“วันเดอร์เฟรม” ช็อก ถูกมือดีเอาหน้าตนไปตัดต่อกับภาพโป๊เปลือยเพื่อทำธุรกิจ ลั่นรู้สึกถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หวาดระแวงไม่กล้าออกจากบ้าน แต่งตัวมิดชิดถึงคอ ไม่กล้าลงรูปในโซเชียลเดี๋ยวโดนเอาไปตัดต่ออีก ชี้ยังมีดาราและหญิงสาวอีกหลายอาชีพที่โดนเหมือนตน
เป็นอีกหนึ่งคนในวงการบันเทิงที่ถูกเกรียนคีย์บอร์ดคุกคามทางเพศมาโดยตลอด ล่าสุดสาว “เฟรม ศุภัคชญา สุขใบเย็น” หรือ “วันเดอร์เฟรม” ก็เจอโรคจิตนำหน้าของตัวเองไปตัดต่อกับภาพลามกอนาจาร แถมยังทำเป็นธุรกิจหารายได้ ทำเอาเจ้าตัวสุดทนไม่ไหวโพสต์ในอินสตาแกรมระบุว่า "นี่คือตัวอย่างส่วนหนึ่งของรูปที่มีคนส่งมาให้เฟรมทุกวันค่ะ ในฐานะมนุษย์คนนึงมันเกินจะทนแล้วจริง ๆ จากวินาทีนี้ผู้ใดฝ่าฝืน ตัดต่อรูป หรือทำอนาจารไม่ว่าจะวิธีใด เฟรมพร้อมแจ้งความและดำเนินคดีสูงสุด"
วันนี้ (20 มีนาคม 2563) เวลา 10.00 น. สาววันเดอร์เฟรมได้เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. พร้อมกับคุณพ่อและทนายความ เพื่อเอาผิดมือดีที่ตัดต่อภาพโป๊เปลือยนำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลเพื่อธุรกิจ ซึ่งหลังจากพบเจ้าหน้าที่แล้วเจ้าตัวก็ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชนว่า...
“เรื่องโดนตัดต่อภาพโป๊ที่โพสต์ลงไอจีค่ะ คือได้รับรูปมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคอมเมนต์ที่ค่อนข้างหื่น แต่ครั้งนี้มาเป็นรูปเลยรู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว มีหลายคนส่งมามากๆ ที่ผ่านมาโดนคุกคามทั้งในคอมเมนต์ เวลาลงรูปจะโดนคุกคาม จนเรารู้สึกว่ามันไม่ปกติแล้วนะในส่วนของข้อความ แต่นี่มาเป็นรูปมาเลย คือแฟนคลับไดเร็กแมสเสจมาให้ว่าเขาไปเจอมา พอเราเห็นเราก็เข้าไปเช็กเลยว่ามีเพจไหนที่ตัดต่อในทวิตเตอร์”
“(โชว์รูป) นี่เลยค่ะ รับตัดต่อภาพโป๊ดารา ไม่ใช่แค่เราที่โดน ทุกคนโดน เหมือนรับทำแอคเคาท์ทวิตเตอร์เพื่อรับจ้างตัดต่อรูปโป๊ดารา เขานำไปหารายได้ด้วยการรับตัดต่อ มีเลขบัญชีพร้อม คือมีหลายเจ้าด้วยนะ แล้วก็ยังมีสำเร็จความใคร่ใส่รูปเราลงไปด้วยก็ตาม อันที่สำเร็จความใคร่แล้วใส่รูปเราลงไปอันนี้เราว่ามันเยอะมากแล้ว ปกติเราโดนบ่อยมาก”
รับเห็นภาพตัดต่อแล้วรู้สึกช็อก รู้สึกถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
“ช็อกค่ะ มันรู้แหละว่าเป็นรูปตัดต่อ แต่แบบเห้ย ทำไมถึงย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กันขนาดนี้ ที่ผ่านมาก็โดนตัดต่อรูปมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่เห็นอันนี้คือยอมไม่ได้จริงๆ ในฐานะมนุษย์คนนึงไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม จะเป็นดาราหรือไม่เป็นดาราไม่มีใครควรโดนอะไรแบบนี้ แล้วก็ชอบมีคอมเมนต์มาว่าเป็นดาราก็ต้องโดนแบบนี้เป็นปกติแหละ สำหรับเรามันไม่ปกติค่ะ มันไม่ควรจะมีใครต้องมาโดนอะไรแบบนี้”
โอดได้รับผลกระทบทางจิตใจ ใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดระแวง ตอนนี้แต่งตัวปิดถึงคอ วอนหยุดกระทำเรื่องแบบนี้
