xs
xsm
sm
md
lg

สตช.แถลงยอมรับเห็นพ้องอัยการสั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ” ชนตำรวจตาย ขอถอนหมายจับทั้งหมด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



โฆษก สตช.แถลงยอมรับอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” ทายาทกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจตาย และทาง สตช.เห็นพ้อง จึงเพิกถอนหมายจับทั้งหมด และประสานตำรวจสากลขอถอนหมายจับอินเตอร์โพล ย้ำไม่ก้าวล่วงความเห็นอัยการ คาดพิจารณาตามพยานหลักฐาน ไม่มีสองมาตรฐาน

วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.แถลงข่าวกรณีสื่อต่างประเทศรายงานว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ที่ขับรถเฟอร์รารีชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยยอมรับว่าเมื่อเดือนมิถุนายนได้รับคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี เป็นหนังสือจากอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพฯ ใต้ 1 ได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เมื่อเราได้รับคำสั่งแล้วก็มีการพิจารณาในฝ่ายกฎหมายว่าเราจะมีความเห็นอย่างไร และเราเห็นพ้องตามอัยการ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือ ยื่นต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนหมายจับ และให้กองการต่างประเทศประสานไปยังตำรวจสากลเพื่อขอเพิกถอนหมายจับของอินเตอร์โพลด้วย

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า การเพิกถอนหมายจับเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ส่วนเรื่องเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เราคงไม่ไปก้าวล่วงได้ แต่ในเรื่องความเห็นแย้งหรือไม่แย้ง ไม่ใช่เฉพาะคดีนี้คดีเดียว มันเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลายคดีตำรวจก็มีความเห็นแย้ง หลายคดีตำรวจก็ยืนตามความเห็นอัยการ ก็คงเป็นการพิจารณาตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องของสองมาตรฐาน ในเรื่องการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา การตรวจสอบถ่วงดุลกันระหว่างตำรวจ อัยการ และศาล มีอยู่แล้ว ขั้นตอนก็คือว่าเมื่อมีการส่งความเห็นไปเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการได้สั่งการ เราก็ดำเนินการตามนั้น

ทั้งนี้ การแย้งหรือไม่แย้งความเห็นอัยการ อยู่ที่พยานหลักฐาน ไม่ใช่การทำตามกระแสสังคม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปี 2555 นั้น บางนายที่มีความบกพร่องในการทำสำนวนก็ถูกดำเนินการทางวินัย บางส่วนเสร็จสิ้นไปแล้วด้วยซ้ำ ในการแจ้งข้อกล่าวหาอาจจะมีพยานหลักฐานบางส่วน แต่ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเข้ามาใหม่จะไปตัดสิทธิในการมีความเห็นทางคดีไม่ได้ และมีการกลั่นกรองโดยพนักงานอัยการทุกขั้นทุกตอน ในการสอบสวนใครก็เข้าไปก้าวล่วงไม่ได้ แม้กระทั่ง ผบ.ตร.ก็เข้าไปสั่งคดีไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า และไม่ได้ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะไปยื่นฟ้องร้องเองตามกฎหมาย

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า เราเสียใจกับการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าย้อนเวลาไปได้ ก็คงมีการจับกุมและฟ้องคดีให้ดีกว่านี้ แต่ในการดำเนินคดีมันเป็นเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วทุกอย่างมันมีขั้นมีตอน มีการตรวจสอบถ่วงดุลจากทุกหน่วยงานอยู่แล้ว และมีการเปิดให้ตรวจสอบมาตลอด ถ้าย้อนไปตั้งแต่ปี 2555 การสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องข้อหาใดมันมีเหตุผล มีพยานหลักฐานสนับสนุน อะไรที่ยังคาใจของสังคมก็มีการตรวจสอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดอยู่แล้ว

ส่วนกรณที่ ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ที่ถูกรถของนายวรยุทธชนเสียชีวิต กลับตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น พ.ต.อ.กฤษณะไม่สามารถชี้แจงได้ โดยกล่าวว่าขออนุญาตไปตรวจสอบเอกสารก่อน

พล.ต.อ. ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ตำรวจเป็นฝ่ายสูญเสีย ตำรวจทุกคนเสียใจ แต่กระบวนการดำเนินการ การสอบสวน ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครบกพร่องอย่างไรก็ว่ากันไป และกระบวนการขั้นตอนก็มาตั้งหลายปี วันนี้เรามาชี้แจงกระบวนการของกฎหมาย เมื่ออันการสั่งไม่ฟ้อง แล้วหลังจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยคณะกรรมการมีความเห็นพ้อง ก็จบตามนั้น แต่ถ้าจะไปวิเคราะห์ทางอื่นว่าคุกมีไว้ขังใคร ไม่ใช่หรอก กฎหมายต้องเป็นกฎหมายอยู่แล้ว การลงโทษต้องเป็นไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ และเรื่องนี้ยังสามารถฟ้องร้องได้ถ้ามีข้อมูลใหม่ ทางญาติผู้เสียหายที่มีข้อมูลใหม่ก็สามารถฟ้องเองได้อีก กฎหมายเรามีหลายช่องทาง จึงอยากให้เข้าใจถึงการอธิบายกระบวนการของแต่ละส่วน อย่าลืมว่าผู้สูญเสียในเรื่องนี้คือตำรวจ ประเด็นอื่นๆ เราก็ไม่ก้าวล่วง แม้แต่ความเห็นของแต่ละส่วน ซึ่งก็คงพิจารณาตามพยานหลักฐาน



กำลังโหลดความคิดเห็น