xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights: ภายใต้ผลกระทบจากโควิด-19 ภาคธุรกิจจีนรับมือกันอย่างไร&?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สาวโรงงานกลับมาทำงานโรงงานผลิตภัณฑ์ผ้ายืดในเมืองหนันทง มณฑลเจียงซูหลังจากที่สถานการณ์ระบาดไวรัสโควิดคลี่คลาย (ภาพไชน่า เดลี่/รอยเตอร์ส)
โดย ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกูล และ หยวน เสวีย ประจำ University of International Business and Economics (UIBE)

ต่อเนื่องจากบทความครั้งที่แล้ว ที่ผู้เขียนได้เคยเกริ่นไปคร่าวๆถึงธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากโควิด-19อย่างชัดเจนก็จะมีพวกธุรกิจไอที E-commerce และโลจิสติกส์ แต่ธุรกิจพวกนี้นับเป็นธุรกิจผู้โชคดีส่วนน้อย ธุรกิจร้านค้าส่วนมากได้รับผลกระทบไปตามๆกัน ความหนักเบาก็ต่างกันไป การปิดเมืองในหูเป่ยและการเฝ้าระวังผู้เดินทางต่างถิ่นในทุกพื้นที่ ทำให้การเคลื่อนย้ายประชากรสะดุดลง กอปรกับโควิดระบาดหนักในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนหลังจากการเดินทางข้ามถิ่นเพื่อไปฉลองปีใหม่ตามประเพณีของประชากรครั้งใหญ่ทั่วประเทศผ่านไปแล้ว ประชาชนไม่สามารถกลับมาทำงานตามแผนเดิมเนื่องจากมาตรการควบคุมโรคระบาด ทุกอย่างกระทบเป็นกันเป็นโดมิโนเลยทีเดียว

นอกจากการหวาดระแวงเรื่องสุขภาพของตัวเอง อีกเรื่องที่สำคัญอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวคือเรื่องเงินในกระเป๋า รัฐบาลจีนไม่ใช่ปิดเมืองแล้วด้านอื่นๆจะไม่สนใจ จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ประชากรมาก ธุรกิจภาคประชาชนโดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ SMEs ภาคบริการ การผลิตและการส่งออก เป็นพลังขับเคลื่อนหลักของประเทศ ดังนั้นต้องลดผลกระทบของธุรกิจกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด

หลังจากสถานการณ์ระบาดในเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้บางเมืองในหูเป่ยเริ่มอนุญาตให้แรงงานออกจากพื้นที่และกลับไปทำงานในโรงงานต่างๆในพื้นที่มณพลเจ้อเจียงและมณฑลกว่างตงได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งทางการตรวจเช็คสุขภาพก่อนการเดินทางและอำนวยความสะดวกจัดขบวนรถไฟเฉพาะกิจให้กับคนกลุ่มนี้ หลังจากการฟื้นฟูสถานการณ์โควิด-19 คนจีนต่างพากันรอวันที่จะดำเนินชีวิตตามปกติ การทำงานกลับมาต้องเป็นปกติด้วยเช่นกัน “复工复产”(อ่านว่า ฟู่ กง ฟู่ ฉ่าน /Fu Gong Fu Chan)แปลตรงตัวได้ว่า กลับมาทำงาน กลับมาผลิต กลายเป็นคำยอดฮิตของคนจีนในช่วงนี้

จากวิกฤติโรคระบาดไวรัสโควิด-19 อุตสาหกรรมและธุรกิจจีนถูกแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ 4 ประเภทดังนี้

ประเภทแรก อุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับความเป็นอยู่ของประชาชนที่จะหยุดและขาดไม่ได้ และมีความสำคัญต่อห่วงโซ่การผลิตในประเทศและต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอาหารและข้าวของเครื่องใช้ของประชาชน หน้ากากอนามัย ยาฆ่าเชื้อ ชุดป้องกัน PPE เป็นต้น ธุรกิจพวกนี้ดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่องและไม่ได้หยุดพักเลย

ประเภทที่สอง ธุรกิจบริการด้านธนาคาร ประกันภัย ท่าเรือ และการขนส่งระหว่างประเทศ

ประเภทที่สาม ธุรกิจประเภทห่วงโซ่อุตสาหกรรมท้องถิ่น การก่อสร้าง บริการด้านกฎหมายและการบัญชี บริการข้อมูลซอฟต์แวร์

ประเภทที่สี่ อุตสาหกรรมและธุรกิจร้านอาหาร ร้านตัดผม สปา ฟิตเนส และบริการอื่นๆ

การแบ่งประเภทธุรกิจที่ชัดเจนทำให้รัฐบาลง่ายต่อการวางแผนและชัดเจนในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าธุรกิจประเภทแรกจะหยุดการผลิตไม่ได้เพราะเกี่ยวข้องกับสิ่งของจำเป็นของประชาชน ธุรกิจประเภทที่สองและสาม ก็เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนธุรกิจประเภทที่สี่เกี่ยวกับบริการร้านอาหาร ฟิตเนส ร้านทำผม ร้านนวดสปา ยังไม่กลับสู่ภาวะปกตินัก อัตราการเปิดทำงานมีอยู่ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จนถึงปัจจุบันธุรกิจภาคประชาชนจีนทั่วประเทศกลับมาทำงานปกติแล้ว 60 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย

ธุรกิจภาคประชาชนอย่างร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ร้านค้าต่างๆ ที่เคยต้องรอลูกค้าเดินเข้ามาใช้บริการได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ละธุรกิจต่างต้องดิ้นเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองรอดจากวิกฤตินี้ไปได้ จีนนั้นมีพื้นฐานด้านไอที และ E-commerce ร้านค้าต่างๆมีการปรับตัวในการขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น ร้านอาหารประเภทหม้อไฟอย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าต้องมาทานที่ร้านอาหาร จีนมีร้านหม้อไฟเป็นหมื่นร้านทั่วประเทศ ร้านพวกนี้บางส่วนปรับตัวเป็นการขายเป็นเซตจัดสำเร็จพร้อมเครื่องเคียงและเครื่องปรุงเพื่อให้ลูกค้าเอาไปใส่หม้อต้มกินเองที่บ้าน บางร้านยังมีบริการเสริมคือมีการสอนขั้นตอนการปรุงออนไลน์แบบตัวต่อตัวผ่านแพลตฟอร์ม Tiktok และ WeChat เป็นต้น ทำให้ลูกค้าสามารถสื่อสารกับพ่อครัวที่ร้านอาหารได้โดยตรง เพื่อให้อาหารที่ปรุงออกมาเสมือนกับนั่งทานอยู่ในร้าน นาทีนี้ร้านอาหารหลายร้านงัดวิธีการต่างๆออกมามากมายเพื่อรักษาลูกค้า ที่สำคัญคือการรักษารายได้ให้อยู่รอด ร้านอาหารที่ไม่ปรับตัวสายป่านไม่ยาวพอก็เลิกจ้างพนักงานและปิดตัวลง ร้านอาหารที่เปลี่ยนแนวและกลยุทธ์การขายหลายร้านสามารถอยู่รอดได้และรักษาระดับรายได้(ถึงแม้จะไม่เยอะเหมือนในภาวะปกติ )

มาดูฝั่งร้านค้าในห้างสรรพสินค้าซึ่งถือว่ากระทบหนัก พนักงานขายของในห้างต่างต้องปรับเปลี่ยนเป็นการขายแบบถ่ายทอดสดออนไลน์ มีสินค้าอะไรใหม่ๆก็ยืนคุยกับหน้ากล้องโชว์สินค้าให้กับลูกค้าที่ติดตามอยู่ที่บ้าน และทำให้การซื้อขายออนไลน์ทวีความร้อนแรงขึ้น แน่นอนว่าการแข่งขันของผู้ค้าก็สูงขึ้นไปอีก

การเลือกซื้อสินค้าสดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (ภาพจาก Tencent news)
ผู้เขียนสังเกตว่าร้านค้าออนไลน์สินค้าประเภทเสื้อผ้า จิวเวอรี่ จัดโปรโมชั่นแรงกว่าช่วงปกติ ซึ่งสถานีโทรทัศน์กลางประเทศจีน หรือ CCTV ได้เคยไปให้สัมภาษณ์ร้านขายทองเก่าแก่ในปักกิ่ง ช่ายไป่(菜百)ผู้จัดการร้านบอกว่าในช่วงไวรัสโควิดระบาดนี้ยอดขายออนไลน์เติบโตขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ทดแทนลูกค้าในร้านที่น้อยลง ทั้งนี้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆในช่วงวิกฤตนี้ต่างมีนโยบายที่เรียกว่า “共度难关”(อ่านว่า ก้ง ตู้ หนัน กวน/Gong Du Nan Guan)แปลว่า ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน โดยแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆตั้งคณะการทำงานเพื่อดูแลและช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และเกษตรกรที่ยังทำงานอยู่และพร้อมส่งสินค้าให้กับผู้บริโภค อย่างเช่น Pinduoduo (พินตัวตัว) แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 500 ล้านคน มีเป้าหมายป้อนสินค้าให้แก่ผู้บริโภคมีอย่างเพียงพอ ได้อนุมัติเงิน 1 หมื่นล้านหยวนเป็นเงินอุดหนุนพิเศษให้แก่พ่อค้าแม่ค้าและโลจิสติกส์

ส่วนอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศ 6 มาตราการพิเศษเพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ SMEs เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ผู้ประกอบการ โดยทางแพลตฟอร์ม Tmall จะไม่คิดค่าบริการกับผู้ค้าทั้งหมดใน 6 เดือนแรกของปีนี้ ยกเว้นค่าเช่าคลังสินค้า 2 เดือนให้กับผู้ค้ารายใหม่ที่เปิดบัญชีก่อนวันที่ 31 มี.ค. ยกเลิกค่าคอมมิสชั่นให้กับผู้ค้าที่มีเครดิตดีทั่วประเทศไปถึงสิ้นเดือนก.พ. สำหรับผู้ค้าเครดิตดีในอู่ฮั่นยกเลิกค่าคอมมิสชั่นไปถึงสิ้นเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ อาลีบาบา กรุ๊ป ก็มีธุรกรรมบริการในด้านการเงินเช่นกัน เพื่อบรรเทาแรงกดดันทางการเงินของผู้ค้า อาลีบาบา กรุ๊ป ได้อนุมัติเงิน 1 แสนล้านหยวนเพื่อการปล่อยกู้ให้ SMEs ในมณฑลหูเป่ย โดยระยะเวลาชำระคืนเป็นเวลา 1 ปี ใน 3 เดือนแรกปลอดดอกเบี้ย และอีก 9 เดือนหลังลดดอกเบี้ย 20 เปอร์เซ็นต์

ส่วน SMEs ในเขตอื่นทั่วประเทศนอกหูเป่ย อนุมัติเงิน 1 แสนล้านหยวนเพื่อการปล่อยกู้เช่นกัน ระยะเวลาชำระคืนเป็นเวลา 1 ปี ไม่มีนโยบายปลอดดอกเบี้ยใน 3 เดือนแรก แต่จะลดดอกเบี้ย 20 เปอร์เซ็นต์ในทุกเดือน อีกทั้งผู้ค้าทั้งใน Taobao และ Tmall หลังจากส่งสินค้าถึงมือลูกค้าแล้ว ไม่ต้องรอลูกค้ากดยืนยันได้รับสินค้า ทางอาลีบาบากรุ๊ปจะโอนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ค้าก่อนทันที เพื่อช่วยให้เงินหมุนของผู้ค้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมากออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงนี้

ในส่วนของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีหลี่เค้อเฉียง ผู้กุมบังเหียนทิศทางเศรษฐกิจจีนกล่าวว่า “เมื่อควบคุมโรคระบาดในท้องถิ่นได้อยู่หมัด ธุรกิจภาคประชาชนต้องพยายามฟื้นฟูให้เร็วที่สุด และต้องประกันอัตราการจ้างงานในประเทศ” งานของรัฐบาลจะเป็นงานในส่วนของเศรษฐกิจมหภาค เช่น การลดดอกเบี้ย การลดเวลาการทำธุรกรรมทางการเงินของธุรกิจ ลดขั้นตอนการส่งออกสินค้า เพิ่มศักยภาพของการส่งออกและเร่งรัดการขอเงินประกันส่งออกของผู้ค้าให้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มการทำงานของหน่วยงานรัฐให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจภาคประชาชน สนับสนุนภาคเอกชนลดค่าเช่าร้านค้าให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยทั้งนี้รัฐบาลจะมีเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้อีก การจ่ายเงินประกันสังคมยืดเวลาไปจนถึงเดือนมี.ค แต่ใน SMEs บางประเภทที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักสามารถขอเลื่อนได้ไปจนถึงเดือนก.ค. ทั้งนี้รัฐบาลจะยกเว้นเงินค่าปรับการชำระล่าช้า เป็นต้น

ผู้เขียนกล่าวถึงนโยบายคร่าวๆโดยรวมของรัฐบาลจีนที่ออกมาช่วยเหลือธุรกิจเอกชนในช่วงนี้ ทั้งนี้ในพื้นที่มณฑลต่างๆทั่วประเทศยังมีนโยบายอื่นๆแตกต่างกัน เพราะแต่ละพื้นที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน

กรมสถิติแห่งชาติของจีนได้ออกมาประกาศตัวเลขของ ธุรกิจ SMEs ที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจไว้ดังนี้

รายได้ของรัฐทั่วประเทศมาจากธุรกิจ SMEs มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์,

ธุรกิจ SMEs มีผลกระตุ้น GDP ของประเทศมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์,

ธุรกิจ SMEs ทำคุณูปการต่อการวิจัยและพัฒนาในประเทศมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

และธุรกิจ SMEs สร้างตำแหน่งงานให้คนทั่วประเทศมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

จากสถิตินี้ทำให้เราเห็นได้ว่าธุรกิจ SMEs นั้นสำคัญต่อเศรษฐกิจจีนอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นมาตรการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจเอกชน SMEs นี้ต้องทำอย่างทันท่วงทีและรวดเร็ว


กำลังโหลดความคิดเห็น