“ทนายเจมส์ - เก้า เกริกพล” ขึ้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ฟ้อง “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” และบริษัท 2 ข้อหาเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน หวังว่าจะไม่ถึงขั้นตอนสุดท้ายต้องถอดเอ็มวีออกจากยูทิวบ์ รับอีกฝ่ายเคยติดต่อเจรจาแต่ตกลงเรื่องตัวเลขไม่ลงตัว ด้าน “เก้า” สุดเจ็บใจ ไม่ได้ส่วนแบ่งตามตกลง
เวลา 13.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม “ทนายเจมส์” หรือ “นายนิติธร แก้วโต” เดินทางมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พร้อม “เก้า เกริกพล เพชรรัตน์”เพื่อยื่นฟ้อง “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น”หรือ “นางสาวรัชนก สุวรรณเกตุ” เป็นจำเลยที่ 1 และบริษัทได้หมดถ้าสดชื่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 2 โดยมี “เจนนี่” เป็นกรรมการในบริษัทดังกล่าว ใน 2 ฐานความผิด ในการละเมิดลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 45 มาตรา 52 มาตรา 64 และการละเมิดลิขสิทธิ์ดนตรีกรรม ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ มาตรา 27 โดยวันนี้เป็นการฟ้องร้องทางอาญา
ต่อมาในเวลา 14.40 น. ทีมทนายพร้อม “น้องเก้า” ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากได้ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาล โดยทนายชื่อดังเผยว่าวันนี้ได้ยื่นฟ้องนักร้องสาว 2 ฐานความผิดในคดีอาญาเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ รวมไปถึงความเป็นไปได้ว่าถ้านักร้องคนดังกล่าวถ้าไม่ยอมมาไกล่เกลี่ย ก็อาจจะยื่นเรื่องไปถึงยูทิวบ์ไทยแลนด์เพื่อขอให้เปิดดูรายได้ของเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอ” และถ้าเจรจาไม่ได้ตามข้อที่ตกลงกันไว้ อาจจะให้ยูทิวบ์ไทยแลนด์ถอดเพลงนี้ออกจากระบบ ส่วนตัวเลขคร่าวๆ 3 ล้านบาทนั้นก็คำนวณมาจาก 70 : 30 ที่ควรจะได้ตามยอดวิวของเพลง รับ “เจนนี่” เคยติดต่อมาเจรจา แต่ตกลงกันไม่ได้ตามตัวเลขที่เรียกไป
ด้านเก้า เกริกพล เผยตอนนี้ทุกอย่างให้ทนายเป็นคนจัดการ ตนเองเจ็บใจและเรื่องนี้กลายเป็นปมในใจมาตลอด ย้ำว่าถ้าอีกฝ่ายออกมาพูดความจริงตั้งแต่แรก เรื่องวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ส่วนเงิน 10,000 บาทอีกฝ่ายบอกเป็นค่าขนมไม่ใช่ค่าจ้าง เผยไม่สนิทใจตั้งแต่วันแรกที่ไปออกรายการด้วยกัน ที่เห็นเฮฮาหน้ากล้องทั้งหมดแค่การแสดง เจ็บจี๊ดได้ค่าเหนื่อยแค่ 500 บาท และในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เวลา 13.00 น. ศาลจะนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันอีกครั้ง
ทนายเจมส์ : “วันนี้มายื่นฟ้องให้กับน้องเก้า กรณีการละเมิดสิทธินักแสดง และละเมิดสิทธิทางด้านดนตรีกรรม ยื่นฟ้อง 2 เรื่อง แต่ยังไม่ได้มีข้อเรียกร้อง เพราะเป็นอีกขั้นตอนนึง แต่นี่เป็นฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์เป็นคดีอาญาล้วนๆ ยังไม่มีส่วนของคดีแพ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างประเด็นแรกคือทางนั้นยังไม่จ่ายตอบแทนให้กับนักแสดงทางกฎหมายมองว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ กำหนดไว้ในมาตรา 52
ในทางของกฎหมาย ให้ทางฝั่งของนักแสดงหากเป็นคนเซ็นเอกสาร ใครที่อ้างว่าให้น้องไปรับจ้าง ต้องให้น้องเซ็นเอกสารในการมอบสิทธิ์เอาไปเผยแพร่ หรือเอาไปแสวงหาผลกำไร การที่ไม่ให้น้องเซ็นเอกสาร น้องได้เปรียบด้วยซ้ำ ซึ่งยังไม่ถึงขั้นตอนการอ้างสิทธิ 70-30 อันนี้เราพูดถึงการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเดียว เรายังไม่ให้การยินยอมให้ไปเผยแพร่ และในกระบวนการต่อไป สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ แต่ในลักษณะการเจรจาและดำเนินคดีในส่วนของแพ่งมันสามารถไปพร้อมกันได้ แต่ตอนนี้พักในส่วนของแพ่งไว้ก่อน และมามุ่งในด้านของอาญาก่อน ซึ่งถ้าเราคุยกันให้รู้เรื่องกว่านี้ ซึ่งผมเชื่อว่าลึกๆ เราคุยให้รู้เรื่องกว่านี้ น่าจะทำได้แน่นอน”
เผยเจนนี่ติดต่อมา แต่ตกลงเรื่องตัวเลขไม่ลงตัว
ทนายเจมส์ : “ก็มีติดต่อมา แต่ตัวเลขตกลงกันไม่ได้ ซึ่งในส่วนของการเจรจาและตัวเลขนั้น มีผู้ใหญ่เข้ามาพูดคุย ก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ครับ ถามว่าเจนนี่เสนอเงินน้อยกว่าที่เราเรียกไปไหม ผมมองว่าอยู่ที่หลายๆ อย่างบางคนอาจจะมองว่าน้อย คนอาจจะมองว่ามาก แต่ผมมองถึงสิทธิที่น้องเขาควรจะได้รับจริงๆ ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้น ผมเรียกว่าตามสิทธิ์ที่พึ่งจะได้รับ และหลังจากวันนี้เราได้ยื่นคำขอไปแล้ว ทางฝ่ายนั้นสามารถเจรจา ขอไกล่เกลี่ยได้ตามทุกขั้นตอนตามกฎหมายกำหนด
คือตัวเลขคร่าวๆ เราคำนวณจากรายได้ที่อาจจะเป็น เพราะทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่ารายได้ที่เกิดเพลงนี้ 350 ล้านวิวมันได้เท่าไหร่ แต่นี่เป็นการประมาณคร่าวๆ ว่าน่าจะตกอยู่ที่ 30% น่าจะประมาณ 3 ล้าน แต่ในขั้นตอนการเจรจากันไม่ใช่ 3 ล้าน แต่น้อยกว่านี้”
เรื่องถอดเอ็มวีจากยูทิวบ์ขอให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย
ทนายเจมส์ : “อันนั้นขอให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะถ้าเรื่องไปถึงยูทิวบ์มันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากยูทิวบ์จะลบเพลงนี้ออกจากระบบแล้วอาจจะมีการฟ้องเรียกผลประโยชน์ที่เคยได้รับไปแล้ว เพราะมันเป็นรายได้ที่เกิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์ของคนอื่น”
เก้า : “ส่วนตัวก็รู้สึกไม่ได้อะไรมาก ปล่อยให้ทางผู้ใหญ่จัดการ เราก็อยากให้จบเร็วๆ ครับ ตอนนี้เขาไม่ได้ติดต่อมาฝั่งผมเลยครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ตอนนี้ก็ปล่อยและเดินหน้าทำงานของผมไป”
ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ถ้าพูดความจริงก็จบไปแล้ว
เก้า : “ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดว่าอีกฝั่งออกมาพูดความจริงตั้งแต่แรกก็น่าจะจบตั้งนานแล้ว ถามว่าอยากบอกอะไรเขาไหม ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดครับ ส่วนตัวไม่ได้กลัวแม้ว่าฝั่งทางโน้นเองจะมีทนายความเหมือนกัน เพราะสิ่งที่ผมออกมาพูดนั้นคือความจริงทั้งหมดครับ
ถามว่าเจอหน้าเขาได้ไหม ถ้าเจอก็เจอได้ แต่ตอนนี้อยากปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่แล้ว ผมก็ไม่ได้อะไรมาก จะคุยอะไรก็ให้ผ่านทางทนายเจมส์จะดีกว่า”
ทนายเจมส์ : “ในขั้นตอนนี้เป็นการส่งหมายเรียกและสำเนาการฟ้องไปยังจำเลยทั้ง 2 ก็ใช้ระยะเวลาประมาณสัก 1 -2 เดือน ทั้งนี้วันนัดศาลอีกทีก็จะเป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เวลา 13.00 น. โดยจะนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน”
แจงฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ดนตรีกรรม คือการนำเพลงไปหาผลประโยชน์ต้องได้รับความยินยอมจากเก้า
ทนายเจมส์ : “ตัวผมมองว่าการที่น้องไปร่วมร้องเพลงแล้วเสียงของน้องไปอยู่ในเพลง การที่เอาเพลงเพลงนี้ไปประกอบในมิวสิกวิดีโอเพื่อเเสวงหาผลประโยชน์ก็ต้องได้รับความยินยอมจากน้องก่อน การที่เอาไปใช้โดยพลการโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากน้องเลยถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ในส่วนของการจ้างทำของหรือไม่ หรือใครมีลิขสิทธิ์อะไร รอให้เป็นดุลยพินิจของศาลท่านวินิจฉัยชี้ขาด เพราะต่างฝ่ายต่างถือข้อเท็จจริงกันคนละอย่าง”
เผยค่าเสียหายที่เรียกที่ให้มีการชดใช้ เรียกจาก 30 เปอร์เซ็นต์ที่ควรจะได้ แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง
ทนายเจมส์ : “เรียกจากฐาน 30 ต่อ 70 แต่วันนี้ส่วนตัวไม่ได้ใส่ตัวเลขลงไปในคำฟ้อง สาเหตุเพราะตัวเลขยังไม่นิ่ง หลังจากนี้ผมเองอาจจะหมายเรียกเอกสารมาจากหลายๆ ที่ เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แน่นอนก่อน แล้วค่อยฟ้องเเพ่งอีกทีหนึ่ง ส่วนการเจรจาขณะที่ตัวเลขไม่นิ่งทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเจรจาได้ทั้งหมด”
เล็งร้องให้ยูทิวบ์เปิดรายได้
ทนายเจมส์ : “อันนี้ผมคิดเองนะ ว่าอาจจะร้องไปยัง 3 ที่ อาทิ 1.บริษัทของจำเลย 2. ยูทิวบ์ และ3. สรรพากร เป็นต้น เพื่อขอเอกสารมาดูว่ารายได้เขาเท่าไหร่และมีการยื่นไหม ซึ่งการยื่นเอกสารต่อยูทิวบ์โดยตรง ในส่วนการละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนนี้ก็มี แต่น่าจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย”
เผยไม่ใช่เคสแรกที่ฟ้อง สุดท้ายจบด้วยการยอมความเจรจา
