xs
xsm
sm
md
lg

สุดๆ แล้วชีวิต "นิว" รับหลุดร้องไห้ออกมา เจอทั้งปัญหาฝุ่น,ไฟป่า,โควิด-19 ต้องปิดกิจการ ตอนนี้กลายเป็นนักร้องตกงาน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"นิว นภัสสร" เผยไฟไหม้ป่าที่เชียงใหม่ โคม่าที่สุดเท่าที่เคยมีมา สุดสะเทือนใจเห็นไฟกำลังลุกท่วม เดินหน้าร่วมรณรงค์เรื่องนี้ พ้อเมื่อก่อนแค่น้ำตาซึม แต่ตอนนี้ถึงกับร้องไห้โฮ เจอทั้งปัญหาฝุ่น , ไฟป่า, โควิด-19 ต้องปิดกิจการ ตอนนี้กลายเป็นนักร้องตกงาน แต่พยายามสู้ต่อ ขอให้ทุกคนฮึดสู้วิกฤต

ทำเอานักร้องสาวดีว่าของเมืองไทยถึงกับน้ำตาตกเลยทีเดียว สำหรับสาว "นิว นภัสสร ภูธรใจ" ที่ออกมาโพสต์ภาพสะเทือนใจกับเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่เชียงใหม่ และลุกลามเป็นวงกว้าง สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จนเจ้าตัวต้องลุกขึ้นมาทำโครงการรณรงค์ต่อต้านการเผาป่า และเข้าไปประสานงานกับหลายๆ หน่วยงานเพื่อช่วยดับไฟป่าในครั้งนี้ด้วยตัวเองกับ "เป๊ก เปรมณัช สุวรรณานนท์" สามี ซึ่งนิวเผยว่าผลกระทบครั้งนี้ไม่ใช่แค่ร้าน Brand New Field Good ของตนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ธรรมชาติส่วนใหญ่ของเชียงใหม่ก็เสียหายไปด้วย

"ตอนนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่ายเลยค่ะ เพราะตั้งแต่เราประสบปัญหานี้มาเราก็เป็นตัวแทนในการเข้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเราจะแก้ไขยังไง แล้วเราก็นำมาเผยแพร่ให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องของฝุ่นควัน PM 2.5 และไฟป่าด้วยค่ะ พอได้รับความสนใจทุกคนก็ต่างเข้ามาช่วยเหลือ ทางรัฐบาลหรือหน่วยงานทางราชการเขาก็ปฏิบัติหน้าที่ของเขาแล้วนะคะ แต่ของพวกเราเป็นเอกชนที่ถ้าเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจ เราก็จะมีแรงที่ทวีคูณมากขึ้นค่ะ"

"ก็ตั้งแต่มีอาสาในการเข้าไปช่วยกันดับไฟป่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในการบริจาคเงินหรือบริจาคสิ่งของในการดับไฟป่า ล้วนแต่มีคุณค่าและมีความหมายมาก หลังจากที่เราดับไฟหมดแล้วก็ได้คุยกับเป๊กว่าเราจะทำโครงการตรงนี้ต่อ คือเราสนใจในสิ่งแวดล้อมและจะเป็นกระบอกเสียงต่อไป วันนี้มันสูญเสียไปแล้ว แต่เราก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ก็คงจะรณรงค์ในการปลูกต้นไม้ หรือว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ค่ะ เพราะเราเป็นคนที่เข้าไปทำธุรกิจอยู่ตรงกลางทุ่งนา ธุรกิจของเราคือสิ่งแวดล้อม แล้วพอมันมีผลกระทบนี้ขึ้นมา มันไม่ได้กระทบแค่เรา เพราะเรารู้ปัญหาของสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ประชาชน ชาวบ้านหรือแม้แต่ร้านค้าคาเฟ่ทั่วไปที่เชียงใหม่ก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมมาเหมือนกันหมด เพราะว่าเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวด้วยค่ะ"

