xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ชง? "นุ่น" ชนผนังหัวโน รถเสีย ผ่าตัดไส้ติ่ง โร่ปรับฮวงจุ้ยบ้าน-ออฟฟิศ 10 ปีไม่สูญเปล่าคว้ารางวัลสิ่งแวดล้อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"นุ่น-ท็อป" เห็นผลรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม ขอบคุณคว้ารางวัล 10 ปีไม่สูญเปล่า ผุดแอปฯ ช่วยลดขยะ วาเลนไทน์ผิดแผน ฝ่ายหญิงเข้ารพ.ผ่าตัดไส้ติ่ง ยันไม่ชง แค่เดินชนผนังหัวโน สามวันรถเสีย พึ่งหมอดูฮวงจุ้ย รีโนเวทบ้านยกเซ็ต ท็อปรับแม้แต่สีเสื้อประจำวันก็ถูกทัก

ควงกันมารับรางวัลในงานพิธีมอบรางวัลผู้ชนะ Thailand Green Design Awards 2020 ณ Lifestyle Hall ชั้น 2 สยามพารากอน งานนี้ "ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร" และ "นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา" เผยว่าสิ่งที่ทำมา 10 ปีไม่สูญเปล่าแล้ว ตอนนี้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ท็อป : "ดีใจมาก ถือเป็นเกียรติมาก ได้รับรางวัลเกียรติยศนะครับสำหรับคนที่ทำในเรื่องสิ่งแวดล้อมมานาน ก็ต้องขอขอบคุณงาน Thailand Green Design Awards 2020 คือปีนี้มีผู้สนับสนุน มีคณะกรรมการหลายท่านนะครับที่ให้เกียรติเรา ก็ต้องขอขอบคุณมากๆ สำหรับรางวัลนี้ครับ"

"แรงผลักดันคือเราทำมา 10 กว่าปีแล้วครับ มันเริ่มต้นจากเราทำสิ่งที่ชอบที่ชอบ การได้รับรางวัลก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับเราสองคนให้ได้ทำมันต่อ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลเราก็ทำมันต่อครับ เพราะรู้สึกว่าอันนี้มันคือสิ่งที่เราชอบและเราภูมิใจที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมมันดีขึ้นได้ครับ"

ทุ่มมา 10 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะ เป็นทิศทางที่ดีของประเทศไทย
นุ่น : "เปลี่ยนเยอะเหมือนกันนะคะ ถ้าใครพอจะจำรุ่นบุกเบิกตอนเราเปิดร้าน Eco Shop แรกๆ ของสยาม 10 กว่าปีที่แล้วกว่าเราจะอธิบายว่า eco product หรือว่าสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมันคืออะไร กว่าจะขายเล่มนึง 200 บาทนุ่นพูดไปชั่วโมงนึงเพื่อให้เขาเข้าใจ จนมาถึงวันนี้ผ่านเวลามา พอเราพูดแค่คำว่า green หรือแค่เรื่องสิ่งแวดล้อม ทุกคนเข้าใจ และก็เห็นหลายๆ คนที่่มีความรักในสิ่งแวดล้อมและพร้อมจะเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง มันเดินทางมาไกลมาก และเรารู้สึกว่ามันเป็นทิศทางที่ดีของประเทศไทย จากที่ไม่ค่อยเข้าใจก็มาเข้าใจและพยายามปรับตัว ตอนนี้มันเกิดกระแสที่ทำให้คนรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อมนะ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือเรา จากฝุ่นควัน จากขยะ จากหลายๆ อย่าง"

รับแอบท้อกว่าคนจะเข้าใจ ภูมิใจวันนี้ออกดอกออกผลแล้ว ขอบคุณรางวัล 10 ปีไม่สูญเปล่า
นุ่น : "ก็ท้อนะคะ กว่าจะขาย กว่าจะเล่าให้ฟังได้มันใช้เวลานานมาก แรกๆ เราเจอคำว่า พี่รักสิ่งแวดล้อมนะ แต่ทำไมพี่ต้องจ่ายแพงกว่าล่ะ คำนี้มันบั่นทอน แต่พี่ท็อปนี่แหละค่ะเป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันสำคัญ และเราปล่อยให้ผ่านไม่ได้ ก็พยายามทำกันมาเรื่อยๆ จนวันนี้มันก็ออกดอกออกผล อย่างน้อยที่สุดเราก็ขอบคุณกับรางวัลนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าที่เราทำมา 10 กว่าปีมันไม่ได้สูญเปล่า"

"ถามว่าตอนนี้คนหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม รู้สึกยังไง ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรนะคะ อย่างน้อยนุ่นว่าถ้าเราช่วยกันจริงๆ โลกมันยังชะลอความเลวร้ายไปได้มากกว่านี้ค่ะ ดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย ทีนี้ก็แก้ไม่ได้แล้ว"

ท็อป : "สถานการณ์ฝุ่นตอนนี้เราไม่ได้อึดอัดใจนะครับ เพราะเราเข้าใจว่าพอเวลามันมีความเจริญมันก็ต้องมีสิ่งต่างๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงไป แต่เราก็พยายามอยากจะสื่อสารว่าถ้าเรามีเมืองที่ศิวิไลซ์ เราอยากที่จะให้คุณภาพชีวิตเรามันดีขึ้นด้วย เรามีวิธีการทำยังไงบ้างที่ไม่ให้ตัวเราต้องเปลี่ยนทั้งหมด คือพอจะปรับบางอย่างได้แล้วมันดีกับตัวเราเอง เราพยายามอยากจะสื่อสารเรื่องนี้ ตอนนี้ก็มีเรื่องอยากฝากหลายเรื่องนะครับ เรื่องแรกคือเราทำแอปพลิเคชั่นที่ชื่อ Eco Life มันเป็นเกมส์เพื่อที่อยากจะให้คนช่วยกันลดขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง"

"คือเวลาที่คุณไปตามร้านที่เข้าร่วมกับเรา ตอนนี้มี 6,000 กว่าร้านแล้ว เมื่อไหร่ที่คุณปฎิเสธการใช้พลาสติกหลังจากนั้นคุณจะได้ตัวการ์ตูนไปสะสม และได้พ้อยท์ไปแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตอนนี้มีการดาวน์โหลดไปแล้วประมาณ 6 หมื่นกว่ารายนะครับ ที่ใช้กันอยู่ทั่วประเทศ มหาวิทยาลัย 30 กว่าแห่ง ร้านค้ามี 6,000 กว่าร้าน แต่ผมว่ามันไม่พอ มันจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการร่วมมือกันมากกว่านี้ ถ้าเกิดวันนี้้ใครที่เป็นเจ้าของกิจการร้านค้าต่างๆ อยากที่จะมาร่วมกับเรา ก็ติดต่อมาได้เลยชื่อ Eco Life นะครับ"

"อีกอันนึงคือ Life App ณ ตอนนี้เราเห็นว่าหลายๆ ที่ไม่สามารถจะจัดกิจกรรมได้ เพราะกลัวหรือระวังตัวเอง ตอนนี้เรามีแอปฯ อีกตัวนึงเพื่อที่จะทำให้การจัดกิจกรรมมันสามารถทำแบบออนไลน์ได้ และทำให้พนักงานในบริษัทอยากที่จะทำความดีร่วมกัน เห็นว่าหลายๆ บริษัทอยากที่จะให้พนักงานมีส่วนร่วมในการทำดี ผมว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะ เราก็เลยพยายามที่จะพัฒนาเทคโนโลยี ณ เวลานี้ให้คุณภาพชีวิตของคน คุณภาพของสิ่งแวดล้อมดีขึ้น"

เซ็งแพลนวาเลนไทน์ล่ม ต้องผ่าตัดไส้ติ่่งอักเสบ ช้าอีกนิดอาจไส้ติ่งแตก
นุ่น : "ใช่ค่ะ ตอนแรกวันวาเลนไทน์เราก็อยากจะไปดินเนอร์กันแบบสวยๆ ปรากฎว่าปวดท้อง คือนุ่นมีโรคประจำตัวเป็นโรคกระเพาะค่ะ ตอนนั้นปวดท้องช่วงเย็นกำลังจะไปทานข้าวดินเนอร์กันนี่แหละค่ะ ก็เลยแวะโรงพยาบาลก่อน ก็เข้าใจตลอดว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ พอไปถึงโรงพยาบาลก็บอกคุณหมอว่าเป็นโรคกระเพาะกำเริบค่ะ หนูมาทุกทีก็ฉีดยาแล้วหาย ก็เถียงหมอค่ะ แต่พอหมอลองกดท้องคุณหมอก็บอกว่าคุณนุ่นคะ หมอว่าเป็นไส้ติ่งนะคะ นี่ก็ยังเถียงหมออีกว่าไม่ใช่ค่ะ (หัวเราะ)"

"ก็เถียงหมออยู่ประมาณชั่วโมงนึง บอกว่าฉีดยาก่อนได้ไหมคะ หนูเจ็บ แต่ทุกทีฉีดปุ๊บแป๊บเดียวก็หายเลยนะคะ คุณหมอก็บอกให้รอดูอาการจนผ่านไป 3-4 ชม.แล้วสแกน คุณหมอก็มาบอกว่าคุณนุ่นเป็นไส้ติ่งอักเสบนะคะ (หัวเราะ) ก็เลยได้ผ่าตอนตี 1 กว่า จากที่มีแพลนว่าอยากไปทานอาหารช่วงวันวาเลนไทน์ ก็ผ่าไส้ติ่งค่ะ (หัวเราะ) ก็ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย อย่าเถียงหมอนะคะ พี่ท็อปอยู่ข้างๆ ก็สะกิดบอกว่าเธออย่าไปเถียงเขา"

"คือถ้าไปช้ากว่านี้และปล่อยไว้เพราะคิดว่าตัวเองเป็นแค่โรคกระเพาะอาหารแล้วทานยา ไส้ติ่งอาจจะแตกค่ะ ซึ่งนุ่นว่าทุกคนเป็นเหมือนกัน ถ้ารู้สึกว่าร่างกายเราเป็นอะไรก็อยากให้ดูแลตัวเองดีๆ อย่าเถียงหมอ (หัวเราะ)"

สามีดูแลดี
นุ่น : "ดูแลดีมากค่ะ (ยิ้ม)"

ท็อป : "ผมก็ดูแลครับ วิ่งไปเอาชุด เอาโน่นเอานี่ แล้วก็กลับมารอนุ่นที่หน้าห้องผ่าตัด นั่งว่างๆ ก็สไลด์ดูโซเชียล ผมก็เห็นเพื่อนๆ ไปดินเนอร์ที่โน่นที่นี่ แต่ในเวลาตี 1 เรานั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด แต่ตอนนั้นผมก็รู้สึกดีนะ เหมือนกับเออเว้ย คนอื่นเขาไปกินข้าว แต่กูดูแลเมียกูอยู่เนี่ย ก็บอกกับตัวเองนะ เราก็รู้สึกว่าดี ฟีลแบบนี้ไม่น่าจะเป็นบ่อยๆ ไส้ติ่งตัดออกไปแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอีกแล้วล่ะ"

"ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นอะไร คือเห็นเถียงหมอ ผมก็คิดว่าคงไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ฉีดยาเดี๋ยวก็คงกลับได้ แต่สุดท้ายก็ต้องผ่า แต่ผมว่าเดี๋ยวนี้คุณหมอเก่งมากเลย ผ่าเป็นแค่จุด 3 จุดนิดเดียวเอง ไม่ได้ผ่าที่เห็นแผลเยอะๆ แป๊บเดียวก็ปกติแล้ว"

อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่นอยด์ผิดแผน
นุ่น : "ก็ไม่นอยด์มากนะคะ แต่แค่เรารู้สึกว่าเราแข็งแรง และคิดว่าโรคบางโรคเราไม่น่าจะเป็น เราก็คิดแบบนี้มาตลอดว่าฉันเป็นแค่โรคกระเพาะ กินยาก็หาย แต่มันก็ผิดแผน แต่สิ่งนี้มันก็ทำให้เราเข้าใจว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็ฝากดูแลตัวเองกันด้วยแล้วกัน กินข้าวในโรงพยาบาลค่ะ ดิฉันก็กินข้าวต้ม พี่ท็อปก็กินกับข้าวผู้ป่วยเป็นเพื่อนค่ะ"