ทนายความ : “มีเยอะแล้วครับ ไม่ได้ถือว่าเป็นเคสแรก แต่สุดท้ายแล้วคดีส่วนใหญ่จะจบลงที่การยอมความเจรจากัน 3 ล้านนี่เรียกเฉพาะค่ายูทิวบ์ อย่างอื่นก็มีด้วย อย่างที่ผมบอกว่ามีอยู่ 2 ส่วน โดยจำนวน 3 ล้านบาทนี้เรียกเพื่อต่อรองด้วยหรือไม่นั้น ก็คงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมทั้ง 2 ฝ่าย”
เผยหากอีกฝ่ายยอมจ่าย 2 ล้านจะจบไหม ยังไม่ได้มีตัวเลขในใจ
เก้า : “ส่วนนี้ผมก็ไม่ได้มีตัวเลขอยู่ในใจว่าเท่าไหร่ (เมื่อถามย้ำว่าหากให้ 1 ล้านบาท เราจบไหม?) อันนี้ส่วนตัวผมก็ไม่รู้ ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนจะดีกว่า เพราะเราไปเรียกไม่ได้”
ยันเงิน 1 หมื่นที่ได้ไม่ใช่ค่าจ้าง เป็นแค่ค่าขนม ค่าน้ำมัน
เก้า : “เขาบอกว่าค่าขนม ค่าน้ำมันรถที่ไปถ่ายเอ็มวี ยืนยันไม่ใช่ค่าจ้าง ทั้งนี้ในส่วนของ 10,000 บาทที่ให้มาก็ไม่ได้มีข้อตกลงในเรื่องของระยะเวลาการทำงานหรือจ้างเรา เเต่เขาให้หลังจากที่เราอัดเสียงร้องเสร็จ
พอเพลงดังก็ตามที่ผมบอก พอเพลงลงไปได้ 3 วัน พอเริ่มดัง เขาก็บอกว่าผมไม่ได้ส่วนตรงนี้ เขาบอกอีกว่าถ้าเกิดอยากได้ส่วนตรงนี้ก็ให้มาเซ็นสัญญา และถ้าเซ็นสัญญาแล้วเขาเองก็บอกว่ายังไม่ได้ในส่วนของเพลงดังกล่าว แต่จะได้ในส่วนของเพลงหน้าที่จะทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเขาจนว่าจะให้ 30 70 ในช่วงที่ถ่ายเอ็มวีที่จังหวัดพัทลุง ขณะนั้นทางเขาเองก็ยังไม่มีค่าย รวมไปถึงสัญญาก็เป็นสัญญาปากเปล่าด้วย และเพิ่งจะมาจดทะเบียนทำค่ายก็ตอนเมื่อเพลงมันดังแล้ว”
ทนาย : “เรื่องเงิน 1 หมื่นที่ไม่ใช่ค่าจ้าง เอาง่ายๆ มองว่าหากเป็นศิลปินไม่มีชื่อเสียงเลยไม่ต้อง 10,000 บาท แค่ 5,000 บาทก็สมควรแล้ว แต่นี้เขามีชื่อเสียงและฐานแฟนคลับมาจากรายการแข่งขันร้องเพลงมาก่อนหน้านี้ เลยเชื่อว่า 10,000 บาทไม่ใช่ค่าตัวน้องเขาเเน่นอน ถามดาราคนไหนก็ได้ ว่า 10,000 บาททั้งร้องและถ่ายเอ็มวี มีศิลปินคนไหนจะเอาไหม ซึ่งส่วนนี้เองก็ถือเป็นมาตรฐานในการตัดสินในศาลต่อไป”
ลั่นเจ็บใจ เป็นปมในใจมาตลอด ลั่นสัมพันธ์เริ่มลดระดับหลังออกรายการแล้วได้ 500 เฮฮาหน้ากล้องแค่การแสดง
เก้า : “ก็เจ็บใจมาตลอด จนถึงขั้นเป็นปมในใจมาตลอด ผมอยากจะบอกว่าช่วงที่ผมไปอัดรายการในช่วงที่ดังเเรกๆ ผมก็ไม่ได้คุยกันนะ เเม้ว่าจะไปเจอกันตามรายการ ต่างฝ่ายต่างทำงานหน้าที่ของตัวเอง แต่พอหน้ากล้องต่างฝ่ายต่างเฮฮาเหมือนคนรู้จักและสนิทกัน ทุกอย่างคือการแสดงเพราะตอนนั้นเราเองก็ไม่ได้สนิทใจตั้งแต่รายการแรก ก็มีคุยกันบ้าง แต่เจอหน้ากันไม่ค่อยคุยอะไรกันมาก โดยสถานะความสัมพันธ์เริ่มลดลงจากที่ไม่ค่อยคุยกัน ก็หลังจากที่ไปออกรายการแล้วได้ 500 บาท”
ฟุ้งมีงานคอนเสิร์ตติดต่อให้ออกคู่ “เปา กิ่งกาญจน์”
เก้า : “กับพี่เปาไม่ได้พูดคุยกันเลยครับ คุยแต่เรื่องคอนเสิร์ต เจ้าของงานเขาก็ให้ไปออกคู่”
