เป็นเรื่องราวแง่คิดสำหรับคนท้อชีวิตหรือประสบปัญหาในช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา หลายคนที่จากรุ่งหรือกำลังมีกิจการไปได้สวยกลับเป็นอันต้องปิดฉากกิจการไป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีข่าวถึงหลายๆท่านที่ประสบปัญหาจนถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตาย จึงอยากให้หลายคนหันกลับมามองต้นแบบผู้ไม่ท้อถอยและใช้สติปัญญาในการสู้ชีวิตพลิกสถานการณ์เป็นโอกาส ของหนุ่มนักติวเตอร์ อายุเพียง 25 ปี ที่สามารถนำเงินล้านซื้อบ้านและสามารถหยุดหนี้ทั้งหมดในเวลาอันสั้นในช่วงเกิดวิกฤติโควิด 19
นาย ชัยธวัช มีเดช อายุ 25 ปี หนุ่มติวเตอร์วิชาฟิสิกและคณิตศาสตร์ ระดับ นักเรียน ม.1 ถึง ม.6 อีกทั้งยังเป็นอาจารย์พิเศษของโรงเรียนธิดานุเคราะห์ในปัจจุบัน เน็ตไอดอนวิธีการคิดแบบหลักฟิสิกทางโลกออนไลน์ หนุ่มผู้มีแนวคิดแปลกไม่เหมือนใคร หลังจากเรียนจบ ป.ตรี ขณะอายุได้ 23 ปี ได้ขับรถ จักรยานยนต์เก่าๆยี่ห้อ ยามาฮ่าดรีม ที่คุณพ่อได้ซื้อให้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย มาซื้อบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นการกู้ซื้อบ้านครั้งแรกของนักเรียนจบใหม่ โดยใครๆ ก็ทราบดีว่ามันช่างยากเข็ญนักเพราะยังไม่มีเครดิตใดๆ
โดยคุณชัยธวัช ได้กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วตนเองได้ทำเรื่องกู้กับธนาคารแห่งหนึ่ง นายธนาคารได้แจ้งว่า มีโอกาสสูงมากที่จะกู้ไม่ผ่าน เพราะน้องไม่เคยกู้อะไรเลย ไม่มีประวัติการชำระอะไรเลย พูดกันตรงๆ น้องจะกู้บ้านเป็นอะไรที่ใหญ่มาก คนทั่วไปเขาต้องผ่อนรถก่อน แล้วจะดูประวัติการผ่อนจากรถ บวกกับน้องทำงานอิสระด้วย ขนาดบัตรเครดิตน้องยังไม่มีเลย พี่ว่าไม่ผ่านแน่นอน
แต่โชคดีที่คุณพ่อทำงานรัฐวิสาหกิจ ได้เงินเดือนที่แน่นอนมาร่วมกู้จึงผ่านไปได้ มันทำให้ตนเองรู้เลยว่า คำว่า เครดิตของแต่ละคนสำคัญมากแค่ไหน
ซึ่งคุณชัยธวัช ได้กู้บ้านมาในราคา 2 ล้าน บาทไม่รวมค่ารีโนเวทอื่นๆ โดยคุณชัยธวัช กับแฟนได้พยายามขยันทำงานอดออมเพื่อมีแนวคิดจะปิดบ้านให้เร็วและเสียดอกเบี้ยน้อยที่สุด ซึ่งไอเดียตรงนี้ที่เป็นที่น่าติดตาม
คุณธวัชชัย ได้เล่าว่า เทคนิคการผ่อนบ้านในแบบของเรา ต้องบอกก่อนว่าเรากู้ 2 ล้าน (ราคาขาย 2.2 + รีโนเวท 1.1 รวม 3.3 ล้านบาท) อันดับแรกเรามานั่งดูดอกเบี้ย แล้วดูว่าเงินที่เรามีควรไปอยู่ตรงไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด เช่น ธนาคารที่ผมกู้ มีดอกเบี้ยดังนี้ ปีแรก คงที่ 0.9% ปี 2-3 Mrr - 3.25 ประมาณ 2.97% จะเห็นว่าดอกเบี้ยในปีแรกถูกกว่าเงินฝาก 1.5% ของอีกธนาคารที่ตนเองฝากไว้อีก ดังนั้น 12 เดือนแรกตนเองไม่โปะก่อน เก็บเงินสด 300,000 บาท เอาไว้ (บางคนอาจแย้งว่า 0.9 % ของ 2 ล้าน เยอะกว่าเงิน 1.5 % ของ 3 แสน ซึ่งเราเทียบแบบนั้นไม่ได้ครับ เราต้องมองว่า 3 แสนที่เรามีไปอยู่ตรงไหนสร้างประโยชน์ต่อเรามากที่สุด)
ในปีที่ 2 ตนเองเริ่มโปะบ้านหนักในระดับที่ผ่อนต่อเดือน เฉลี่ย 150,000 บาท มีเท่าไรใส่ให้หมด เพราะว่าเงินที่ผมมีควรไปอยู่ในรูปบ้านเพราะดอกมันสูงกว่าเงินฝากเราแล้ว (การทำแบบนี้จะทำให้ตนเอง กับ แฟนขาดสภาพคล่อง) เพื่อสร้างประวัติในการชำระหนี้
ในปีที่ 2 เกิดโควิด-19 พอดี ทางธนาคารกรุงไทยออกมาช่วยหยุดพักชำระ และลดดอกเหลือ 0.5% เป็นเวลา 3 เดือน (เมษา-กรกฎา)
3.วิธีแก้ปัญหาสภาพคล่อง ฝึกจนให้ชิน ตนเองเป็นคนประหยัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และก็ดีใจที่ตนเองเป็นแบบนั้น ขับแต่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ไม่คิดจะซื้อรถยนต์ในช่วงนี้เลย แต่ไม่ได้หมายถึงวิธีตนเองนั้นดีที่สุดนะ ด้วยการงาน มันไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์เลย หากใครจำเป็นต้องใช้ก็ควรซื้อเพื่อเงินที่งอกเงยขึ้น
ภายนอกเราดูจนไปเลยทั้งตนเองและแฟน แต่เรารู้ว่าเปลือกนอกมันยังไม่ค่อยจำเป็น เป้าหมายเราใหญ่กว่านั้นมาก บางวันกินข้าว มานั่งดูว่า 1 วัน ใช้กี่บาท เฉลี่ยก็คง 150-200 บาท พยายามใช้ให้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำให้ได้
4. ข้อสรุป กู้ หรือ รอซื้อสดดี ?? ตนเองขอสรุปแบบนี้เลยครับว่า กู้ดีกว่าแน่นอนครับ
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1)ธนาคารวิเคราะห์ทุกอย่างแทนเรา เช่น บ้านนั้นเป็นที่ที่มีปัญหาอะไรหรือไม่ (อาจมีการครอบครองปรปักษ์ ) ราคาประเมินเท่าไร เรามีความสามารถผ่อนขนาดไหน ลองหลับตานึกภาพดีๆ มีคนมาช่วยเราวิเคราะห์แทนเราเต็มไปหมดเลย
2)เราโยนความเสี่ยงไปให้ธนาคาร 100% ลองนึกภาพนะครับ หากเราผ่อนไม่ไหว หนักที่สุดคือเราแค่เสียเครดิต คนที่ซวยจริงๆ คือธนาคารว่าจะเอาไปปล่อยต่อยังไงดี
3)ดอกเบี้ยถูกที่สุด เมื่อเทียบกับการลุงทุนแบบอื่น อสังหาฯ เป็นการลงทุนเดียวที่ธนาคารปล่อยกู้ ต่างจากหุ้นที่ใช้เงินเรา 100% บวกกับความเสี่ยงอยู่ที่เรา อีกอย่างเชื่อหรือไม่ว่าราคาอสังหาฯ มันขึ้นมากกว่าดอกเบี้ยจากธนาคารอีก ขอยืมคำพูดจากคุณ KIM Property
4)หยุดราคาที่มันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดดีดี 2 ล้านตอนนี้ กับอีก 10 ปี อันไหนมีมูลค่ามากกว่ากัน หากเรากู้ 30 ปี ในอีก 30 ปีสรุปหนี้ของคุณก็คือ 2 ล้าน และผมมั่นใจมากๆ ว่า 2 ล้านในอนาคต จะเล็กลงมากๆ จากอัตราเงินเฟ้อ ที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลทั่วโลก เมื่อเวลารัฐเป็นหนี้กัน เพราะนี่เป็นเครื่องมือที่ทำให้หนี้รัฐบาลลดลงเร็วมากเมื่อเงินมันเฟ้อ แล้วทำไมเราไม่เกาะประโยชน์จากตรงนี้ละครับ
และในวันนี้ 29 ก.ค.2563 คุณชัยธวัช ได้นำเงิน 1 ล้าน มาปิดบ้านเป็นของตัวเองสำเร็จ ซึ่งเป็นห้วงระยะของวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด 19 เป็นบ้านหลังแรกในชีวิตที่หยุดสถิติผ่อนไว้ที่ 1 ปี 7 เดือน จากสัญญากู้ 30 ปี อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆก็สามารถทำได้ แต่แนวคิด และ วิธีการคิดในการสร้างแนวทางการดำรงชีวิตนั้นสามารถนำเอาแบบอย่างที่ดี ไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ดังตัวอย่างของคุณชัยธวัช มีเดช ติดตามได้ที่เฟซบุ้ค https://www.facebook.com/100000235967404/posts/4490191194332035/?d=n