“แซนวิช” ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา มั่นใจไม่ผิดกรณีรวมหัวกับ “กานต์” ไลฟ์สดไล่ “อีฟ” ออกจากบ้าน ส่วนศึกกานต์ ก็ยังไม่จบ อัดเป็นใครถึงมาสั่งให้ตรวจ DNA “น้องลีออง” ในเมื่อยังไม่เคยออกจากปาก “เสก” ลั่นเลยจุดนั้นมาแล้ว ตัดปัญหาไม่เกี่ยวข้องเสก รับผิดชอบค่าใช้จ่ายคนเดียว ไม่หวั่นอนาคตลูกโดนล้อเรื่องนี้ ด้าน “ทนายอีฟ” เผยเป็นฝ่ายเสนอให้กานต์จ่าย 7 ล้าน ถ้าไม่โพสต์ด่าอะไรอีกก็จะไม่ดำเนินคดีเพิ่ม
อีรุงตุงนังไม่จบง่ายๆ สำหรับศึกของภรรยาคนปัจจุบัน และภรรยาเก่าของนักร้องชื่อดัง “เสก โลโซ” เสกสรรค์ ศุขพิมาย ล่าสุดเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.) ที่ศาลอาญามีนบุรี ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐาน คดีที่ “อีฟ แม็กซิม” อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย” เป็นจำเลยที่ 1 และ “แซนวิช ปภาดา โชติกวณิชย์” เป็นจำเลยที่ 2 กรณีร่วมมือกันไล่อีฟออกจากบ้าน พร้อมทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กให้ประชาชนรับรู้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2562 โดยฟ้องทั้งหมด 2 ข้อหา คือ 1.ข้อหาข่มขืนใจ ในส่วนที่มีการร่วมกันบุกไปที่บ้านและไล่อีฟออกจากบ้าน 2.ข้อหาหมิ่นประมาท
อย่างไรก็ตาม วันนี้อีฟไม่ได้มาด้วยตัวเอง ส่งเพียงทนายความมาแทน มีแต่ทางฝั่งของกานต์และแซนวิช ที่ต้องมาเผชิญหน้ากันจังๆ หลังจากแตกคอกันไปครั้งล่าสุด
ซึ่งหลังออกจากห้องพิจารณาคดี ทางฝ่ายของ “กานต์” เดินทางกลับเลยโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ด้าน “แซนวิช” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีความหนักใจใดๆ เพราะสิ่งที่ตนทำไม่เข้าข่ายข้อกล่าวหา พร้อมเผยกรณีกานต์บีบให้ตรวจดีเอ็นเอลูกชาย “น้องลีออง” ว่าเป็นลูกเสกหรือไม่ เจ้าตัวจวกกลับแสบๆ คันๆ กานต์เป็นใครถึงมาสั่งตน
“วันนี้เป็นคดีที่ทางฝั่งอีฟฟ้องแซนและจำเลยที่ 1 วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากก็เป็นนัดที่ 2 ที่ศาลนัดสอบคำให้การ เจอกันอีกทีแมตซ์หน้าวันที่ 24-25 ก.ค. เป็นนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองฝ่าย ความคืบหน้าวันนี้ก็ไม่มีอะไร เราก็รวบรวมหลักฐานที่ทางเรามีไลฟ์สดที่ไล่อีฟออกจากบ้านในวันนั้นค่ะ เป็นการคัดคำจากในไลฟ์สดและภาพถ่ายเป็นหลักฐาน ก็มีเท่านี้ค่ะ เพราะไม่ได้มีอะไรมาก จริงๆ ตามรูปคดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คิดว่ารอบหน้าน่าจะตัดสิน”
