นักแสดงหนุ่มชาวอิตาลี "มิเคเล มอร์โรเน" เชื่อว่าหนัง 365 days ไม่ได้มีเนื้อหาสร้างความชอบธรรม และทำให้ "การข่มขืน, ลักพาตัว และการค้ามนุษย์" ดูดีกว่าความเป็นจริงอย่างที่มีกระแสวิจารณ์กัน
หนังอีโรติก 365 days (หรือ "365 DNI") ที่เผยแพร่ทาง Netflix ซึ่งเล่าเรื่องที่หัวหน้าแก๊งมาเฟียที่จับหญิงสาวคนหนึ่งไปกักขัง และบังคับว่าเธอต้องหลงรักเขาให้ได้ในช่วงเวลา 365 วัน
โดยหนังที่เต็มไปด้วยฉากมีเพศสัมพันธ์อันรุนแรงของตัวละคร ถูกกล่าวหาว่าเป็นงานที่มีเนื้อหาทำให้พฤติกรรมอย่าง การข่มขืน, ลักพาตัว และการค้ามนุษย์ดูเป็นเรื่องบวก มีความสวยงาม และเย้ายวนใจ จนมีกระแสต่อต้านผลงานชิ้นนี้มากมาย แม้ซีรีส์จะได้รับความสนใจอย่างถล่มทลาย จนกลายติดเทรนต์ในสังคมออนไลน์แทบจะของทุกประเทศทั่วโลก
ศิลปินชาวอังกฤษ ดัฟฟี เจ้าของเพลง Mercy ก็เป็นอีกคนที่ออกตัวต่อต้าน 365 days อย่างรุนแรง เพราะเธอเองก็มีประสบการณ์โดนล่วงละเมิดทางเพศมาก่อน และทราบดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง กับสิ่งทีเกิดขึ้นในโลกของภาพยนตร์นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การที่หนังหยิบเอาเรื่องแบบนี้มานำเสนอ ก็อาจจะกลายเป็นการทำให้พฤติกรรมที่เลวร้ายถูกมองว่าในแง่บวกขึ้นมาได้
หนังไม่ใช่เรื่องจริง!!!
จนล่าสุด มิเคเล มอร์โรเน ได้ออกมาพูดถึงกระแสที่มีต่อผลงานของเขาอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเจ้าของบท "มัสซิโม่" ใน 365 days ก็ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวละครของเขาทำลงไปเป็นพฤติกรรมที่ "ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอนในโลกความเป็นจริง" แต่ในเวลาเดียวกัน มอร์เรโน ก็เชื่อว่าผู้ชมจะแยกแยะได้
"เวลาคนดูหนัง ผมคิดว่าพวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่ปรากฏบนจอไม่ใช่เรื่องจริง แต่หน้าที่ของผมก็คือการทำให้มันดูจริง ทำให้คุณสื่อสารไปถึง มัสซิโม่ ได้ แม้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียก็ตาม"
"ผมเชื่อใจคนดูนะว่าจะเข้าใจว่าหนังเป็นเรื่องของแฟนตาซี ... ว่าพฤติกรรมในหนังเป็นสิ่งที่รับไม่ได้โดยสิ้นเชิงในชีวิตจริง" นักแสดงหนุ่มกล่าว
ไม่เห็นด้วยกับกระแสวิจารณ์ แต่เข้าใจว่าคนเป็นห่วงสังคม
อย่างไรก็ตาม มอร์โรเน บอกว่าเขาเข้าใจมุมมองของคนที่ออกปากวิจารณ์ซีรีส์ 365 Days แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาเชื่อว่า "เราต้องระวังที่จะไม่สร้างข้อจำกัดว่างานศิลปินควรสร้างออกมาอย่างไร"
"ผมคงจะไม่พูดว่าหนังแบบไหนควรสร้างไม่ควรสร้าง เพราะก็ยังมีการสร้างหนังเกี่ยวกับสงคราม, อาชญากรรม, การฆ่าแกงกัน ใช่หนังที่สร้างออกมาเพื่อเชิดชูพวกแก๊งมาเฟียด้วย ... หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามลดทอนความจริงของความรุนแรงทางเพศในโลกแต่อย่างใด ผมไม่ได้อยากให้คนรู้สึกว่าพฤติกรรมแบบนี้มันโอเค ซึ่งจริง ๆ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย"
"ผมว่ากลายเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไปที่หนังทำให้คนพูดถึงประเด็นนี้กัน เพื่อที่เราจะได้ตระหนักถึงประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมของเรา"