เป็นการทำงานกันอย่างจริงจังสำหรับรัฐบาลของนิวซีแลนด์ ต่อการจำกัดการเข้าถึงสื่อลามกอนาจารของเยาวชน ที่นับวันจะยิ่งเข้าถึงง่ายขึ้นทุกที โดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ที่สามารถใช้งานเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นอย่างดี และรู้วิธีใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างไม่มีปัญหา ส่งให้เยาวชนที่อยากรู้อยากเห็น ท่องเว็บไซต์ค้นหาสื่อลามกอนาจารได้อย่างง่ายดาย
รัฐบาลทุ่มงบทำแคมเปญช่วยรณรงค์
รัฐบาลนิวซีแลนด์ไม่ได้นิ่งนอนใจ จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถึงขั้นใช้งบประมาณกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ จัดทำแคมเปญที่ช่วยให้พ่อแม่ป้องกันลูกๆจากโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ที่พ่อแม่ต่างกลุ้มใจที่ลูกๆเอาแต่อยู่กับโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกๆกำลังดูอยู่นั้นคืออะไร
แคมเปญที่เกิดขึ้นนี้ สร้างสรรค์โดย Motion Sickness โดยเป็นความพยายามร่วมกันกับ กรมกิจการภายใน, Netsafe, สำนักงานจัดแบ่งประเภทภาพยนตร์และวรรณกรรม และ กระทรวงศึกษาธิการของนิวซีแลนด์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเว็บไซต์ www.keepitrealonline.govt.nz.
เรียกความสนใจดึงเอา 2 ดาวโป๊มาเล่นโฆษณา
ส่วนแคมเปญที่เกิดขึ้นผ่านทาง The Keep It Real Online มีทั้งรณรงค์เรื่องของการ บูลลี่, คอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม, พฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ และการใช้สื่อลามกอนาจาร
โดยแคมเปญที่เกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสมนี้เกิดขึ้นเพื่อ สนับสนุนให้ผู้ปกครองกล้าที่จะพูดคุยกับบุตรหลานเพื่อให้รู้ว่า โลกของสื่อลามก ไม่ได้เหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมกันนั้นยังต้องการให้ปรึกษาพูดคุยกันถึงการเคารพให้เกียรติกับคนที่ตนเองกำลังคบหาอยู่ด้วย
ในโฆษณาที่เป็นที่สนอกสนใจมากที่สุด เป็นโฆษณาเกี่ยวกับการใช้สื่อลามกอนาจาร โดยมีชาย-หญิงคู่หนึ่งที่เรียกตนเองว่า “ซู” และ “เดเรค” ยืนเปลือยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน พร้อมกับเรียกคนที่รับบทเป็นแม่ว่า “ซานดรา” ( รับบทโดยดาวตลกของนิวซีแลนด์ จัสติน สมิธ ) ให้มาดูลูกชายหน่อยเพราะว่าเขา “กำลังดูพวกเราอยู่ผ่านทางออนไลน์” พร้อมกันนั้นยังแจกแจงด้วยว่าลูกชายของซานดราดูพวกเขาบ่อยๆทางออนไลน์ผ่านทาง แล็ปท็อป, ไอแพด, เครื่องเล่นเพลย์สเตชัน, โทรศัพท์มือถือของเขา, โทรศัพท์มือถือของซานดรา และจอสมาร์ททีวีโปรเจ็คเตอร์
ซู ได้พูดขึ้นมาว่า “เรามักจะแสดงให้ผู้ใหญ่ดู แต่ลูกชายคุณยังเด็กมากอยู่เลย เขาอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการคบหามีแฟนต้องทำยังไง เราไม่จำเป็นต้องขออนุญาตถูกไหม เราก็แค่อยากมาเคลียร์ตรงๆ”
“แล้วอีกอย่างเราก็ไม่เคยแสดงอะไรแบบนั้นในชีวิตจริงด้วย” เดเรค กล่าวเสริม
ส่วนเจ้าหนูแมทตี้ เด็กชายผู้ใช้สื่อออนไลน์อย่างไม่เหมาะสมก็ได้แต่ยืนมองตะลึงอ้าปากค้างขณะที่ในมือกำลังถือแล็ปท็อปที่เปิดหนังผู้ใหญ่อยู่ และมืออีกข้างก็ทำเอาชามข้าวร่วงลงกับพื้นเมื่อเห็น 2 ดาวโป๊ที่ตนเองดูมายืนอยู่ตรงหน้า
ส่วนคนเป็นแม่ก็ต้องตั้งสติ รีบทำใจเย็น พร้อมกล่าวกับลูกชายว่า “เอาล่ะแมทตี้ ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่เราต้องมาคุยกันแล้วเกี่ยวกับความแตกต่างของสิ่งที่ลูกดูในโลกออนไลน์กับความสัมพันธ์ในชีวิตจริง ไม่ทำโทษอะไรทั้งนั้น”
แคมเปญประสบความสำเร็จคนให้ความสนใจไม่น้อย
ทันทีที่เปิดตัวแคมเปญดังกล่าว มีคนแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับแคมเปญนี้บนโซเชียลมีเดียหลายพันครั้ง และมียอดวิวแตะหลักแสนวิวอย่างรวดเร็ว ใน 3 วันแรก
ฮิลลารี งาน คี หัวหน้าฝ่ายวางแผนและหุ้นส่วนของ Motion Sickness ได้เผยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “บทสนทนาเรื่องพวกนี้มันไม่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารของพวกเราชาวนิวซีแลนด์ หรือแม้แต่ระหว่างขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่เราพูดกันถึงเรื่องสิ่งต่างๆรอบตัวทั้งความปลอดภัยบนท้องถนน หรือการระวังคนแปลกหน้า เราเลยอยากสร้างแคมเปญที่ไม่ใช่แค่การตระหนักรู้หรือเฝ้าระวังเจาะจงประเด็นไปที่เด็กๆของเราต้องเจออะไรบนโลกออนไลน์เท่านั้น แต่จะให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ได้เข้าไปมีส่วนร่วม เริ่มพูดคุยกับประเด็นที่ค่อนข้างยากและน่ากลัวเหล่านี้กับลูกๆด้วย”
“ในแต่ละสถานการณ์ผู้ปกครองต้องเผชิญกับฝันร้ายในโลกออนไลน์ ที่เข้ามาบุกถึงประตูหน้าบ้าน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พวกเขาต้องทำคือ ต้องใจเย็น ต้องนิ่ง และรวบรวมสติ ซึ่งมันเป็นทักษะเดียวกันกับที่พวกเขาต้องทำในชีวิตจริง คือการคุยกันแบบเปิดอกตรงไปตรงมา และการใช้ความสงบในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยนำสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้กับประเด็นใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกดิจิทัล ผู้ปกครองควรจะต้องมีความมั่นใจเมื่อต้องรับมือกับประเด็นต่างๆเหล่านี้ เพราะที่สุดแล้ว พวกเขานี่แหละ คือบุคคลที่ดีที่สุดที่จะดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับเด็กๆ คุณไม่จำเป็นต้องได้รับทุกคำตอบจากทุกคำถาม แต่ต้องสนับสนุนและให้กำลังใจลูกของคุณ พร้อมกับให้คำแนะนำและแนวทาง “การเป็นผู้ใหญ่” ในช่วงที่พวกเขากำลังออกสำรวจสิ่งต่างๆในโลกออนไลน์ ซึ่งมันจะสร้างความแตกต่างให้กับพวกเขาได้จริงๆ”
“ในฐานะชาวกีวี เรามักจะใช้เรื่องชวนหัวมาช่วยรับมือกับหัวข้อที่ยากๆอยู่บ่อยๆ บางครั้งมันก็ส่งพลังงานบางอย่างกลับมาให้กับพวกเราด้วย และถ้าเราสามารถหัวเราะให้กับบางอย่างได้ นั่นหมายความว่าสิ่งนั้นมันไม่ได้น่ากลัวเลย บางทีเราอาจจัดการกับมันได้ดีขึ้นกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก มันจึงสำคัญกับพวกเราที่จะเพิ่มมุขตลกเข้าไปในงานครีเอทีฟโฆษณาของเรา”
ในเว็บไซต์ The Keep It Real Online ยังมีการเสนอตัวช่วยอื่นๆให้กับผู้ปกครอง รวมถึงคำแนะนำต่างๆ ในการเริ่มต้นบทสนทนาเกี่ยวกับประเด็นที่อ่อนไหวเหล่านี้กับลูกๆด้วย