“ถามว่าน้อมรับว่าเราทำผิดไหม ไม่ๆ วันนี้ศาลท่านก็ถามเรา และเราก็ยืนกรานปฎิเสธ เพราะในข้อหาที่เขาฟ้องเรามันไม่เข้าข่าย เขาฟ้องข้อหาข่มขืนใจ น่าจะประมาณนี้ อีกข้อหานึงก็คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ก็มั่นใจว่าวันนั้นเราไม่ได้กระทำความผิดค่ะ วันนี้ก็ได้เจอกานต์ที่เป็นจำเลยที่ 1 เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้คุยกัน ก็ไม่เจอกันหลายเดือนแล้วค่ะ ไม่ได้พูดคุยอะไรกันค่ะ ถามว่าเป็นจำเลยเหมือนกัน ต้องมีอะไรปรึกษากันไหม อันนั้นปล่อยเป็นเรื่องของทนายค่ะ ทนายคนละคนค่ะ ส่วนใหญ่เรื่องทางกฎหมายแซนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนาย”
“ส่วนกับอีฟไม่มีคุยกันนอกรอบเลยค่ะ ไม่ได้คุย เท่าที่คุยกับทนายถามว่าแนวโน้มเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องรอแมตช์หน้า เพราะตอนนี้ยังพูดอะไรมากไม่ได้ แซนก็ไม่ค่อยทราบรายละเอียดด้วย อย่างที่บอกว่าครั้งนี้ก็แค่นัดพร้อมและสอบคำให้การ ก็ต้องรอนัดหน้าที่สืบพยานโจทก์”
“ถามว่าพร้อมรับคำตัดสินไหม พร้อมค่ะ ก็ได้คุยกับทนายเรื่องการรับโทษอะไรต่างๆ ค่ะ ปรึกษากันอยู่ แต่ยังไม่ได้มีข้อขี้ชัดอะไร อย่างที่บอกว่าต้องรอรอบหน้า ความกังวลไม่มีเลยค่ะ ถามว่าเรามั่นใจว่าเราไม่มีความผิดใช่ไหม ก็ต้องรอดูแมตช์หน้าแหละ เรื่องไกล่เกลี่ยกับอีฟ ไกล่เกลี่ยกันไปแล้วรอบแรกค่ะ แต่ไม่เป็นผลค่ะ แต่ทางเขายืนกรานว่าจะดำเนินคดีหรือยังไง อันนี้ไม่ทราบเลยค่ะ วันนี้เขาก็ไม่ได้มา ต้องถามทางฝั่งเขาดูค่ะ”
ซัดกลับ “กานต์” เป็นใครถึงมาสั่งให้ตนพาลูกชายไปตรวจ DNA เพราะ “เสก” ยังไม่เคยมาพูดเลย
“กับกานต์ไม่ได้คุยเลยค่ะ ถามว่าอยากจะคุยอะไรไหม ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ (คนจะมองว่าตอนแรกก็ดีกันอยู่ ไล่อีฟออกจากบ้าน แต่ตอนนี้มาตีกันเองแล้ว?) ในส่วนของแซนไม่ได้มีปัญหาอะไร และใช้ชีวิตปกติ ส่วนที่เขาบอกว่าอยากจะตรวจดีเอ็นเอลูกของเรา อันนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวดีกว่า ยังไม่ได้มีการทำอะไร (ยืนยันว่าลูกของเราเป็นลูกพี่เสก?) ก็ตามนั้นค่ะ ถามว่าอยากพิสูจน์ให้สังคมรู้ไหม จริงๆ ในส่วนนี้แซนยังไม่ได้ออกมาพูด และจริงๆ แล้วในส่วนตรงนี้เป็นเรื่องระหว่างแซนกับเสกมากกว่า ถามว่าเราพร้อมจะตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ให้กระจ่างไปเลยไหม ใครเป็นคนให้ตรวจล่ะ เสกเหรอ เสกยังไม่เคยคุยอะไรกันเลย”
“ก็ไม่มีความจำเป็นอะไร เพราะ ณ ปัจจุบันแซนก็เลี้ยงน้องเอง และไม่เคยเรียกร้องสิทธิอะไรด้วย ถามว่าเขายังส่งเสียไหม ไม่ได้ติดต่อกันค่ะ เพราะไม่อยากมีปัญหามากกว่า คือตัดปัญหาออกแค่นั้นเอง เราก็ใช้ชีวิตและดำเนินชีวิตปกติ เรื่องค่าใช้จ่ายของลูกเรารับผิดชอบเองค่ะ จริงๆ เรื่องของค่าใช้จ่ายตั้งแต่เกิดมาแซนก็ซะส่วนใหญ่ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะลูกเรา เราก็ดูแลได้ ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง และไม่ได้มีอะไรน่ากังวลด้วย”
เลยจุดตรวจดีเอ็นเอมาแล้ว ไม่ห่วงความรู้สึก "ลีออง" ปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต
“ยืนยันว่าเราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ใครรู้ คือมันเลยจุดๆ นั้นมาแล้ว และคนที่ออกมาบอกให้เราพิสูจน์เขาเป็นใคร ถามว่าโกรธไหม ไม่โกรธค่ะ เราพอทราบเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น ที่เขาพยายามจะบอกว่าลีอองไม่ใช่ลูกเสก ก็ความคิดเขา เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้ ถามว่าห่วงความรู้สึกลูกในอนาคตไหมว่าถ้าต้องมารับรู้เรื่องนี้ ไม่นะคะ เพราะแซนเชื่อว่าการเลี้ยงดูของแซน อนาคตข้างหน้าแซนก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ ณ ปัจจุบันแซนก็เลี้ยงลูกให้ดีที่สุดและเต็มที่ที่สุด ก็ตั้งแต่พาลูกออกจากบ้านเสก ลูกก็ไม่เคยได้เจอเสกเลย แต่ปกติก็ไปๆ มาๆ อยู่แล้ว เขาก็เลยไม่ได้เรียกร้องอะไร ถามว่ากี่เดือนแล้ว นานแล้วค่ะ แต่ไม่ถึงปี”
ยังไม่ตัดขาดเสก ไม่ปิดกั้นพ่อเจอลูก
“ถามว่าตัดขาดกับเสกหรือยัง ก็ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า จริงๆ ณ ปัจจุบันก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตอนนี้แซนก็ใช้ชีวิตตามปกติ และทำธุรกิจซะส่วนใหญ่ เอาเวลาไปมุ่งเน้นเรื่องธุรกิจมากกว่า และลีอองก็เพิ่งจะเข้าโรงเรียนด้วย ก็เลยยังไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้เลยค่ะ ความสัมพันธ์พ่อกับลูก เราก็ไม่ได้ปิดกั้นค่ะ เสกมาเจอได้ปกติเลยค่ะ ไม่ว่าใครก็เจอได้ปกติ เขาบ่นคิดถึงพ่อหรือถามหาบ้างมั้ยเหรอ เขายังเด็กมากไงคะ ก็ตามประสาค่ะ”
“ถามว่าเราจะตอบคำถามกับเขายังไงถ้าถึงวันที่เขาต้องรับรู้ จริงๆ ปัญหาในส่วนนั้นแซนมองว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือเรื่องอะไรถูกมั้ยคะ ก็รอให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วเราถึงสามารถที่จะแก้ได้ว่าปัญหาในส่วนตรงนั้นคืออะไร ถ้าเขาโดนเพื่อนล้อว่าพ่อแม่มีปัญหากันกัน แซนว่าหลายๆ ครอบครัวก็มีปัญหาอยู่แล้ว แซนมองว่าในส่วนตรงนี้ไม่ได้เป็นผลกระทบในส่วนตัวน้องเลย อยู่ที่สังคมและการเลี้ยงดู การปลูกฝังของเรามากกว่า”
“ส่วนกับกานต์ตอนนี้ก็ปกติค่ะ แซนไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ถามว่าจะกลับมาดีกัน หรือตีกันตลอดไป เรายังไม่ได้มีอะไรที่ต้องร่วมกันหรือว่าเกี่ยวพันกันค่ะ ก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะในชีวิตมีหลายอย่างที่ต้องคิดต้องทำมากกว่าเรื่องตรงนี้ เรื่องอดีตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอดีต เราก็ทำวันนี้และอนาคตให้มันดีเท่านั้นเอง แต่คงจะไม่มีโอกาสกลับไปอยู่บ้านเสก เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ไปอยู่นะ แต่ว่าอาจจะเสพข่าวในทางที่ผิดกันหรือเปล่า ไม่เคยไปอยู่ อยู่บ้านตัวเองอยู่แล้วค่ะ”
