xs
xsm
sm
md
lg

"ไอซ์" ห่วงพ่อแม่-แฟน ไม่ขอทานข้าวด้วย เว้นระยะห่าง หวั่นตัวเองเป็นพาหะ ต้องออกไปกองถ่าย เลี่ยงไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ไอซ์ อธิชนัน" เผยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังต้องออกไปถ่ายละครอยู่ ช่วงนี้พอได้อยู่บ้านเลยต้องขอพ่อแม่ว่าแยกห่างกันสักพัก บอกถึงอยู่บ้านเดียวกันก็ทิ้งระยะห่าง ไม่ทานอาหารร่วมกัน นั้่งห่างๆ กัน เพราะเป็นห่วงพ่อแม่มากที่สุด เผยช่วงนี้ตนไม่ได้เจอกับหวานใจ เพราะหวั่นว่าตัวเองจะมีเชื้อโควิด-19 คบเกือบ 3 ปียังมีเรื่องต้องปรับกันเรื่อยๆ ยังไม่มีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขอทำงานเก็บเงินสร้างฐานะไปก่อน

ในช่วงที่หลายคนเริ่มเข้าระบบ work from home กันบ้างแล้ว และนักแสดงสาว "ไอซ์ อธิชนัน ศรีเสวก" ก็เช่นกัน แม้จะทำงานในบ้านไม่ได้ เพราะในฐานะนักแสดงที่เคยแต่ต้องออกกองถ่ายตลอด แต่ช่วงนี้สาวเจ้าก็เผยว่าเข้าสู่โหมดกักตัวเอง 14 วันเหมือนกัน เพราะต้องไปถ่ายละครในพื้นที่เสี่ยง ก็เลยกลัวว่าจะมีเชื้อโควิด-19 หรือเปล่า เลยขอแยกตัวเองออกมาสักพัก แต่ไม่ใช่แค่แยกจากละครเท่านั้น แต่แยกแม้กระทั่งอยู่บ้านกับพ่อแม่ เพราะสาวไอซ์บอกว่าขอกับพ่อแม่เลยว่าช่วง 14 วันนี้ ไม่ขอทานข้าวร่วมกัน นั่งก็ขอนั่งห่างๆ พอ เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อแม่เกิดภาวะเสี่ยงไปด้วย

"ตอนนี้ก็เก็บตัวอยู่บ้านค่ะ อยู่บ้านตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาค่ะ ถามว่าเบื่อมั้ย มันก็มีบ้างค่ะ แต่ถ้าเทียบกับมานั่งคิดแล้วว่ามันอันตรายกับทุกคน เรารู้สึกว่าอยู่บ้านแบบนี้เราแฮปปี้มากกว่า ปลอดภัยกว่าด้วย อยู่บ้านก็ดูหนัง ทำงานบ้าน เลี้ยงหมา รดน้ำต้นไม้ หากิจกรรมทำไปเรื่อยค่ะ (หัวเราะ) แพลนรับงานตอนนี้ถ้าเป็นไปได้ยังไม่อยากออกจากบ้านน่าจะดีกว่า เพราะสถานการณ์ตอนนี้ทางโรงพยาบาล ทางคุณหมอก็ออกมาขอความร่วมมือจากประชาชนมามากแล้ว ว่าอยากให้เราเก็บตัวดีกว่าเพื่อลดการแพร่เชื้อต่างๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนที่เราไปเจอ เขาไปเจอใครมาบ้าง แล้วเขาไปรับเชื้อที่ไหนมาบ้าง ตอนนี้เชื้อโรคมันกระจายไปทั่วประเทศเราแล้ว ก็เลยคิดว่าถ้าลดการออกจากบ้านได้ตอนนี้ก็น่าจะช่วยลดภาระทีมแพทย์ลงได้บ้างค่ะ"

"เรื่องรายได้มันก็มีผลกระทบกับทุกคน ไม่ใช่แค่เราคนเดียว มันกระทบทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่คิดว่าคนไทยเราก็รู้แหละว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง เราก็ต้องช่วยกัน ถ้าดูจากตัวเลขมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เตรียมใจแล้วล่ะว่ามันคงจะควบคุมค่อนข้างจะยากขึ้นแล้ว ถ้าเรายังไม่ช่วยกันรับผิดชอบกับสังคมด้วยการอยู่เฉยๆ กันบ้าง ถ้าดูจากข่าวก็จะเห็นว่ายังมีคนไปปาร์ตี้ มันก็เป็นการเสี่ยงกับตัวเขาเองและคนรอบข้างด้วย ที่บ้านไอซ์เองก็มีการซื้อของ ซื้ออาหารที่จะต้องใช้เก็บไว้บ้างแล้วค่ะ"

