xs
xsm
sm
md
lg

"พ่อรอง" โต้ทรมาน "แม่ทุม" วอนมองอีกด้าน หากตนสั่งถอดออกซิเจนเหมือนฆ่าภรรยาทั้งเป็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"พ่อรอง" แจงไม่ได้ทรมาน "แม่ทุม" หลังยื้อมา 8 ปี วอนเข้าใจหัวอกคนที่เป็นสามี เผยภรรยาไม่ได้เป็นเจ้าหญิงนิทรา ยังหายใจเองได้และยังรับรู้ หากตนสั่งถอดออกซิเจนออกแม่ทุมจะรู้สึกอย่างไร เหมือนตนกับลูกรวมหัวกันฆ่าแม่ทุมทั้งเป็น ลั่นฝากฝังลูกไว้แล้ว หากตนจากไปก่อนให้เอาเงินทั้งหมดของตนไปดูแลแม่ให้ดีๆ

เพราะโควิดระบาดหนักทำให้ช่วงเวลาที่ผ่านมา นักแสดงอาวุโส "พ่อรอง เค้ามูลคดี" ไม่ได้เจอกับภรรยาคู่ชีวิต "แม่ทุม ปทุมวดี" ที่นอนรักษาอาการป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่โรงพยาบาล นานเป็นเดือน เนื่องจากไม่สามารถไปเยี่ยมได้เหมือนช่วงปกติ ล่าสุดเพิ่งได้เจอหน้ากันในวันครบรอบแต่งงาน 52 ปี ซึ่งในโมเมนต์พิเศษแบบนี้ พ่อรอง ได้ควงลูกสาว "ยุ้ย ปัทมวรรณ" มาเผยความรู้สึกในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องONE31 พร้อมแจงดรามาที่มีคนมองว่าการยื้อแม่ทุมไว้ 8 ปี เป็นการทรมานอีกฝ่าย โดยพ่อรองบอกเข้าใจคนที่คิดแบบนี้เพราะมองคนละด้านกับตน ขอบคุณที่เป็นห่วงแม่ทุม

พ่อรอง : "ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่กับบ้าน จะไปไหนที จะไปเยี่ยมคุณทุม ลูกก็บอกว่าพ่ออย่าไปเลย อายุพ่อเยอะแล้ว ออกไปไหนก็เสี่ยง ไม่ได้เจอทุมเป็นเดือนแล้ว เริ่มโควิดใหม่ๆ เราก็รู้มันอันตราย เราก็ไม่มั่นใจตัวเราเอง เราจะเอาอะไรไปติดเขาหรือเปล่า เพราะตอนนี้ทุมเขารับอะไรง่ายมาก หรือไม่เราไปโรงพยาบาลเราจะไปติดโรคกลับมาบ้านหรือเปล่า ก็ทนอยู่เดือนครึ่งมันไม่ไหวแล้ว คนที่เคยไปหากันประจำๆ หอมแก้มกันทุกวัน อยู่ดีๆ มันก็ไปไม่ได้ ก็บอกยุ้ย พ่อจะไปเยี่ยมแม่ พ่อไปไม่ได้ อ้างเหตุผลสารพัด"

ยุ้ย : "เราจะกังวลมาก คนสูงอายุจะติดเชื้อง่าย เราก็จะระวังคุณพ่อมาก ส่วนตัวยุ้ยกลัวมากจนพ่อแซว คือกลัวแล้วก็ระวังทุกคน แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาไม่ไหวแล้ว เขาจะต้องไป มันตรงกับใจเรา เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราก็อยากจะไปแล้วเหมือนกัน"

ไม่ได้เจอแม่ทุมเดือนกว่า คิดถึงมากจนฝันถึง
พ่อรอง : "ฝัน เราอาจจะพะวงถึงเขามาก นอนๆ อยู่ ตกใจตื่นมาตี3 ฝันว่าทุมมาเรียก เธอจะนอนอะไรนักหนา เธอมีงาน ฝันหลายครั้งมาก พ่อว่ามันเกิดจากความกังวล"

ยุ้ย : "ยุ้ยก็ฝันค่ะ ปกติไม่เคยฝัน อย่างที่พ่อบอก เราคิดมันอยู่ในหัวเรา ไม่ได้ไปหาเขานานแล้ว เราก็คิดถึง"

เผยโมเมนต์ที่ไปเยี่ยมแม่ทุมที่โรงพยาบาล ในวันครบรอบแต่งงาน 52 ปี
พ่อรอง : "ใช่ แต่งตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2511"

ยุ้ย : "สำหรับยุ้ยมันไม่ได้มีอะไรที่มากไปกว่าปกติ เพราะคุณพ่อเขาปฏิบัตเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขาไปหาคุณแม่ เพียงครั้งนี้อาจจะหอมแก้มไม่ได้ เขาก็จับมือ พูดคุย ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นปกติอยู่แล้ว"

ย้อนวันวานตอนปิ๊งกันใหม่ๆ พ่อรองยอมรับแม่ทุมเคยจับได้ว่าตนอยู่กับผู้หญิงอื่น ไม่คิดว่าจะรักกันจนถึงทุกวันนี้
พ่อรอง : "ตอนรักกันใหม่ๆ มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่มาได้ถึงตอนนี้ เพราะพ่อซนมาก จะว่าเจ้าชู้ก็ไม่ได้ พ่อเป็นคนมิตรสัมพันธ์ดี อยู่ตรงไหนใครก็รัก พอมาย้อนคิดไปถึงระยะแรกๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนทนกับฉันได้ขนาดนี้ ฉันคิดถูกที่เลือกเธอเป็นคู่ชีวิต เพราะแม่จะมีทั้งไม้อ่อน ไม้แข็ง ว่าเราอยู่ด้วยกันเราต้องไปทางเดียวกัน"

"ถามว่าหึงไหม ผู้หญิงทุกคนย่อมไม่ชอบหรอกที่คนที่ตัวเองรักไปยุ่งกับคนอื่น แต่จะบอกว่าไม่มีใครให้เกียรติสามีเท่าคุณทุม ทุกครั้งที่ยายทุมไปเจอพ่ออยู่กับผู้หญิง ทุมจะพูดว่าไปคุยกันในรถ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา พ่อถามว่าแม่รู้ไหมเวลาพ่ออยู่กับผู้หญิงแล้วแม่เดินเข้าไปในร้านเนี่ย ทุกสายตาเขาจ้องหมดเลยว่าวันนี้เขาได้ดูการราวีอย่างแน่นอน แต่ทำไมแม่ไม่เป็นอย่างนั้น แม่ก็พูดว่าฉันให้เกียรติผัวฉัน แล้วก็บอกว่าฉันจะพยายามอดทนนะว่าเมื่อไหร่ผัวจะให้เกียรติฉันบ้าง"

ไม่คิดจะทอดทิ้งจนกว่าจะตายจากกัน
พ่อรอง : "ไม่ทิ้ง จะบอกเลยว่าชีวิตนี้จะทิ้งกันก็ต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งขึ้นไปตั้งอยู่บนเมรุ และผมก็เคยบอกกับทุมด้วย คือวันที่เราไปขอเขา พ่อเขาบอกว่าคุณมั่นใจได้มากแค่ไหนว่าคุณจะเลี้ยงลูกผม ผมบอกว่าผมมั่นใจครับ พ่อก็บอกว่าคุณมีสินสอดไหม ผมก็บอกว่าไม่มี ผมยังเป็นหนี้สโมสรด้วยซ้ำ แล้วเขาก็บอกว่าคุณมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ทิ้งลูกผม เราก็ก้มลงไปกราบเท้า แล้วบอกว่าพ่อครับ ผมให้สัญญากับพ่อว่า ผมกับทุมจะแยกจากกันก็ต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งขึ้นไปตั้งอยู่บนเมรุแค่นั้น เราก็เลยรักษาสัญญานั้นมาตลอด"

พร้อมแจงกรณีที่มีคนมองว่าการยื้อแม่ทุมไว้ให้อยู่โรงพยาบาลนานถึง 8 ปี เป็นการทรมานอีกฝ่าย ขอให้มองในมุมตนด้วย
พ่อรอง : "ต้องบอกว่าคนที่เขาคิดแบบนี้ เขาอาจจะคิดไปคนละด้านกับเรา เขาไม่เคยเห็นแม่ บางคนไม่เคยไปเยี่ยมแม่ก็ไม่รู้ว่าแม่มีสภาพเป็นยังไง เขาคงจะวาดภาพว่าแม่คงจะนอนเหมือนเจ้าหญิงนิทรา แล้วถ้าถอดสายออกซิเจนออกแม่ก็คงจะไป ก็มีส่วนที่เขาคิดได้ แต่สภาพความเป็นจริงที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แม่เขายังรับรู้"

"จริงๆ แล้วเขายังหายใจเองได้ แต่ออกซิเจนเป็นตัวช่วยเขา แล้วเราจะทนได้เหรอ บางคนบอกว่าไอ้รองถอดสายเถอะ เราก็ไม่อยากเถียง เพราะเขาไม่รู้ เราก็นึกในใจนี่เมียฉันนะ ถ้าถอดแล้วเมียฉันต้องทุรนทุรายเป็นชั่วโมง แล้วฉันต้องทำยังไง เราก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก หมอบอกว่าโรคนี้มันไม่ทรมานหรอก ถึงเวลาเขาจะละสังขารเขา เขาก็จะหลับไปเอง ก็ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า สมมติว่าวันดีคืนดีเขารู้ว่าวันนี้เขายังดีๆ อยู่ๆ แล้วเห็นเราไปกับยุ้ย แล้วไปถอดออกซิเจนเขาออก เขาก็จะนึกว่าไหนว่ารักฉัน ทั้งเธอ ทั้งลูก รวมหัวฆ่าฉันทั้งเป็น มันยิ่งบาปกับเรา"

พ่อรองฝากถึงคนที่คิดว่าทรมานแม่ทุม
พ่อรอง : "ก็ต้องบอกว่าเขายังรับรู้ เราบอกให้เขายิ้มเขาก็ยิ้ม หมอบอกเป็นบางช่วงที่เขารับรู้ แต่เป็นบางช่วงถ้าเขาไม่รับรู้ เขาก็จะมองเราแว๊บไปมองเพดาน มองไฟ แต่เขายังรับรู้อยู่ ความดัน ออกซิเจน หัวใจ ก็ยังปกติ ต้องบอกทุกคนว่าผมไม่ได้ยื้อ เราก็ดีใจที่เขาอยู่ในสภาพแบบนี้ เราก็มีความหวังว่าเขาจะอยู่กับเราตลอดไป"

ยุ้ย : "ก็อย่างที่พ่อพูด ทุกคนก็สามารถคิดได้ ไม่ได้มีใครมาเห็นว่าคุณแม่เป็นยังไง แต่ทุกครั้งที่เราไป เวลามีคนถามว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง มีกำลังใจได้ยังไง คือยุ้ยบอกยุ้ยคิดวันต่อวัน ทุกครั้งที่ยุ้ยไปหาแม่ แล้วแม่ดูแบบสดใส ความดันอะไรต่างๆ ดีกว่าคุณพ่อด้วยซ้ำ คือไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ใช่เราไม่คิดเผื่อนะ คือเราคิดและมีการคุยกันอยู่แล้ว ถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆ เราจะต้องทำยังไง แต่ ณ วันนี้มันยังไม่ถึง ยุ้ยก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไรเลย ใครจะคิดยังไง ทุกคนสามารถคิดได้ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าอาจจะเป็นห่วง กลัวคุณแม่ทรมาน ก็ต้องขอบคุณ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้ยินมาค่อนข้างเป็นไปในทางบวก"

รับมีความหวังว่าสักวันแม่ทุมจะกลับมาเป็นปกติ รู้สึกเครียดจนร้องไห้บ่อยๆ
พ่อรอง : "นั่นมันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว ในโลกของความเป็นจริงมันจะเป็นยังไง ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น แต่ในเรื่องส่วนตัวของเรา เราก็หวังเสมอว่าแม่จะต้องดีขึ้น แม่จะต้องมีโอกาสกลับมาอยู่กับเรา"

"ตลอดเวลา 8 ปี เราอยู่ด้วยความหวัง แล้วเราก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่คนที่เข้มแข็งที่สุดในบ้านเป็นยุ้ยนะ คนที่เครียดและคิดเรื่องนี้มากที่สุดน่าจะเป็นพ่อ ผมร้องไห้บ่อย เวลานอนบางทีเขาขึ้นนอนกันแล้วแต่พ่อยังนอนไม่หลับ ทุกวันนี้พ่อต้องเปิดพระสวดมนต์ เพื่อให้พ่อหลับ ไม่งั้นพ่อจะไม่หลับคิดเรื่อยๆ น้ำตาก็จะไหลเอง ทำไมเราต้องมาเป็นอย่างนี้ ชีวิตเรากำลังจะมีความสุขอยู่แล้ว ทำไมเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา"

รักษามา 8 ปี ค่ารักษาคงมหาศาล แต่เรื่องนี้พ่อรองลั่นยอมจ่าย เงินตนหาได้ แต่ชีวิตแม่ทุมหาไม่ได้
พ่อรอง : "มีคนถามพ่อหลายคน พ่อบอกว่าพ่อไม่เคยคิด เพราะว่าเรา 3 คน พ่อ ลูกชาย แล้วยุ้ย เนี่ยเท่าไหร่คือเท่านั้น แล้วไม่มีการคิดว่าหมดเท่าไหร่ จะหมดเท่าไหร่ให้มันหมดไปเพื่อรักษาชีวิตคนที่เรารักเอาไว้ เงินฉันหาได้ แต่ชีวิตเธอฉันหาไม่ได้ ถ้าเธอเป็นอะไรไปฉันจะทำยังไง แต่งานฉันยังทำได้ ฉันยังหาเงินได้ พอได้เงินมาก็เก็บไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เก็บไว้ดูแลเธอให้ดีที่สุด"

พ่อรองเผยถ้าวันไหนตนจากไปก่อน ทุกอย่างที่เป็นของตนให้ลูกเอาไปทุ่มรักษาแม่ทุมให้หมด
พ่อรอง : "ถูกต้องครับ ก็เคยคิดว่าเราอายุมากกว่าเขา เราทำงานหนักพอสมควร ถ้าวันหนึ่งฉันอาจต้องไปก่อนเธอ ก็จะบอกลูกไว้ว่าตังค์พ่อมีนะลูก เอาไปดูแลแม่แล้วกัน สำหรับพ่ออะไรก็ได้ที่มันเรียบง่าย"












กำลังโหลดความคิดเห็น