“ได้รับผลกระทบทางจิตใจมากเลยค่ะ เรารู้สึกว่าเราไม่ปลอดภัย ไม่อยากออกไปข้างนอกเลย ตอนนี้โควิด-19ก็ต้องกลัวแล้วยังต้องมากลัวโรคจิตอีก ไปไหนมาไหนเราก็รู้สึกระแวง วันนี้แต่งตัวปิดมาถึงคอแล้ว คือเรารู้สึกว่ามีใครจะแอบมองเราอยู่รึเปล่า เวลาลงรูปจะมีใครเอารูปเราไปตัดต่อเป็นรูปไหนอีก เราก็กลัวว่าคนที่ไม่รู้ว่ามันเป็นรูปตัดต่อแล้วเข้าใจไปว่าเป็นรูปเรา”
“อยากจะบอกไปถึงเขาว่าหยุดเถอะค่ะ พอแล้ว การย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กันอย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดี คุณจะได้รับการดำเนินคดีแน่นอน”
มีเบาะแสรู้ตัวคนร้ายบ้างแล้ว แต่จับได้แค่ 2 เจ้า เชื่อว่ายังมีคนหากินแบบนี้อีก
“ไม่เชิงว่ารู้ตัวคนทำ แต่มีเบาะแส เลยพยายามให้เจ้าหน้าที่ไปตามต่อ อันนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แล้ว ที่ทราบเบาะแสเพราะแฟนคลับไปช่วยดูให้ ที่เจอตอนนี้ 2 เจ้า แต่เชื่อว่ามีอีก ก็พยายามหาอยู่ ก็บอกตรงนี้เลยว่าไม่มีการยอมความค่ะ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
สวดยับเพิ่งเคยเห็นธุรกิจแบบนี้ ชี้มันไม่ดีเป็นการหารายได้บนความทุกข์คนอื่น
“เราเพิ่งเคยเห็น เพิ่งรู้ว่ามันมีธุรกิจตัดต่อรูปโป๊ดาราที่มันเป็นธุรกิจเลย เรารู้สึกว่ามันเป็นการหารายได้จากความทุกข์ของคนอื่น มันไม่ดี นอกจากเราแล้วที่เห็นในห้องสืบสวนก็มีน้องมุก (วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์) ที่โดน น้องมุกก็มาแจ้งความแล้ว”
ไม่ได้หลังไมค์ไปหาอีกฝ่ายเพราะผู้กระทำผิดไหวตัวทันปิดทวิตเตอร์ไปแล้ว
“ไม่มีค่ะ เขาไหวตัวและรีบปิดทวิตเตอร์ไปก่อนเลยแต่เราแคปหลักฐานไว้ทัน แล้วพอเราโพสต์ไปว่าเราโดนทำแบบนี้ก็จะมีผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทำอาชีพดาราส่งมาว่าเขาก็โดนเหมือนกัน เราเลยรู้สึกว่าการที่เรามาแจ้งความวันนี้มันไม่ได้แค่ช่วยเราคนเดียว เรารู้สึกว่าเราได้ช่วยทุกคน เป็นกระบอกเสียงให้ทุกคน ตำรวจก็บอกว่าจะตามเรื่องให้ถึงที่สุด”
ด้านทนายความนาย “เดชา ทองสุข” เผยว่าผู้กระทำความผิดจะได้รับโทษฐานผิดพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 กับ 16 มีโทษทั้งจำและปรับ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนกำลังติดตามเรื่องอยู่
“ก็มีโทษทั้งจำและปรับ ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 กับ 16 เอาภาพลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และมีการตัดต่อภาพ มันมีโทษตั้งแต่จำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท อีกมาตรานึงโทษ 3 ปี ปรับ 1 แสน ส่วนขั้นตอนการดำเนินคดีหลังจากนี้ต้องรอพนักงานสอบสวนรว[รวมพยานหลักฐานว่าใครเป็นเจ้าของแอคเคาท์ที่ทำการตัดต่อจนเป็นคนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่จะใช้เวลานานแค่ไหนนั้นต้องขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนอีกที เราเองก็ต้องมาให้การเพิ่มเติมอีก เดี๋ยวผมจะต้องรวบรวมหลักฐานแล้วส่งให้พนักงานสอบสวน”