เผยห่วงพ่อกับแม่ที่สุด เพราะท่านสองคนแก่แล้ว มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าปกติ
"ส่วนตัวไอซ์เองค่อนข้างจะเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่มากๆ เพราะช่วงอาทิตย์ที่แล้วไอซ์ก็ยังต้องมีการไปถ่ายละครอยู่ ทั้งๆ ที่จำนวนตัวเลขมันค่อนข้างเยอะขึ้นแล้ว เราก็กลัวเหมือนกันว่าถ้าเราเป็นพาหะขึ้นมาเราก็ไม่รู้ตัว แล้วเราต้องกลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน ซึ่งก็แก่มากแล้ว ก็ยอมรับว่าเครียดเหมือนกัน เพราะค่อนข้างเป็นห่วงเขามาก ก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเราแยกกันหน่อยดีกว่า ก็พยายามห่างออกมา ทานข้าวก็ต่างคนต่างทานเลย หรือเป็นไปได้คุณพ่อคุณแม่ก็แยกกันทานเหมือนกัน คือไม่ทานข้าวพร้อมกันเลย นั่งก็นั่งห่างๆ"

"คือขอเลยว่าตอนนี้อยากให้เซฟ เพราะหนูยังต้องไปกองละครอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วง ท่านก็บอกว่าให้ไปกองด้วยไหม เป็นห่วง เราก็บอกว่าไม่เอา ไม่ให้ไป ไม่ให้ออกจากบ้านเลย คือคนแก่ถ้าติดเชื้อเขามีความเสี่ยงมากกว่าเราอยู่แล้ว ก็คุยกันว่าไม่เป็นไร อย่าไปเลย เข้าใจว่าเป็นห่วง เราก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน เพราะถ้าพ่อแม่ไม่สบายขึ้นมาเราไม่โอเคแน่ๆ พอกลับมาบ้านเราก็แยกตัวเองจากพ่อแม่ ทานข้าวเราก็แยกกันกิน ก็คิดว่าต้องแยกสัก 14 วันแหละค่ะ เพราะบางคนก็มีที่ไม่แสดงอาการ เราก็ต้องระวังไว้ก่อน"

บอกเข้าใจหลายฝ่ายที่ยังต้องทำงาน ช่วงนี้ตนก็คงต้องเอาเงินเก็บมาใช้เหมือนกัน
"ถ้าเรื่องเครียด เรื่องนอยด์ก็คือเรื่องคุณพ่อคุณแม่อย่างเดียวเลยค่ะ ถ้าเรายังต้องออกไปทำงานและยังต้องกลับมาเจอพ่อแม่ เราก็ห่วงเรื่องนี้มากกว่า แต่การทำงานเราก็เข้าใจหลายๆ ฝ่ายว่าอาจจะยังไม่สามารถหยุดได้ ยังมีภาระต้องรับผิดชอบหรืออะไรต่างๆ แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากให้ทุกคนเซฟตัวเอง เราออกไปทำงานเราก็ไม่รู้จะไปเจออะไรบ้าง หรือคนอื่นเขาไปเจออะไรบ้าง กลับบ้านไปเราก็ไม่รู้ว่าเราเอาอะไรกลับไปบ้านด้วยหรือเปล่า ก็เป็นห่วงคนที่บ้านมากๆ ค่ะ"

"ตอนนี้ก็อาจจะต้องเอาเงินที่เราเก็บไว้ออกมาใช้บ้างแล้วล่ะ เพราะมันกระทบไปหมดเลยทุกคน ณ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เราคนเดียว ก็ต้องยอมรับค่ะ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้ทุกคน ให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี ช่วงนี้ต้องให้กำลังใจกันเยอะๆ ค่ะ พักผ่อนเยอะๆ กินวิตามินเยอะๆ ช่วงนี้ก็ให้คุณพ่อคุณแม่ทานวิตามินเยอะมากค่ะ (หัวเราะ) เซฟทุกทางที่ทำได้เลย"