เผยไฟไหม้ป่าครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา
"วันที่นิวเข้าไปช่วยดับไฟคือมันใกล้หมู่บ้านมาก อาสาเขาจะรู้ว่าไฟมันกำลังจะลามไปถึงบ้านคนนี้ๆ แล้ว ก็ต้องรีบไปทำแนวกันไฟ ซึ่งแนวกันไฟก็คืออยู่หลังบ้านเขาเลย แล้วเขาจะอยู่ยังไง มันร้อนมากเลยและมีแต่ฝุ่นควันทั้งนั้น เขาก็คงต้องหนีออกไปอยู่ที่อื่นสักพักเลยค่ะ แล้วพวกสัตว์ป่าเขาก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหนแล้ว ซึ่งพอมันเป็นข่าวไฟไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เราเห็นหมดเลยว่าเราขาดอะไรบ้าง และเราต้องทำอะไรต่อได้บ้าง"

"ครั้งนี้ถ้าถามนิวก็ถือว่าหนักสุดที่เคยผ่านมาเลยค่ะ แต่ถ้าถามรุ่นคุณพ่อคุณแม่เขาก็จะบอกว่ามันก็ไหม้ทุกปี แต่ครั้งนี้ก็ใหญ่สุด คือกินบริเวณกว้างและนาน ปกติไฟป่าจะมาช่วงเดือนมีนาคม คือจะมีคนเข้าไปจุดตรงนั้นตรงนี้ ก็จะเห็นเป็นควันไฟหย่อมๆ ตลอด แต่ครั้งนี้กลายเป็นทุ่งใหญ่ลามไปทั่ว นิวตกใจมากเลยนะ คือเราเป็นคนเชียงใหม่ เรารู้ว่าเชียงใหม่หรือภาคเหนือมันจะมีการเผาอย่างนี้อยู่แล้ว แต่มันสาเหตุยากมากค่ะ หาคนจุดยากมาก"

"ตอนที่เห็นไฟกำลังลุกท่วม คือใจมันสั่น อยากจะวิ่งเข้าไปช่วยตบๆ แต่มันก็ทำไม่ได้ เราไม่มีความรู้ในการดับไฟ คือเราเห็น แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง สิ่งที่ช่วยได้ก็คือมาบอกต่อให้ช่วยกันดูหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และช่วยไปบอกคนข้างนอก คนในเมืองว่ามันเป็นอย่างนี้นะ เราต้องช่วยกันทุกคนนะ"

"เรามีคนที่อยู่ในหน่วยบริการดับไฟป่าของชุมชน ก็เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องไฟป่าโดยตรง และเขาก็มีความชำนาญในการทำแนวกันไฟ ซึ่งคนไม่รู้อย่างเราพอไปดูถึงได้รู้ว่ามันต้องจุดไฟจากทางเราเพื่อให้ไฟไปปะทะกับไฟที่ไหม้อยู่อีกทาง เพื่อให้มันไหม้อยู่แค่นั้น ไม่ข้ามเขตแนวกั้น แต่อย่างนั้นมันคือการจุดเพิ่มไงคะ มันรุนแรงมากเลยนะ ตรงนั้นก็เยอะแล้ว แต่นี่คือวิธีการที่ดีที่สุด เพราะพอเขาจุดเสร็จเขาก็จะนั่งรอเพื่อที่จะให้มันมอด แต่ที่มันโหมใหญ่โตเพราะลมมันพัด เวลามีลมพวกสะเก็ดไฟมันก็ปลิวไปอีกจุดนึง มันก็ลุกลามไปอีก"

บอกพยายามสื่อสารกับชาวบ้านไม่ให้เผา แต่ก็ต้องหาหนเปลี่ยนแนวความคิดกันใหม่อีกยาว
"นิวก็พยายามคิดว่าถ้าหากเราจะไปบอกชาวบ้านว่าไม่ให้เผา แล้วเรามีวิธีการไหนไหมที่จะไปสอนเขา ว่าถ้าพวกเศษใบไม้ที่มันทับถมกันมากๆ เราจะทำยังไง ให้ทำปุ๋ยไหม ก็ต้องมีคนมาสอนวิธีการทำปุ๋ยหมักให้เขาเพื่อที่จะเอาสิ่งพวกนี้ไปใช้ต่อได้ ไม่ใช่ว่าไปบอกห้ามเผาๆ อย่างเดียว คือต้องให้ความรู้ว่าไม่เผาแล้วจะได้อะไร จะต้องทำยังไง นิวเจอปัญหานี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะร้านนิวที่อยู่ในนาน่ะค่ะ หลังจากที่เขาปลูกข้าวเสร็จมันก็จะเหลือตอฟางข้าว เขาจะไม่ไถออก แต่เขาจะตัดแล้วก็เผาหน้าดิน ซึ่งมันเป็นวิธีการที่นิวไม่ชอบเลย"

