xs
xsm
sm
md
lg

ผมมองน้องเป็นผู้หญิง! “เมฆ” สวนดรามาควงสาวประเภทสอง ลั่นยุคนี้ควรยอมรับได้แล้ว เขาก็เป็นมนุษย์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เมฆ จิรกิตติ์” รับควง “น้องเฟรม” เดินห้าง ปัดนัวเนียแค่หยอกล้อกันเล่น ไม่ติดหากจะคบสาวประเภทสอง บอกความรักไม่จำกัดเพศ ยุคนี้แล้วควรยอมรับกันได้แล้ว สาวประเภทสองก็เป็นมนุษย์ รับเลิก “วันเดอร์เฟรม” 2 เดือนกว่าแล้ว เป็นเพื่อนกันดีที่สุด

หลังจากมีคนแอบแชะภาพพระเอกหนุ่ม “เมฆ จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์” กับสาวประเภทสองคนสวย “เฟรม วรณัน นลัทวรสกุล” พร้อมเล่าเป็นฉากๆ ว่าเห็นทั้งคู่เดินจู๋จี๋นัวเนียกันกลางห้างดัง ทั้งกอดทั้งหอมแบบไม่สนสายตาคน สวีตจนจะอ้วก งานนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่ามีการใส่สีตีไข่กันแน่ ล่าสุดหนุ่มเมฆออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่าน Nine Entertain พร้อมอัปเดตสถานะกับแร็ปเปอร์สาว “วันเดอร์เฟรม” ว่าตอนนี้ห่างกันได้กว่า 2 เดือนแล้ว

“ตั้งแต่เห็นอักษรย่อ ผมก็คิดว่าเป็นผมแหละ เพราะผมได้ไปกับน้องเฟรมจริงๆ แต่ว่าไม่ได้มีการกอด หอม อะไรแบบนั้นแน่นอนครับ วันนั้นผมมีธุระ จะไปซื้อของที่สยามอยู่แล้ว แล้วน้องเขาไปทำงานที่นั้นพอดี ผมก็เลยชวนน้องกินข้าวครับ เรารู้จักกันมา 2-3 ปีแล้วครับ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยครับ คือเราไม่ได้นัดกันเป็นกิจจะลักษณะขนาดนั้นด้วย บังเอิญอยู่สยามเหมือนกันพอดีเลยชวนไปกินข้าวครับ”

แจงไม่ได้เดินนัวเนียกันตามที่มีคนออกมาพูด บอกอาจจะเป็นจังหวะที่แกล้งกันเลยดูเหมือนจู๋จี๋
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นตอนที่แกล้งกัน เล่นกันมากกว่า ก็เลยอาจจะเป็นจังหวะที่เขาคิดว่าเราจู๋จี๋กัน สวีตกันหรือเปล่า แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ครับ คือ วันนั้นผมไม่แน่ใจว่าคุยกันเรื่องอะไร แต่มีการดึงแขน จับแขนประมาณนั้น แล้วที่บอกว่าไปเดินถือกระเป๋าให้ จริงๆ คือในรูปนั้น เป็นกระเป๋าผมนะครับ แต่ว่าถ้าเป็นของกระจุกกระจิกตามปกติผมจะช่วยถืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามครับ”

รับตกใจที่มีคนออกมาทำให้เป็นประเด็น แต่ก็ชินแล้วเพราะเจอข่าวแบบนี้บ่อย
ก็ค่อนข้างตกใจครับ แต่ผมคิดว่าเหมือนเป็นความเคยชินของผมแล้ว ที่มักจะเจอข่าวอะไรแบบนี้ ถามว่าเขาไปอ่านคอมเมนต์บ้างไหม ก็ไม่ถึงกับไล่อ่าน แต่ว่ามีเพื่อนในเฟซบุ๊ก เขาก็แชร์ แล้วบางทีเขาก็แท็กเราบ้าง บางทีเขาก็แชร์ แต่คือเราเห็นอยู่แล้ว ก็ได้เห็นบ้างครับ”

เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับตน และถึงจะเดตกับน้องเฟรม ที่เป็นสาวทรานส์จริงๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“สำหรับผมผมไม่คิดว่ามันกระทบอะไรมากครับ คือ อันนี้ความรู้สึกผมนะ ผมคิดว่าพอมันเป็นเรื่องว่าเราไปเดตกับใครสวีตกับใครก็ตาม มันก็แค่นั้นเอง แล้วผมก็คิดว่าสมัยนี้แล้ว คนอาจจะคิดว่าเขาเป็นสาวทรานส์แต่ผมคิดว่ามันได้เกี่ยวเลย คือ สมมตินะ ว่าถ้าเกิดผมเดตกับน้องเขาจริงๆ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ แต่ว่าผมไม่ได้เดตกับน้องเขาเท่านั้นเอง”

ส่วนตัวไม่ได้แคร์ว่าต้องคบเพศไหน หรือเพศสภาพอะไร เพราะรักจากที่เขาเป็นเขา
“ผมคิดว่าความรักถ้ามันเกิด เราไม่ได้แคร์หรอกครับว่าเขาจะเป็นเพศไหน เพศสภาพอะไร อายุเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องปกติของความรักมากกว่านะ ในฐานะมนุษย์ เวลาเรารักใคร จะรักเขาที่ตัวบุคคล ไม่ได้เกี่ยวว่าเขาเป็นอะไร”

ฉุนคอมเมนต์ที่พูดถึงน้องเฟรมแรงๆ บอกยุคนี้แล้วควรจะยอมรับได้มากขึ้น เพศไหนก็มนุษย์เหมือนกัน ถ้าจะรักกันมันผิดเหรอ
“จริงๆ ผมมีความเคืองนะ แต่ผมไม่ได้เคืองเรื่องที่มันมีคอมเมนต์ที่ค่อนข้างแรงกับน้องเขา ผมคิดว่ามันไม่ควรเลย คือต่อให้เราคบกัน คุยกันจริงๆ น้องเขาไม่สมควรจะโดนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับยุคสมัยด้วยนะ คือ ยุคสมัยมันควรทำให้เรายอมรับมันได้มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็คือมนุษย์เหมือนกัน เวลาคนเรารักกันมันผิดเหรอ”

หลังจากมีข่าวได้ขอโทษน้องแล้วที่เล่นเยอะจนเป็นเรื่อง บอกทางน้องก็เครียดเหมือนกัน กลัวทำให้ตนมีปัญหา
“ก็มีพิมพ์ไปขอโทษบ้าง ที่ทำให้น้องเขามีปัญหา เพราะว่าบางทีผมอาจจะเล่นเยอะไป เลยทำให้น้องเขามีปัญหาไปด้วย แต่น้องเขาก็ค่อนข้างเครียด เพราะกลัวว่าจะทำให้ผมมีปัญหาไปด้วยหรือเปล่ามากกว่า ผมก็พยายามบอกเขาอยู่ ว่ามันเป็นปัญหาของผม เดี๋ยวผมจะพยายามจัดการทั้งหมดให้ดีที่สุด ไม่ให้น้องเขาเสียหายแน่นอนครับ”

คือผมแต่รู้สึกว่าผมมีเพื่อนเป็นผู้หญิงเยอะ แล้วก็มีเพื่อนหลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน รสนิยมเพศแบบไหน คือผมมีเพื่อนเยอะมาก แล้วเวลาผมไปเที่ยวกับใครก็ตาม ผมไม่ค่อยแคร์อยู่แล้ว ว่าเราจะต้องระมัดระวังตัวนะ เดี๋ยวคนจะเข้าใจว่าเรามาเดตกัน ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นผมก็คงไม่ได้ไปเจอเพื่อน กินข้าวกับเพื่อนแน่อน

ถ้าพูดตามตรง ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องที่ว่าเราจะคบกับใคร แต่ว่าที่ผ่านมาผมคบแต่ผู้หญิงเท่านั้นเองครับ แต่สมมติผมชอบผู้ชาย ถามว่ามันเป็นเรื่องแปลกหรือเปล่าในยุคนี้ ผมรู้สึกว่าไม่นะ ผมคิดว่าในยุคสมัยนี้ เราควรจะยอมรับไม่ว่าเขาจะมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และในขณะเดียวกันสำหรับผม ผมก็มองน้องเขาเป็นผู้หญิง

ผมรู้สึกว่าเราสามารถเอาประเด็นที่เกิดขึ้น มาทำให้คนตระหนักรู้ได้เรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ ผมเป็นคนหนึ่งที่มีเพื่อนเป็น LGBT ค่อนข้างเยอะ คือผมโดนคำพูดว่า เฮ้ย เมฆเป็นหรือเปล่า มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่แฟร์เลย กับการที่ว่าเราพูดเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่ไม่ปกติ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเราเลย เขามีชีวิตปกติทั่วไป เพียงแค่รสนิยมทางเพศของเขา ความรักของเขา มันไม่ใช่แบบชายหญิงเท่านั้นเอง

ผมก็ไม่ได้เครียดครับ พูดตามตรงอย่างที่ผมเห็นตามที่เพื่อนผมแชร์ เขาก็รู้สึกว่าเออ สมัยนี้แล้ว แค่ผมไปกินข้าวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมจะต้องมีปัญหา พูดกันในทางที่ดูเหมือนเป็นเรื่องผิดปกติ ทั้งที่มันเป็นเรื่องปกติมากๆ”

ด้านความรัก ตอนนี้ยุติความสัมพันธ์กับแร็ปเปอร์สาว “วันเดอร์เฟรม” ได้ 2 เดือนกว่าแล้ว เพราะไลฟ์สไตล์ต่างกัน ตกลงเป็นเพื่อนกันมันเข้ากันได้ดีที่สุด
“สำหรับวันเดอร์เฟรม เราคุยกันแล้วว่าเป็นเพื่อนดีที่สุดครับ จริงๆ เราคุยกันมาเรื่อยๆ สักพักหนึ่ง ว่าความสัมพันธ์ของเรา เป็นเพื่อนนี่แหละดีที่สุดแล้วครับ คือมันเป็นเรื่องของไลฟสไตล์ด้วยครับ มันค่อนข้างต่างกัน แล้วเรื่องของการทำงาน ชีวิตต่างๆ คือเรามีวิธีการคิดที่เรารู้สึกว่า เมื่อเราเป็นเพื่อนมันเข้ากันได้ เรารู้สึกว่ามันเข้าได้ดีที่สุด เมื่อเราเป็นเพื่อนกันครับ (ห่างกันนานแค่ไหนแล้ว ?) ผมไม่แน่ใจประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ครับ”

บอกไม่ค่อยเฮิร์ตเท่าไหร่ เพราะคุยกันเข้าใจ
“ไม่ได้เฮิร์ตเท่าไหร่ครับ เหมือนเราคุยกันอย่างเข้าใจ แต่ว่าก็ขอพักก่อนแล้วกันครับ (หัวเราะ) ช่วงนี้ผมคิดว่าผมไม่อยากจะมีประเด็นอะไรเพิ่มแล้ว”

ยังไม่มีโอกาสเจอกันหลังลดความสัมพันธ์ แต่ยังคุยกันอยู่เพราะต้องทำงานด้วยกัน แต่เจอกันได้อยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“เจอกันได้ครับ สบายๆ ก็เป็นเพื่อนกัน แต่ช่วงนี้ไม่ได้เจอ แต่ก็มีไลน์คุย โทร.คุยกันบ้างครับ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แล้วเดี๋ยวเราจะมีงานร่วมกันด้วย เลยต้องมีกาาคุยบ้างนิดหน่อย ต้องเจอกันอยู่แล้ว ถามว่าความรู้สึกมันจะแปลกๆ ไปไหมตอนเจอกัน ก็ไม่แน่ใจครับ ต้องไปลองดู อันนี้คาดเดานะครับ ผมคิดว่าเราน่าจะเจอกันอย่างแฮปปี้ ยิ้มได้ ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพราะเราจบกันด้วยดี”

ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเรื่องความรัก แต่ก็ไม่ท้อเพราะหากมีความรักเกิดขึ้นอีก ก็จะทำทุกวิถีทางให้มันสมบูรณ์
“ไม่ท้อนะครับ เรื่องความรัก มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตมากกว่า คือเราไม่สามารถบอกได้ว่าเรามีความรักกับคนโน้นคนนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว เราท้อ เราไม่ขอรักอีก สุดท้ายมันก็ทำไมไม่หรอกครับ ถ้าเกิดว่าเราเกิดมีความรักขึ้นมา ยังไงๆ สุดท้ายเราก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความรักมันสมบูรณ์ครับ”
















กำลังโหลดความคิดเห็น