิน แล้วพี่จินก็ได้มอบสิ่งนี้ให้ผม เป็นสินน้ำใจบางอย่าง ที่พี่จินบอกว่าในเมื่อลุงได้มีโอกาสออกไปถ่ายเอ็มวีให้พี่จิน พี่จินก็มอบสิ่งนี้กลับมา ผมว่าเงิน 1 แสนบาท มันยังน้อยไป ถ้าเทียบกับกำลังใจที่พี่จินมอบให้”
จินตหรารับโดนกระแสดรามาไปด้วย ในการชวนลุงพลมาร่วมงาน
จิน : “ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะทำเพลงร่วมกัน คือตอนแรกๆ เกิดขึ้นจากที่มีงานไหว้สาพญาเต่างอยในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ที่เราวางแผนกันกับผู้ใหญ่ทุกปีที่เราไป แต่เผอิญทางผู้จัดการเรา บ้านอยู่ใกล้ลุงพล ท่านไปถ่ายรูปกับลุง แล้วรูปมันเด้งขึ้นมา แล้วก็เลยพูดว่าลุงพลกำลังดัง เชิญลุงพลมางานไหว้สาพญาเต่างอยดีไหม เพราะว่าเราไปร้องเพลงที่ไหว้สาก็บ่อยแล้ว คนจะเบื่อ เราไป 6-7 ครั้งแล้ว ถ้าเกิดลุงพลมา แฟนเพลงคงจะมาเยอะ ทางผู้ใหญ่ก็ติดต่อกัน หนูยังไม่รู้เลย”
ลุงพล : “จริงๆ ก็มีอีกหลายค่ายนะครับ ที่เป็นค่ายเพลง แล้วก็เป็นผู้จัดการแล้วก็มีงานที่สกลนครด้วย งานไหลเรือนไฟ งานประจำปี ติดต่อมาก่อนหน้าพี่จิน ก็มีอีกหลายงาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานการกุศล ซึ่งผมก็ทำด้านนี้อยู่แล้ว จิตอาสาผมทำอยู่แล้ว”
หากผลสรุปคดี ออกมาว่าลุงพลเป็นคนร้าย ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน เพราะไม่ได้ไปโฟกัสที่คดีเลย
จิน : “ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันเหมือนเราทำงาน แต่ก็ไม่ได้ไปมองถึงคดีของลุง”
ลุงพล : “ผมเชื่อว่าผลงานที่ผมได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับพี่จิน ไม่ใช่เรื่องที่ไปกระทบกับคดีน้องชมพู่ ผมเชื่อว่าพี่จินน่าจะสบายใจ ไม่น่าจะมีอะไรเป็นห่วงครับ ก็ต้องตอบแทนพี่จินตรงนี้ ว่าถ้าเป็นบทเพลง การร้องเพลง การทำให้คนดูมีความสุข มันคือสิ่งที่เราพยายามสื่อออกไปกับบทเพลง ถ้าเกิดสิ่งไหนที่ทำแล้ว มันไปกระทบกับรูปคดีของน้องชมพู่ ผมก็จะปฏิเสธทุกเรื่องครับ”
ชมลุงพลเสียงดี แค่เสียงที่อัดซ้อมก่อนขึ้นคอนเสิร์ต นำไปลงยูทิวบ์ ก็มียอดวิวเยอะมาก
จิน : “เสียงดีค่ะ เสียงดีไม่ดีดูได้จากตอนที่ลองอัดเสียงก่อนจะไปที่เต่างอย เพราะกลัวลุงลืมเนื้อ ก็เลยอัดเสียงมาก่อนไปเล่นคอนเสิร์ต แล้วทางผู้จัดการเอามาฟัง ก็บอกป้าด เสียงลุงดีจังเลย เลยขออนุญาตลุงปล่อยลงยูทิวบ์ไปเลย แล้วทีนี้ยอดมันก็เยอะ ก็เลยเลยตามเลย เลยเป็นต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ค่ะ”
ถ้ายอดวิวเอ็มวีได้เยอะ ลุงพลก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งด้วย เพราะเป็นผลงานของจินตหรา ทำได้แค่ดีใจด้วย ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร
ลุงพล : “อันนี้ยืนยันว่าผลงานเอ็มวีที่ออกมาใหม่ ผมก็ไม่ได้มีค่าตอบแทนอะไรกับพี่จิน ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ และคงไม่มีโอกาสได้คุย ถ้าผลงานที่ปล่อยออกไป มันมีกระแสตอบรับเยอะ ผมก็ดีใจกับพี่จิน ผมก็จะไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เพราะว่ามันเป็นผลงานของพี่จินโดนตรง ไม่ได้เกี่ยวกับตัวผม จะบอกว่าพี่จินมาเกาะกระแสผม หรือผมไปเกาะกระแสความดังของพี่จิน มันคนละเรื่องกันครับ”
แจงครหาเกาะกระแสลุงพล
จิน : “มันก็เหมือนคล้ายๆ เนาะ เพราะลุงก็ดัง อยากให้ลุงไปร่วมในงาน เพราะดูข่าวช่องไหนก็เห็นแต่ลุง ก็แบบว่าถ้าเกิดลุงมาร่วมคงจะดี เพราะลุงกำลังดัง ก็เอาลุงมาร่วม”
ไม่ได้คิดอะไรหากคนจะมองว่าเลือกข้างลุงพล เพราะตนแค่ทำไปตามหน้าที่ ที่ผู้ใหญ่วางแผนให้
จิน : “เราไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลค่ะ คือทางผู้จัดการจะรู้ดีกว่า เราคือเขาบอกให้ร้องเราก็ร้อง เขาบอกให้ทำเราก็ทำ แต่ว่าคนที่จะรู้คือผู้จัดการเราที่ไปคุย ทีนี้เขาบอกให้เราส่งเสียงไปขอบคุณลุง เราก็อัดเสียงส่งไปให้ คือทางผู้ใหญ่จะวางแผนให้ เรามีหน้าที่ทำตามว่าจะให้ทำอะไร”
ลุงพล : “จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องดีนะครับ การที่คดีน้องชมพู่ยังไม่ได้สรุปอะไรง่ายๆ ซึ่งเหตุการณ์นี้ ผมซึ่งเป็นคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาของโลกโซเชียล ผมน่าจะเป็นคนที่คิดมากกว่าพี่จินด้วยซ้ำไป”
ไม่เคยคิดเลยว่าอยู่ๆ ตัวเองจะดัง ทำอะไรก็เป็นกระแสไปหมด
ลุงพล : “ไม่เคยคิดเลยครับ ว่าตัวเองจะมาจุดนี้”
ตอนนี้เริ่มมีงานรีวิวสินค้าเข้ามาบ้างแล้ว แต่จะรับเฉพาะอันที่ได้ลองใช้แล้วดีจริงๆ เท่านั้น เรื่องงานโชว์ตัว ได้ “อุ๊บ วิริยะ” หามาให้
ลุงพล : “ก็มีบ้างครับ งานรีวิวสินค้าก็มีบางอย่าง ผมบอกว่าถ้าเป็นงานรีวิวสินค้า ผมก็ขอใช้ก่อน ถ้าใช้แล้วดี ก็จะรีวิวให้ครับ เป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ครับ ที่เป็นคนไทยทำ ส่วนเรื่องงานโชว์ตัวก็มีของพี่อุ๊บ วิริยะ ที่ท่านเห็นว่าช่วงนี้ผมไม่มีรายได้ในครอบครัว พี่เขาก็ให้โอกาส หางานเข้ามาให้”
แจง “อุ๊บ วิริยะ” และ “ไอซ์ สารวัตร” ไม่ได้เป็นเป็นคนดูแล หรือเป็นผู้จัดการส่วนตัว เป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น คนที่เป็นผู้จัดการคือ “ป้าแต๋น” คนเดียว
ลุงพล : “ไม่ใช่ว่าเป็นคนดูแลครับ พี่อุ๊บจะพยายามหางานให้ลุงกับป้าทำคู่กัน ประมาณนี้ครับ ไม่มีผู้จัดการส่วนตัวครับ ผู้จัดการนั่งอยู่ด้านข้างนี้ (ป้าแต๋น)”
ป้าแต๋น : “ไม่ต้องสงสัยว่ามีผู้จัดการอะไรที่ไหน เพราะว่าทุกอย่างต้องผ่านป้า”
ลุงพล : “บางสื่อบอกว่าลุงพลเลือก ไอซ์ สารวัตร (นักข่าวอมรินทร์) มาเป็นผู้จัดการ คือที่ผ่านมาตั้งแต่มีผู้สื่อข่าวลงมาในพื้นที่ติดเกาะคดีน้องชมพู่ มีไอซ์นี่แหละที่ได้ใกล้ชิด แล้วก็พยายามดูแลกันมาตลอด ไม่อยากให้สื่อออกจากพื้นที่ อยากให้สื่อช่วยดูคดีความต่างๆ ก็รู้สึกว่ามีโอกาสได้คุยกับไอซ์แล้วน้องไอซ์เขาน่าจะมีประสบการณ์ในด้านการทำงาน แล้วก็มีความรู้ความสามารถ เลยอาศัยน้องไอซ์เป็นที่ปรึกษา ไม่ใช่ผู้จัดการครับ คือมันคงจะมีภาพหลุดออกไป เหมือนกับไอซ์พยายามดึงลุงไปโน่นไปนี่ แต่ก็ยืนยันครับ ไอซ์ไม่ได้เป็นผู้จัดการ ผู้จัดการลุงคือป้าแต๋นครับ”
ป้าแต๋น : “เวลารับงานก็ต้องผ่านป้า ถ้างานไหนที่เรารับแล้วเราจะไม่สบายใจ เราก็ปล่อย เอาที่เราสบายใจ แล้วพี่อุ๊บแกยังไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แกอยากช่วย ก็คือปรึกษาเหมือนกับน้องไอซ์นี่แหละ ประสบการณ์แกเยอะ แกบอกว่างี้ ถ้าคนมาลักษณะนี้ แบบนี้ จะเป็นยังไง ควรทำยังไง คือเป็นที่ปรึกษาก่อน ถ้าผู้จัดการจริงๆ ไม่มี เราก็ยังเหมือนเดิมอยู่สองผัวเมีย”
เรตค่าตัวไม่ได้สูงมากมาย เป็นแค่คนธรรมดา ไม่กล้าเรียกเยอะ เพราะเกรงใจเขา
ป้าแต๋น : “ไม่กล้าตั้งอะไรมากมาย เพราะว่าเราก็ชาวบ้านธรรมดา ไม่เคยคิดว่าจะเอาโอกาสทางด้านนี้ ถ้ามันเยอะไปเราก็เกรงใจเขา”
ส่วนข่าวฟาดงานรีวิวสินค้าตัวละหลักแสน ตอนนี้ยังไม่มีติดต่อเข้ามาเลย ก่อนจะรับงานทุกอย่าง ต้องพิจารณาหลายอย่าง ไม่รับอะไรที่ผูกมัด เพราะคดียังไม่เรียบร้อย
ลุงพล : “ตอนนี้ยังไม่มีมานะครับ ที่ว่าเป็นแสน แต่ก็น่าจะมีนะ เพราะว่าผมเชื่อว่ามันคงมีโอกาสได้ทำ ได้รีวิวตรงนั้นครับ”
ป้าแต๋น : “ตอนนี้มีติดต่อเข้ามาเยอะไหม ก็ไม่เยอะหรอก เพราะทุกอย่างก็คือมีแล้วก็ต้องพิจารณาอะไรอีกมากมาย ประสบการณ์การเราไม่มี ก็ต้องหาคนที่มีความรู้ช่วยเรามากกว่า อะไรที่เราไม่มั่นใจ เราก็จะไม่เสี่ยงกับงานตรงนั้น เพราะคดีก็ยังไม่เรียบร้อย เราไม่กล้ารับอะไรที่มันผูกมัดเรา ก็รับเล็กๆ น้อยๆ ไป”
ยืนยัน อุ๊บ กับ ไอซ์ ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากค่าตัวลุงพล
ป้าแต๋น : “ไม่มีค่ะ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ และยังไม่เคยพูด ไม่เคยคิดด้วยค่ะ”
งานรีวิวที่จะรับให้ลุงพล ก็ต้องดูดีๆ ถ้าไม่กระทบกับรูปคดี ก็ยินดี
ป้าแต๋น : “ก็แล้วแต่นะ มันต้องดูว่าดีสำหรับลุงไหม เสียหายไหม ก็ต้องดูเยอะๆ”
ลุงพล : “สินค้าทุกอย่างที่เราจะรับ คือถ้าไม่กระทบกับรูปคดี ลุงกับป้าก็ยินดีรับฟัง แต่ก็ต้องดูเรื่องสรรพคุณต่างๆ ของทุกอย่างที่เขาจะให้เอามารีวิว ผมก็ยังยืนยันว่าต้องได้ใช้ก่อนทุกครั้ง ถึงจะสามารถรีวิวได้แบบเปิดใจ”
ในสายตาพ่อแม่ของน้องชมพู่ ลุงพลยังมีสถานะเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกแล้วว่าไม่เคยพูด ว่าลุงพลเป็นผู้ต้องสงสัย
ลุงพล : “ถ้าในสายตาของพ่อแม่ชมพู่ ก็เป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ แต่ว่าถ้าเป็นทางด้านของเจ้าหน้าที่ เขาก็พยายามออกมาพูดว่า เจ้าหน้าที่ไม่เคยพูดว่าลุงเป็นผู้ต้องสงสัย”