เผยช่วงนี้ต้องห่างกับแฟนหนุ่ม "นิน ชนินทร์" ทายาทธุรกิจโรงแรมดังที่พัทยาสักพัก เพราะตนยังอยู่ในช่วงกักตัว
"ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลยค่ะ ต่างคนต่างเซฟตัวเอง เพราะเราเองก็ยังต้องออกไปทำงานเจอคนอยู่ ก็เลยบอกเขาว่าช่วงนี้เราก็เซฟตัวเองกันดีกว่าเนอะ เพราะหนูก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นพาหะหรือเปล่าด้วย (หัวเราะ) แต่เขาทำงานที่บ้านอยู่แล้ว เป็นออฟฟิศที่บ้าน ไม่ได้ต้องออกไปไหน แต่เขาก็อยากจะมาหาค่ะ (หัวเราะ) แต่หนูก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน รอให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน เราก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วย ไม่ใช่ว่าเราจะทำตามใจตัวเองได้ซะทุกอย่าง ณ ตอนนี้เราควรต้องทำอะไร เราต้องรับผิดชอบอะไร เราก็ต้องรู้ตัวเอง แต่ยังคุยกันปกติค่ะ ตลอดเวลา (หัวเราะ) คือพี่เขาเป็นคนโทร.หาเรื่อยๆ อยู่แล้วค่ะ ถือว่าเป็นปกติ"

"ถามว่าความห่างช่วงนี้จะมีปัญหาไหม คือด้วยความที่เราค่อนข้างจะโตกันแล้วด้วย ก็ด้วยก่อนหน้าที่ไม่มีเหตุการณ์นี้ มีงานเราก็ทำ ถ้าว่างก็ค่อยมาเจอ เราเป็นแบบนี้กันอยู่แล้ว และพอมีเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็คุยกันปกติ เราไม่เคยมาง๊องแง๊งใส่กัน เราค่อนข้างเข้าใจกันดีค่ะ"

บอกยังไม่มีข่าวดีเร็วๆ นี้ อยากสร้างฐานะกันให้มั่นคงก่อน
"ข่าวดียังค่ะ (หัวเราะ) ช่วงนี้ยังทำงานหนักอยู่ค่ะ เป็นช่วงปั่นงานอยู่ทั้งคู่ แต่ตั้งแต่ไปออกรายการคุยแซ่บโชว์มาคนก็ถามเยอะค่ะ เพราะไม่เคยเปิดตัวที่ไหนเลย แต่เรื่องแต่งยังค่ะ เขาเองก็บอกว่าเขาก็ยังอยากจะสร้างฐานะสร้างความมั่นคงให้ตัวเองก่อน หนูเองก็ยังอยากดูแลคุณพ่อคุณแม่ อยากสร้างฐานะให้ตัวเองให้มั่นคงกว่านี้ก่อน แต่ก็มีคุยๆ กันบ้างค่ะ แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะต้องเป็นระยะเวลาไหน คือถ้าถามความพร้อมตอนนี้เราก็ยังมีภาระ ยิ่งโตยิ่งเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ ก็อยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุดก่อน เราไม่ได้รีบค่ะ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเลยค่ะ"

"คบกันมาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ก็ยังต้องปรับกันเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาเลย เพราะเราโตมาจากคนละครอบครัว การเลี้ยงดูก็ต่างกัน ก็คงต้องมีการปรับตัวกันบ้างเรื่อยๆ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร เรื่องทะเลาะกันก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องปรับกัน เป็นการคุยซะมากกว่าไม่ใช่ทะเลาะ ยิ่งเรื่องงานเขาก็ไม่เคยเข้ามาก่าวก่ายเลยค่ะ เขาไม่ยุ่งงานเรา เราก็ไม่ยุ่งงานเขา เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ก็เลยไม่ได้มีปัญหา"