"นิวก็เคยไปคุยแล้วว่าไม่เผาได้ไหมคะ แต่เขาบอกว่าเขาเผาอย่างนี้มาตั้ง 20 ปีแล้ว แต่อยู่ดีๆ หนูจะไปขอว่าลุงขาอย่าเผาเลย เขาก็จะย้อนกลับมาว่ากลัวลูกค้าไม่เข้าร้านเหรอ ซึ่งมันไม่ใช่ค่ะ แต่เราแค่เสียงเดียวจะไปบอกเขาอย่างนั้นก็คงไม่เป็นผล แล้วปีนี้ก็จะเผากันอีกแล้ว นิวก็เลยคิดว่าไม่ไหวแล้วล่ะ เราคนเดียวไม่ได้แล้ว เราต้องทำอะไรให้คนอื่นรู้ว่าถ้าเผาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเราจะหาคนไหนเข้ามาช่วยได้บ้าง"

"ปีที่แล้วมีฝรั่งเข้ามาเที่ยวที่ร้านนะคะ ช่วงนั้นเราก็เริ่มรณรงค์เรื่องเผานี่แล้วล่ะ แต่เรายังเป็นเด็กใหม่ที่เข้าไปทำธุรกิจที่นั่น แค่เสียงเรามันยังไม่พอ แต่พอฝรั่งเข้ามาที่ร้าน เขาก็เห็นว่ารอบๆ ร้านเรามีไฟเผา เขาก็บอกว่ายูสนับสนุนเหรอ วันนั้นนิวเสียใจมากเลย เขาเอาไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของเขา แต่เราก็ไม่สามารถไปพูดอะไรได้ เพราะพื้นที่ตรงนั้นมันเป็นของชาวบ้านที่เขาเผากัน แต่ตอนนี้คิดว่าเขาก็คงรู้แล้วและทุกคนก็คงช่วยๆ กันว่าในเมื่อวันนี้ในหมู่บ้านเรา ในจังหวัดเรามันมีการเผา ถ้าคุณยังเผาอยู่คุณก็จะมีความผิดแล้ว เราต้องให้เขารู้สึกแบบนั้น แต่เราต้องทำต่อเนื่องคือแล้วจะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าห้ามไม่ให้เขาทำแล้วจะทำยังไงต่อ"

"น้องๆ ที่ร้านก็พร้อมใจกันออกมาช่วยค่ะ ช่วงที่เจ้าหน้าที่ดับไฟเขาเหนื่อยมากๆ นิวก็เลยบอกผู้จัดการร้านว่าลองขอความร่วมมือกับน้องๆ เพราะน้องๆ เขาก็เป็นเด็กในพื้นที่อยู่แล้ว ซึ่งวันนี้เหมือนฝาบ้านเขากำลังไหม้ แล้วมีคนเข้าไปช่วย แล้วเราจะอยู่บ้านเฉยๆ เหรอ เราออกมาเปิดครัวบ้านเราไหม เราทำอาหารไปแจกเขา ไปให้กำลังใจเขาดีกว่า นิวก็ขอแค่อาสาสมัครนะคะ แต่ทุกคนมาหมดเลยค่ะ ดีใจมากๆ มันก็เป็นภาพที่ดี และไม่ใช่แค่จากร้านนิวนะคะ แต่ยังมีอีกหลายๆ จุดในเชียงใหม่ คือพอเวลาที่เชียงใหม่กำลังแย่ทุกคนก็พร้อมใจกันออกมาแจกข้าว แจกน้ำ เราคุยกันตลอดเวลาค่ะ มันก็มีภาพที่ว่าเชียงใหม่ยังไงก็ไม่แล้งน้ำใจ"

บอกพร้อมรับมือกับชาวบ้านที่อาจจะมีการต่อต้าน แต่ก็ขอทำให้ดีที่สุด
"เราก็ยังไม่เชิงเข้าไปร่วมกับหน่วยงานรัฐ 100% นะคะ แต่ก็พยายามประสานทุกหน่วยงาน เพราะเราก็ไม่ก้าวก่าย เราก็เป็นแค่คนที่ใส่ใจและอยากป้องกัน เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ให้ทุกคนได้รับทราบปัญหา และถ้าหากทางราชการเขาต้องการให้เราช่วยเหลืออะไร เรายินดีมากๆ ค่ะ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือประสานงานกับหน่วยงานกลุ่มต่างๆ ภายในจุดหมู่บ้าน หรือคุยกับอุทยานที่ดอยสุเทพ ดอยปุยอะไรอย่างเนี้ยค่ะ"

"ถามว่ากลัวจะมีชาวบ้านมาต่อต้านไหม มันก็คงจะมีหลายๆ เสียงนะคะ แต่มันก็มีอีกหลายๆ เสียงเหมือนกันที่รู้และเข้าใจเรา และเราก็ต้องการอีกหลายๆ เสียงที่จะมากลบเสียงที่เขาต่อต้าน ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือค่ะ อย่างนิวกับเป๊กคืออยู่กับชุมชนมา 2-3 ปีแล้วตั้งแต่เริ่มทำร้าน และเขาก็รู้ว่าเราทำอะไรและหวังดีกับเขามากแค่ไหน ไม่ใช่เฉพาะแค่ไฟป่า แต่เรื่องกิจการหมู่บ้านหรือการพัฒนาหมู่บ้านเพื่อที่จะให้เขาได้มีรายได้ เราก็ทำมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นปัญหาไฟป่าเขาก็เริ่มฟังเราแล้วว่าเรามาช่วยจริงๆ และพี่ๆ หลายๆ คนที่เป็นคนยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ที่่มีความคิดตรงกันก็มาช่วยเป็นพลังเสียงค่ะ"

"จากเดิมที่มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 กันอยู่แล้ว ก็คือพวกฝุ่นควันจากการเผาไหม้นี่แหละ วันก่อนที่เราไปลงพื้นที่เรารู้สึกเลยว่ามันร้อนมาก คือได้เข้าไปอยู่ในจุดที่เขาทำแนวกันไฟ แค่เราไปยืนแป๊บเดียวมันก็ร้อนมากแล้ว แต่พี่ๆ ที่ทำตรงนั้นเขาต้องอยู่ทั้งวัน และสิ่งที่สะเทือนใจอีกอย่างก็คือมันมีเสียงของต้นไม้ ใบไม้ที่ถูกเผาแล้วมันดังแกร๊บๆ ทำให้รู้สึกปวดใจมาก แล้วพวกเขม่าใบไม้ที่มันร่วงหล่นลงมาต่อหน้าต่อตา คือเสียดายมากเลย"

"จริงๆ นิวรู้สึกกับเรื่องนี้มานานมากแล้วนะคะ เพราะปกติเป็นคนชอบกินผักหวาน เห็ดเผาะ ก็เคยศึกษามาว่าหรือเพราะคนชอบกินเห็ดเผาะหรือเปล่า ชาวบ้านก็เลยต้องไปหาของป่าพวกนี้ แล้วต้องเผาหน้าดินเพื่อที่จะหาเห็ด เพราะพอเผาแล้วฝนจะตก พอฝนตกดินจะเกิดความชื้น เห็ดมันก็จะขึ้นมา แล้วจะได้เก็บเอามาขาย เราก็เลยคิดว่าแอนตี้ดีกว่า ไม่อยากกินแล้วเห็ดเผาะทั้งๆ ที่เราชอบมาก แต่พอนิวไปถามเคสที่เชียงรายที่่เขาเป็นกลุ่มอนุรักษ์อาหารพื้นเมือง เขาบอกว่าปัญหาตรงนี้จริงๆ มันน้อย แต่เขาก็เป็นคนนึงที่จะเลือกไม่กินเหมือนกัน เพราะถ้าเรายังกินและรับซื้อจากชาวบ้าน ชาวบ้านก็ต้องเข้าไปหาต่อ มันก็คือปัญหาเศรษฐกิจแหละ เพราะถ้าปลูกอย่างอื่นแล้วมันได้ตังค์มากกว่าเขาก็คงไม่มาทำอันนี้เพราะว่าไม่มีคนซื้อ คือปัญหามันกว้างมาก"

บอกจากแต่ก่อนแค่น้ำตาซึม แต่ครั้งนี้ถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะนอกจากจะเป็นคนตกงาน ยังต้องปิดกิจการด้วย
"เรื่องพวกนี้มันทำให้น้ำตาซึมมานานแล้วค่ะ แต่วันนี้มันร้องออกมาเลย มันไม่ใช่แค่ซึม เพราะทั้งปัญหาของไฟป่า ปัญหาโควิด-19 ปัญหาต้องปิดกิจการ ปัญหาของรายได้จากการเป็นนักร้องของนิวก็หายไป คือวันนี้นิวกลายเป็นคนตกงาน ก็มานั่งทบทวนตัวเองว่าตกงานแล้วจะทำยังไงดี แต่เราต้องมีงานต่อไปคืองานอาสานี่แหละ มันจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่วิตกอยู่กับภาวะที่ว่าเราตกงานแล้วไม่มีอะไรทำ แต่เรายังมีกำลังที่จะไปช่วยคนอื่นได้ ไปช่วยเรื่องโควิด-19 ได้ ช่วยน้องๆ ที่เขากำลังขาดแคลนอะไรได้ก็ช่วยไปก่อน"

"จริงๆ เมื่อต้นเดือนมีนาคมเพิ่งเป็นช่วงที่ปล่อยเพลงใหม่ มีโรดโชว์ไปต่างจังหวัด ช่วงนั้นก็ยังฝืนกันอยู่นะคะ เพราะตอนนั้นโควิด-19 ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ต้องไปเพราะว่ามันอยู่ในแผนโปรโมต จนรัฐบาลมาประกาศว่ามันลามไปใหญ่แล้ว ไม่สามารถจะดูแลได้แล้ว ก็เริ่มให้กักตัวอยู่บ้าน เราก็ต้องยอมรับสภาพตรงนั้นไปค่ะ คือเรียกตัวเองว่าเป็นคนตกงานได้เลยแหละ ทุกวันนี้มันมีหลายอารมณ์มากเลยค่ะในหนึ่งวัน"

"แต่ว่าในบางมุมของเราอย่างเช่นเวลาอยู่บ้านเราก็พยายามหาชาเลนจ์อะไรทำกับเพื่อนที่อยู่กันต่างบ้าน แต่เราเล่นกันในไอจีหรือในเฟซบุ๊กก็ทำไปเรื่อยๆ มันก็มีความสุข แต่มาคิดว่าแล้วเมื่อไหร่เราจะมีความสุขจริงๆ กลับมาสักทีก็ไม่รู้ เพราะไม่มีใครบอกเราได้เลย นอกจากเราจะต้องตั้งรับว่าวันนึงถ้าทุกอย่างมันไฟเขียว อากาศดี เชื้อโรคหาย ทุกคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราต้องวิ่งต่อไปให้ได้ เราจะมาเริ่มนับใหม่ไม่ได้ เราต้องมีแผนในหัวแล้วว่าถ้าทุกอย่างมันดีเราต้องวิ่งต่อให้ได้ ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาค่ะ"