ด้าน “นายอธิภัทร ภัทรมงคลชัย” ทนายความ “อีฟ แม็กซิม” เผยความคืบหน้าคดีว่า
“วันนี้เป็นนัดพร้อมให้การและตรวจพยานหลักฐานครับ อีฟฟ้องคุณกานต์ในกณีที่ไลฟ์สดไล่ออกจากบ้าน ก็ฟ้องไปสองข้อหาคือข่มขืนใจกับหมิ่นประมาททั้งสองจำเลยครับ ข่มขืนใจในแง่ที่ร่วมกันบุกไปที่บ้านและให้อีฟออกจากบ้าน มองว่าเข้าข้อหาข่มขืนใจ และที่ทางคุณกานต์ไลฟ์สดและมีข้อความไลฟ์สด ทางเราก็มองว่าเป็นข้อหาหมิ่นประมาท ถามว่าแนวโน้มไปในทิศทางไหน อันนี้ศาลนัดสืบพยานวันที่ 24-25 พ.ย. ส่วนแนวทางเป็นยังไงมันเรื่องของรูปคดี แต่ทางคุณอีฟและทางผมเตรียมพยานหลักฐานพร้อมที่จะดำเนินคดีกับทางคุณกานต์และแซนวิชเรียบร้อยแล้วครับ”
“ถามว่าคุณกานต์สู้คดียังไง เบื้องต้นเขาก็ปฎิเสธ แต่รายละเอียดผมขอไม่กล่าวครับ ส่วนของคุณแซนวิชก็ปฎิเสธเช่นกัน แต่ผมบอกได้เบื้องต้นว่ามาแนวทางสู้คนละแนวแค่นั้นเอง เขาก็สู้ปกติครับ คุณกานต์ก่อนหน้านี้ที่มีคดีความกับคุณอีฟ เขาก็สู้มาตลอด ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนตัวคุณอีฟเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร มีแต่ต้องย้อนกลับไปที่ศาลตัดสินคดีแรกเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ทางศาลเขาอยากให้สองฝ่ายยุติคดีกัน ตัวทนายฝั่งเขาโทร.มาหาผมก่อนที่จะมีนัดสืบพยาน น่าจะวันที่ 11-12 มิ.ย. เขาถามว่ามีทางออกไหมกับเรื่องนี้ ผมก็บอกว่าเดี๋ยวลองคุยให้”
รับเป็นฝ่ายเสนอให้ทาง “กานต์” ยอมจ่าย 7 ล้านเพื่อจบ แต่ “อีฟ” ต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุดมากกว่า
“เบื้องต้นผมก็เลยเสนออีฟว่าเราก็โดนด่ามานานแล้ว ระยะเวลาก็นานแล้ว มันควรจะจบ ผมก็จะลองคุยให้เขาขอโทษ และผมมองในมุมทนายว่าเขาก็มีความเสียหายในชื่อเสียงเขาพอสมควร รวมถึงเรื่องไลฟ์สดด้วย ฉะนั้นผมเลยมองว่าถ้าจะจบทั้ง 4 เรื่องก็เลยเสนอไปทางเขาว่าตัวเลขกลมๆ คือ 7 ล้าน ผมเป็นคนเสนอ เพราะผมมองว่าทางลูกความผมมีสิทธิควรจะได้ แต่ตอนที่คุยกับคุณอีฟจุดประสงค์หลักของเขาคือต้องการดำเนินคดีกับคุณกานต์ให้ถึงที่สุด เพราะมองว่าอย่างน้อยเขาก็เสียชื่อเสียงมาแล้ว คุณกานต์ก็ควรจะรับผิดชอบอะไรบ้าง เหมือนที่ศาลมีคำสั่งมา”