เผยโชคดีไม่มีเรื่องหึงหวง เพราะโทร.รายงานกันตลอด
"เรื่องหึงหวงไม่มีนะคะ เพราะหนูก็จะบอกตลอดว่าตอนนี้อยู่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไร แล้วหนูเป็นคนที่ไปไหนก็ไปกับที่บ้าน ไม่ค่อยได้ไปแฮงค์เอาท์ที่ไหน เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นอย่างนี้ ทำงานเสร็จกลับบ้าน เขารู้ว่าเราดูแลตัวเองได้ ก็เลยไม่มีอะไรต้องห่วง ส่วนเขาเองนี่ยิ่งเป็นฝ่ายบอกเลยค่ะ (หัวเราะ) คือเขาไม่ได้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกหรอก แต่ครอบครัวไอซ์เป็นแบบนี้มาตลอด คุณพ่อเวลาไปไหนก็จะโทร.บอกคุณแม่ ทำอะไรอยู่ที่ไหนจะคอยโทร.บอกกันตลอด บ้านหนูเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก เราก็เลยรู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วสบายใจ อุ่นใจ รู้หมดว่าใครทำอะไรอยู่ที่ไหน เพราะถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินเราก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าที่สุดท้ายเขาอยู่ที่ไหน"

"ก็เลยคุยกับพี่เขาว่าเรื่องนี้หนูขอได้ไหมว่าบอกหน่อยนะว่าวันนี้พี่ไปไหน ทำอะไร เพราะเราก็บอกตลอดอยู่แล้ว แต่ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องบอก แต่เราก็อธิบายว่าเราก็เข้าใจว่าไม่ได้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก แต่ถ้าวันนึงเกิดโชคร้ายขึ้นมาเราจะได้รู้ว่าจุดสุดท้ายคุณอยู่ที่ไหน เราจะได้ให้คนช่วยคุณถูก หรือเราจะได้ไปหาคุณเจอ นี่ก็เป็นเหตุผลที่หนูบอกกับเขาว่าที่บ้านหนูอย่างนี้นะ หนูขอได้ไหม พอเขาเข้าใจเขาก็โทร.บอกหนูตลอดเลย บอกตลอดเวลาเลยด้วย จนบางทีหนูเองที่เป็นฝ่ายลืมบอกเขาเหมือนกัน (หัวเราะ) ก็รู้สึกว่าเขาน่ารักดีค่ะ เรารู้สึกว่าเราสบายใจกับอะไรแบบนี้ พอเราถามเขาว่าเขาโอเคไหม เขาก็บอกว่าเขาก็โอเคนะ เขาก็รู้สึกสบายใจจริงๆ ที่เป็นแบบนี้"

บอกขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดีที่สุด อย่าเพิ่มภาระให้กับหมอและพยาบาล แค่ดูแลตัวเอง รับผิดชอบสังคมก็ช่วยได้มากแล้ว
"ณ สถานการณ์ของบ้านเมืองเราตอนนี้ ก็อยากจะให้ทุกคนเริ่มจากการดูแลตัวเอง รับผิดชอบตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่พยายามออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น เพราะว่าตอนนี้ด้วยจำนวนผู้ป่วยหรือคนที่อาจจะมีเชื้ออยู่ในตัว เขาเองก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าเขามีเชื้อ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดอยากให้ทุกคนสังเกตตัวเองค่ะ ดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง รักษาระยะห่างจากทุกคน รวมถึงคนในบ้านด้วย และทำแบบนี้ไปเลย อย่างมัวคิดว่าทำไมถึงเจอเพื่อนไม่ได้ หรืออยู่ในบ้านก็ยังต้องรักษาระยะห่าง คือมันเป็นการป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวด้วย"

"ตอนนี้ทีมแพทย์ พยาบาลหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อะไรต่างๆ ก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าสร้างภาระเพิ่มให้กับคุณหมอเลย คือเราทำอะไรไม่ได้ แต่คุณหมอเหล่านั้นคือคนที่ช่วยชีวิตคน แต่เราช่วยอย่างนั้นไม่ได้ เราทำได้อย่างเดียวและดีที่สุดคือดูแลตัวเองให้ดีที่สุด รักษาตัวเองให้ดีที่สุด อยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น รับผิดชอบส่วนรวมให้ดีที่สุด ส่วนคุณหมอ พยาบาลเขาทำหน้าที่ของเขาดีที่สุดอยู่แล้ว เราแค่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเขาได้ก็ช่วยเถอะค่ะ อยู่บ้านกันนะคะ"












กำลังโหลดความคิดเห็น