ท็อป : "ไม่มีเลยครับ คือผมไม่ค่อยจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้สักเท่าไหร่"

ไม่ใช่ปีชง แต่เจอเหตุการณ์ไม่ดีเพียบ ให้หมอดูมาเปลี่ยนฮวงจุ้ย ไม่มีอะไรแล้ว
นุ่น : "นั่นน่ะสิคะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าเดือนกุมภาพันธ์นี่เป็นอะไรกับนุ่น เดินเข้าห้องชนผนังแล้วก็หัวโน ผ่านไป 3 วันรถเสีย ซึ่งขับมาไม่เคยเสียก็เสีย ผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ไส้ติ่งค่ะ ก็คงไม่มีแล้วล่ะคะ คงผ่านพ้น ไม่ใช่ปีชงด้วยนะคะ"

ท็อป : "คือก็มีหมอดูฮวงจุ้ยมาดูด้วยครับ ตอนนี้ก็ขยับโน่น ย้ายนี่เต็มเหนี่ยวไปหมดแล้วครับ คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ก็เปลี่ยนฮวงจุ้ยตามที่นุ่นต้องการ"

นุ่น : "ดิฉันจบวิศวะ แต่ดิฉันจัดใหม่ทุกชั้นเลยค่ะ (หัวเราะ) คือเรารู้สึกว่าช่วงนี้มันหลายๆ อย่างนะคะ ก็มีญาติผู้ใหญ่แนะนำมา เราก็เอาสักหน่อย จากที่ปรับนิดๆ หน่อยๆ ตอนนี้ก็ปรับทุกชั้นเลยค่ะ ปรับทั้งออฟฟิศด้วยค่ะ ถามว่าโอเคไหม กำลังก่อสร้างอยู่เลยค่ะ ไม่ใช่แค่ย้ายนะคะ รีโนเวทเลยค่ะ (หัวเราะ)"

ท็อป : "แล้วผมจะไม่โอเคได้ยังไง ตอนนี้ไม่ใช่แค่รีโนเวทฮวงจุ้ยนะครับ ก่อนออกจากบ้านทุกวันผมต้องดูว่าผมต้องใส่เสื้อสีอะไรด้วย"

นุ่น : "วันนี้ห้ามใส่สีขาวนะคะ"

ท็อป : "เป็นเทรนด์หรืออะไรไม่รู้ ทุกวันนุ่นก็จะบอกว่าวันนี้ห้ามสีนี้ ต้องสีนี้อะไรอย่างนี้ครับ"

นุ่น : "เรามีรายละเอียดกว่านั้นอีก ถ้าอยากให้งานคิดผ่าน หรือลูกค้ารัก เรามีลิสต์เลย ไม่ใช่แค่พี่ท็อปนะคะ เราจะให้น้องๆ ในออฟฟิศด้วย แฟ้มเอกสารห้ามเป็นสีนี้ๆ นี่จบวิศวะนะคะ (หัวเราะ) เพราะตัวเองใส่สีผิดแล้วรถเสียไงคะ ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นพี่ท็อปเขาก็จะเริ่มดูสีบ้าง"

ท็อป : "(ไม่ค่อยเชื่อเลยเนอะ?) ไม่เลยครับ ไม่น้อย (หัวเราะ) แต่ผมว่าดีนะ ก็ทำช่วงนี้แหละ เวลาที่ลูกค้าน้อย หรือเรื่องบริการน้อยลง เราก็ทำให้สิ่งที่เราเป็นอยู่ดีขึ้น พัฒนาปรับปรุง หมอดูฮวงจุ้ยมาก็ปรับตาม มาเข้าช่วงปกติโอกาสดีๆ ก็จะเข้าหาเรา"




กำลังโหลดความคิดเห็น