“รวม 4 คดี 7 ล้านครับ เราให้น้ำหนักกับคดี (ไลฟ์สด) นี้มากกว่า เพราะคดีที่เหลือเรามองว่าก็แค่การด่าในเฟซบุ๊ก แต่ที่อีฟโดนก็ด้วยลูกความผมเขาเป็นคนมีชื่อเสียง ทางคุณกานต์ก็เป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนกัน ผมมองว่าถ้าวัดจากชื่อเสียงที่เราเสียไป ผมมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม ซึ่งที่คุณกานต์บอกว่าจะไม่ให้แน่ๆ ก็ไม่เป็นไรครับ (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าจริงๆ คุณอีฟก็ไม่ประสงค์อยากได้เงิน มีแต่ผมมองว่าลูกความผมควรจะได้ ผมก็เลยเรียกให้ และเป็นแนวทางที่ทนายเขามาขอให้เสนอยุติเรื่อง และศาลก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายยุติคดี ผมก็เลยมองว่าลูกความผมควรจะได้ ผมก็เลยเสนอให้ แต่จุดประสงค์ของคุณอีฟยังไงก็อยากดำเนินคดีกับคุณกานต์ให้ถึงที่สุด”
“กับแซนวิชยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันในเบื้องต้น มีแต่ทนายเขาโทร.มาคุย แต่ทางตัวแซนวิชจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้คุยเหมือนกัน ถามว่าโทษของคดีข่มขืนใจนี้หนักแค่ไหน อันนี้ไม่แน่ใจเรื่องข้อกฎหมายนะครับ แต่เบื้องต้นน่าจะจำคุกไม่เกิน 3 ปี ความเห็นผมน่าจะโดนน้อยกว่าคดีที่แล้ว เพราะคดีที่แล้วมันหลายกรรม และมีคดีที่ 2 จะสืบ 4-5 ส.ค. ก็หลายกรรมเหมือนกัน เป็นคดีที่คุณกานต์กล่าวหาว่าเป็นอีเหลือม ซึ่งเป็นรอบสองที่ทางเราฟ้องคดีรอบแรกแล้ว และมองว่าเราคุยผ่านศาล ผ่านทนายเขาว่าให้หยุด แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด เราก็เลยดำเนินการฟ้องคดีที่ 2 เป็นกรรมมากกว่าคดีแรก น่าจะ 10 กรรม”
“กับคุณกานต์คดีนี้ถ้าเรียงลำดับการฟ้องก็เป็นคดีที่ 3 คือคดีไลฟ์สดขับไล่ มันจะมีที่ดำเนินการไปแล้วก็คือที่ตัดสินไปเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ส่วนกรณีที่ 4 เป็นคดีที่ทางค่ายเพลงกับทางคุณกานต์แต่งเพลงหมิ่น ก็คือเอาเหตุการณ์นี้ไปแต่งเพลง ศาลนัดสืบพยานวันที่ 29 ม.ค. 64 ก็ข้อหาหมิ่นประมาทเหมือนกัน”
บอกถ้า “กานต์” ไม่โพสต์ด่าอะไรอีกก็คงไม่มีคดีเพิ่ม และ “อีฟ” ก็ไม่ได้เครียด ยังใช้ชีวิตปกติ
“ก็คงไม่มีคดีอะไรเพิ่มเติมแล้วครับ ต้องบอกว่าช่วงหลังคุณกานต์เขาไม่ได้กล่าวหาลูกความผมแล้วครับ แต่ถ้าหลังจากนี้เขามีโพสต์ด่าอีก ผมคงต้องขอดูเนื้อหาที่เขาโพสต์ด่าก่อน คือถ้าเกิดเขาไม่ได้กล่าวหาทางลูกความผม ก็ไม่มีอะไร เพราะเรามองว่าจะอุทธรณ์หรือเปล่าด้วย เพราะว่าคดีนั้นศาลรอ และคุณอีฟก็มองเบื้องต้นว่าขอดูเนื้อหาก่อนว่าจะอุทธรณ์หรือเปล่า แล้วก็ดูอะไรหลายๆ อย่างอยู่ครับ ถามว่าไม่จบง่ายๆ ไหม จริงๆ ผมว่ามันจะจบตั้งแต่ปีนี้แล้วครับ แต่ว่าติดที่คุณกานต์เขาก็อย่างที่เห็นน่ะครับ”
“ถามว่าคุณอีฟเครียดไหม ไม่เครียดหรอกครับ ผมว่าความหนักใจน่าจะอยู่ที่ผมมากกว่า (หัวเราะ) เพราะพอคุณอีฟส่งเรื่องมาที่ผม ผมก็แค่รายงานว่าศาลนัดวันไหน แล้วพอจะขึ้นศาลผมก็นัดสืบ นั่งซักซ้อมพยานและนัดสืบเท่านั้นครับ คุณอีฟทุกวันนี้เขาก็ใช้ชีวิตปกตินะ”