เผยดีใจคนสนับสนุนโครงการนี้เยอะ ทั้งคนนอกและในวงการต่างช่วยเหลือกันอย่างเต็มใจ
"กับโครงการนี้ก็มีคนในวงการช่วยกันเยอะมากค่ะ นิวกับเป๊กก็เลยอยากทำเป็นโครงการให้ทุกคนแชร์ภาพที่เคยไปเที่ยวเชียงใหม่และมีความรู้สึกดีๆ ตรงนั้น ตอนแรกก็คิดว่าจะสะเทือนใจหรือเปล่า เราอยากให้มันกลับไปเป็นเหมือนวันที่เรามีความสุขได้ไหม แสดงว่าเราจะต้องไม่ให้ไฟมันลุก อยากให้คนรู้และตระหนักแล้วว่ามันเลวร้ายมากนะ มันเจ็บปวดนะ เราอยากให้ทุกคนได้กลับไปสนุกที่เชียงใหม่อีกครั้ง อยากให้ให้กำลังใจกับคนเชียงใหม่ด้วยค่ะ ก็เลยเป็นแฮชแท็ก #เชียงใหม่ไม่เหมือนเดิมเพราะไหม้เหมือนเดิม และแฮชแท็ก #savechinagmai ก็เลยอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันพูดหน่อยได้ไหม และทุกคนก็ออกมาช่วยกันเยอะมาก ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ"

"ในส่วนของผลงาน ถ้าเป็นผลงานของนิวจิ๋วจริงๆ ปีนี้เรามีแพลนทำอัลบั้มคู่ค่ะ แต่ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปเขียนเพลง หาคอนเทนต์ก็ถือว่าเป็นการรีเซ็ตใหม่หมดเลยทั้งระบบ ผลงานก็เริ่มใหม่ หลายๆ เรื่องก็ให้เริ่มใหม่ อาจจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ได้ งานก็คงต้องรอดูสถานการณ์กันก่อนค่ะ ตอนแรกก็จะมีไปทัวร์อีสานเยอะมาก แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเปิดคอนเสิร์ตที่บ้านแทน (หัวเราะ) ก็อยู่บ้านทำโน่นทำนี่ อยู่กับเป๊กไป คือเป็นช่วงเวลาที่ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันนานขนาดนี้เลยตั้งแต่แต่งงานมา (หัวเราะ) ก็ได้ใช้ชีวิตกันเต็มๆ ค่ะ ดูแลกันไปนะคะ"

บอกขอให้กำลังใจคนไทยทุกคน เชื่อคนไทยไม่เคยทิ้งกัน
"นิวมั่นใจว่าคนไทยไม่ทิ้งกันนะคะ ต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ช่วยเหลือแม้ในวันที่เราไม่มีรายได้ เราไม่มีงาน เราไม่มีเงิน แต่เรายังมีน้ำใจ บางคนก็ช่วยเจียดเงินน้อยๆ ของเขาเอาไปร่วมบริจาคให้กับโรงพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 และกับเรื่องไฟป่าสำหรับหน่วยพิทักษ์ต่างๆ นะคะ ก็ขอบคุณมากๆ เพราะว่าถ้าเราไม่ได้กำลังใจ ไม่ได้แรงสนับสนุนจากทุกๆ คน ปัญหาทุกอย่างจะไม่จบค่ะ มันจะไปเรื่อยๆ ในวงกว้าง ก็อยากให้ทุกๆ ให้กำลังใจกันค่ะ กำลังใจเป็นสิ่งที่ดี"

"ถ้าใครที่เป็นโรคโควิด-19 นี้อยู่ก็ขอให้หายเร็วๆ นะคะ และสำหรับคนที่ไม่ป่วยก็ขอให้รักษาตัวเองให้ดี เพื่อที่จะได้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิมนะคะ และสำหรับคนที่อยู่ในวงการบันเทิงนะคะ นิวก็อยากให้เขามีกำลังใจเหมือนกัน เพื่อที่จะได้เอ็นเตอร์เทนท์ จะได้ส่งความสุขให้กับทุกๆ คนที่กำลังโศกเศร้า หรือว่าหมดความหวังในตอนนี้ ก็อยากจะให้พวกเราในฐานะนักร้อง-นักแสดงต้องมีกำลังใจ มีแรงฮึดต่อไปให้ได้ค่ะ"



















กำลังโหลดความคิดเห็น