นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ หรือ สทบ. พร้อมด้วย นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ แถลงข่าว โครงการความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ระหว่าง กรมธนารักษ์ กับ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยนายนายรักษ์พงษ์ เปิดเผยว่า หลังเข้าหารือกับ ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ได้มอบหมายให้ สทบ. ไปหารือกับกรมธนารักษ์ ในการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และพึ่งพาตนเองได้ รวมทั้งมีชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากการหารือ สทบ.จะร่วมมือกับกรมธนารักษ์ ในการนำสินค้าของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง มาจำหน่ายในพื้นที่ของราชพัสดุ ของกรมธนารักษ์ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยสมาชิกกองทุนหมู่บ้านจะรวบรวมสินค้า แต่ละพื้นที่ มาที่ศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งอาจจะใช้วิธีแลกเปลี่ยน หรือนำมาจำหน่ายเอง
นายรักษ์พงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับสินค้าที่จะนำมาที่ศูนย์กระจายสินค้า ทาง สทบ.จะเป็นผู้ดำเนินการ คัดกรองสินค้าให้ได้คุณภาพ เพื่อเข้ามาจำหน่ายอย่างหลากหลาย ซึ่งสินค้าทั้งหมดจะมาจากกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่กว่า 70,000 กว่ากองทุนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันในส่วนของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่หลายพื้นที่เช่าอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งมีการทำสัญญาเช่าทั้งที่ถูกต้องไม่ถูกต้อง ก็จะดำเนินการเช่าที่ดินราชพัสดุให้ถูกต้องทั้งหมดด้วย ดังนั้นจากนี้ไปเศรษฐกิจฐานรากจะกลับมาสู่สิ่งที่เป็นปัจจัยแรกของรัฐบาล ที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าเศรษฐกิจได้ โดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจะเป็นหน่วยงานหลักที่จะพัฒนาให้ชุมชนเข้มแข็ง เพราะสมาชิกกองทุนหมู่บ้านมาจากประชาชนทั่วประเทศ
ด้าน นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินงานในระยะแรก กรมธนารักษ์ ได้เตรียมจัดที่ดินราชพัสดุประมาณ 40 ไร่ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปรากร ซึ่งเป็นถนนสุขุมวิท สายเก่า บริเวณ ถนนสำโรง คลองด่าน ที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ กับ จ.ชลบุรี มาเป็นเฟสแรก มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อนำร่องโครงการนี้ โดยจะเน้นที่ตลาดผลไม้ก่อน คาดว่า จะเปิดให้บริการได้ในเดือนส.ค.นี้หลังจากนั้น จะขยายโครงการที่ 2 ที่ 3 และจะกระจายไปอีกในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่า จะเป็นสินค้า ประเภทอาหารทะเล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพราะสินค้าในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน และเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ในการเข้าถึงสินค้าในราคายุติธรรม และสร้างกลไกในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง