เป็นที่วิจารณ์กันไปทั่วสำหรับข่าวที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต โดยเหตุนี้เกิดตั้งแต่ปี 2555
อันที่จริงก็ต้องบอกว่านี่ใม่ใช่ครั้งแรกแต่อย่างใดที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาแบบค้านความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ แต่กระนั้นสำหรับเรื่องนี้แล้วก็ต้องบอกว่ามันมีเรื่องแปลกๆ ที่ทำเอาขำกันไม่ออกหลายเรื่องทีเดียว เมื่อลงไปยังรายละเอียดของเอกสาร-หนังสือที่ออกมา
เริ่มตั้งแต่ที่ระบุว่า “เรียน นายวรยุทธ อยู่วิทยา” แค่ขึ้นต้นแบบนี้ใครเห็นก็ฮาแล้ว เพราะที่ผ่านมาที่มันเป็นเรื่องเป็นราวก็เนื่องจากตัวนายวรยุทธเองหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็อ้างว่าไม่รู้ที่อยู่ ไม่สามารถนำตัวมาลงโทษได้ แต่จู่ๆ กลับมีหนังสือ “เรียน” ไป ราวกับจะให้เจ้าตัวเซ็นเพื่อรับทราบซะอย่างนั้น
เอาเป็นว่าเรื่องนี้ถ้าเป็นเอกสารที่ต้องทำไป ทางกฎหมายก็พอรับกันได้ แต่พออ่านต่อในรายละเอียดของหนังสือที่ระบุว่า...“ตามคดีอาญาที่อ้างถึง 1) คดีอาญา ระหว่าง พันตำรวจโท วิรดล ทับทิมดี ผู้กล่าวหา นายวรายุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 และดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 2” ตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงงงไปใหญ่!?
เพราะจู่ๆ ดาบตำรวจ วิเชียร ที่เสียชีวิตเนื่องจากถูกนายวรยุทธขับรถชน แต่ไหงมาถึงตอนนี้ถึงกลับกลายมาเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ไปซะอย่างนั้น
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คนทั่วไปจะงง ขนาดตำรวจเองอย่าง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ที่ออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องนี้ยังระบุว่าตนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ และขออนุญาตกลับไปตรวจสอบเอกสารก่อน (อ้างอิง : สตช.แถลงยอมรับเห็นพ้องอัยการสั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ” ชนตำรวจตาย ขอถอนหมายจับทั้งหมด)
งงที่ 3 ก็คือ ในขณะที่ตำรวจที่เสียชีวิตมีชื่อเป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจเองยังไม่สามารถอธิบายได้ ปรากฏว่าตำรวจที่เพิ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อย่าง พันตำรวจโท วิรดล ทับทิมดี กลับไปปรากฏเป็นชื่อผู้กล่าวหาซะอย่างนั้น
ย้อนกลับไปคงจำกันได้ดีว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนปี 2555 แต่ผ่านไป 4 ปี คดีกลับไม่มีความคืบหน้า บางคดีหมดอายุความ ขณะที่ตัวผู้ต้องหาก็หนีไปต่างประเทศ
ปี 2559 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.จึงได้เรียกสอบสวนตำรวจที่เกี่ยวข้องว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็มีข่าวถึงการโยกย้ายนายตำรวจที่ถูกสอบสวนตามมาก่อนที่ข่าวนี้จะเงียบหายไป
กระทั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงได้เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ชี้มูลความผิดตำรวจทั้ง 7 นาย ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีสอบสวนช่วยเหลือนายวรยุทธ ทายาทเครือธุรกิจ “กระทิงแดง” ไม่ให้ถูกดำเนินคดีขับรถขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด และไม่ดำเนินการออกหมายจับ เพื่อให้ได้ตัวมาส่งพนักงานอัยการฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนี
ปรากฏว่า 1 ใน 7 นายตำรวจที่ถูกชี้มูลความผิดนั้นมีชื่อ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดชื่อของ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี ก็กลับไปปรากฏอยู่ในเอกสารโดยระบุว่าเป็น “ผู้กล่าวหา” แบบนี้จะไม่ให้ทั้งฮา ทั้งงง ได้ยังไง?
...
หมายเหตุ : การพิจารณานั้นทาง ป.ป.ช.ได้แยกพิจารณาเป็นคดีๆ ไป ประกอบด้วย กรณีมีเจตนาละเว้นไม่ดำเนินคดีต่อนายวรยุทธ ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีไม่นำรายงานผลการคำนวณความเร็วของกองพิสูจน์หลักฐานที่พบว่านายวรยุทธขับรถยนต์ด้วยความเร็วเฉลี่ย 177 กม./ชม. มาประกอบการทำความเห็นในทางคดีนั้น ป.ป.ช.มีมติว่า พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะ เพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ
ส่วนกรณีละเว้นไม่ดำเนินการออกหมายจับนายวรยุทธ ป.ป.ช.มีมติว่า พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล และ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ (อ้างอิง : ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือทายาทกระทิงแดง)