“เอิร์น-จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “เอิร์น-จิรวรรณ เตชะหรูวิจิตร” อดีตนักร้องดัง ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารโรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี พร้อมขานรับคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จากวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 โดยเน้นย้ำว่าคำนึงในเรื่องของประสิทธิภาพในการเรียนการสอนของนักเรียนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่มีการเรียนออนไลน์ในระดับอนุบาลและประถม เพราะพิจารณาแล้วว่า ไม่สอดคล้องกับช่วงวัยของนักเรียน“การเรียนออนไลน์ของเด็กอนุบาลนั้นเรียกว่ายากเกินกว่าจะทำได้ด้วยตัวเองให้มีประสิทธิภาพ เพราะการเรียนออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพนั้น ประเด็นสำคัญขึ้นอยู่กับความตั้งใจ มุ่งมั่นและการรู้เป้าหมายของการเรียนนั้นๆ ทั้งนี้หากนำมาใช้สำหรับเด็กเล็ก จะต้องมีผู้ใหญ่คอยช่วยดู ถือว่าเป็นการผลักภาระให้กับผู้ปกครองมากขึ้น อีกทั้งเด็กๆ เอง ก็ไม่สามารถที่จะเรียนรู้แบบวันเวย์ได้ ดังนั้นถ้าอยากจะให้การเรียนมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เด็กๆ ได้รับรู้ได้อย่างถ่องแท้มากขึ้น ต้องเกิดจากการที่เขาได้เรียนรู้ ได้ทำกิจกรรม ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณครูกับเพื่อนๆ
ส่วนในระดับประถม ที่มีการเรียนเพิ่มมากขึ้น แต่ความเป็นเด็กของเขาก็ยังมีอยู่เยอะ ซึ่งปกติการเรียนการสอนควรจะเป็นแบบ Interactiveสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของโรงเรียนเรา ก็คือเราสอนให้เด็กเกิดความเข้าใจ เราเปิดกว้างสำหรับการคิดตอบโจทย์ต่างๆ แบบนอกกรอบ ดังนั้นการทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหานั้นๆ จึงจะเกิดขึ้นในแทบทุกวิชา ซึ่งการเรียนออนไลน์อาจจะไม่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เต็มร้อยสำหรับการเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ อย่าง การสอบวัดพื้นฐาน จะทำให้ทราบว่า เด็กคนนั้นมีจุดอ่อนในวิชาไหน เราก็อาจจะมีการเรียนออนไลน์ เพื่อเติมเต็มในพื้นฐานที่น้องอาจจะยังไม่แน่น แต่ไม่ใช่การเรียนแบบเต็มรูปแบบในระดับชั้นปกติ เพราะฉะนั้นต้องแยกออกเป็นสองส่วน โดยในเดือน มิ.ย. อาจมีการเรียนออนไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมในบางวิชา แต่ก็จะเป็นแบบเรียลไทม์ โดยมีคุณครูอยู่หน้าจอร่วมกับเด็กๆ ที่เรียน และสามารถโต้ตอบกันได้ทันที โดยทางโรงเรียนกำลังดูโปรแกรม รวมถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อความสะดวกและเหมาะสม
เรายืนยันว่า แม้จะเปิดเทอมในวันที่ 1 ก.ค. แต่ก็ยังสามารถทำการเรียนการสอนแบบปกติได้ครบตามเทอม เพื่อให้เหมาะสมตามหลักสูตร สำหรับเด็กมัธยมของเรา มีความคุ้นชินกับการเรียนในระบบออนไลน์อยู่แล้ว เพราะเรามีการนำโปรแกรมภาษาอังกฤษจากต่างประเทศมาให้นักเรียนได้ใช้ โดยจะมีคุณครูอยู่ในคาบเรียนนั้นๆ พอเรียนจบก็จะมีการพรีเซนต์หรือการทดสอบ มีการทำใบงาน เพื่อดูว่าการเรียนรู้ของพวกเขา มีความเข้าใจมากน้อยเพียงไรการเปลี่ยนแปลงให้เข้ายุค เข้าสมัย ถือเป็นเรื่องดี ทั้งนี้เชื่อว่าทุกอย่าง อาจจะต้องค่อยเรียนค่อยรู้ ค่อยหาจุดแข็ง ค่อยหาจุดอ่อนและนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับ วัฒนธรรมการเรียนรู้ ของเด็กไทย เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่สูงสุดต่อตัวนักเรียนเอง”