ในที่สุดมหากาพย์คดี “ไร่ส้ม” ที่ยืดเยื้อยาวนาน กรณีขายโฆษณาเกินเวลาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท ก็ได้รูดม่านลงเป็นที่เรียบร้อย
โดยศาลฎีกา พิพากษาจำคุก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวเบอร์หนึ่ง เป็นระยะเวลา 6 ปี 24 เดือน
เรื่องที่น่าจับตามองต่อจากนี้ ก็คืออนาคตของ “บริษัท ไร่ส้ม จำกัด” รวมถึงผลกระทบของรายการข่าวในตระกูล “เรื่องเล่า” ที่ออกอากาศทางช่อง 3 HD จะเป็นอย่างไร !!???
ในวันที่ไร้ซึ่งหัวเรือใหญ่อย่างสรยุทธ
หรือเตรียมตัวนับถอยหลังรอวันที่จะรูดม่านตามรอยกันไป !!!
เพราะความจริงข้อหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ความรุ่งโรจน์ของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” และรายการ “เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์” ที่ถือเป็นรายการเล่าข่าวที่โด่งดังสุดๆ ชนิดที่ผู้คนทุกวงการไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดง นักร้อง หรือแม้แต่นักการเมืองต้องวิ่งเข้าหา , สินค้าทุกชนิดทั้งที่ดีลตรง และดีลผ่านเอเยนซี่วิ่งชนจนคิวโฆษณาล้นแล้วล้นอีก ตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษเต็มๆ นับจากปี 2546 -2556 ล้วนแล้วมาจากบารมีของคนที่ชื่อสรยุทธ ซึ่งถือว่าเป็นนักเล่าข่าวที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
ว่ากันว่าในยุคทองของรายการในตระกูลเรื่องเล่านั้น ส่งผลให้สรยุทธทำรายได้ให้ช่อง 3 ปีละกว่า 2. 9 พันล้านบาท และสามารถสร้างรายได้เข้าบริษัทของตัวเองมากกว่า 5.5 พันล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิรวม 2.4 พันล้านบาท
จนกลายเป็นที่มาของฉายา "เจ้าพ่อกรรมกรข่าวพันล้าน"
และยังยืนหนึ่งในเรื่องของเรตติ้งของรายการประเภทข่าวอย่างต่อเนื่อง จนช่อง 3 ถึงขนาดต้องขยายเวลาจากเดิม 2 ชั่วโมง ขยับมาเป็น 3 ชั่วโมง และ 3 ชั่วโมงครึ่งตามลำดับ กระนั้นเวลาโฆษณาก็ยังคงขายหมดเกลี้ยงทุกเบรก แม้ว่าเรทราคาจะขยับตัวสูงขึ้นพร้อมๆ กับความนิยมของรายการ โดยสูงสุดอยู่ที่นาทีละ 2.2 แสนบาท
รวมไปถึงยังเป็น “ต้นแบบ” ที่ทำให้ทีวีแทบทุกช่องหันมาทำรายการประเภทเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถโค่นบัลลังก์แชมป์ของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ลงได้
ทั้งนี้จากผลสำรวจโดย นีลสัน มีเดีย รีเสิร์ชระบุว่า ในช่วงที่พีกสุดๆ ของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” นั้น เคยทุบสถิติตัวเลขเรตติ้งได้สูงถึง 4.1 โดยคิดเป็นค่าเฉลี่ยจำนวนคนดูอยู่ในราว 2,621,000 คน ขณะที่รายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ซึ่งออกอากาศทางช่อง 7 ในวันและเวลาเดียวกัน ได้เรตติ้งไปเพียง 2.0 หรือเท่ากับจำนวนคน 1,271,000 คน
พูดง่ายๆ ว่าทิ้งห่างกันครึ่ง - ครึ่งเลยทีเดียว
ทว่านับจากปี 2557 ที่เริ่มมีข่าวฟ้องร้องเกี่ยวกับคดียักยอกเงินโฆษณา ไม่เพียงกระทบต่อภาพลักษณ์ของสรยุทธ แต่ยังกระเทือนไปถึงเรตติ้งของรายการอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากตัวเลขที่ค่อยๆ ถดถอยลงมาตามลำดับ
จากที่เคยยืนหนึ่งด้วยตัวเลขแตะ 4 ก็ลดลงมาอยู่ที่ 2.8 ในปี 2557 และ 2.1 ในปี 2558
กระทั่งเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2559 ด้วยกระแสกดดันของสังคม อันสืบเนื่องมาจากเรื่องของคดีทุจริต ทำให้สรยุทธจำต้องประกาศยุติบทบาทการเป็นพิธีกรของตัวเองลง ก็ยิ่งส่งให้เรตติ้งดิ่งฮวบ โดยร่วงลงมาอยู่ที่ 1.5
จากรายการที่ยืนหนึ่ง กลับถูกรายการของช่องคู่แข่งแซงหน้าขึ้นมาแทนที่ เป็นวิกฤตที่นำมาสู่การปรับระยะเวลาออกอากาศจากเดิม 3 ชั่วโมงครึ่ง ลดลงไป 45 นาที โดยดึงรายการ “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” เข้ามาเสริม ด้วยหวังว่าจะสามารถกอบกู้เรตติ้งขึ้นมาได้บ้าง
กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในเรื่องของตัวเลขขยับสูงขึ้นมาได้ แน่นอนว่าเมื่อเรตติ้งดำดิ่งลงไป ก็ย่อมส่งถึงการขายโฆษณา และรายได้ที่จะไหลเข้าช่องที่ลดลงถึง 30% จนกลายเป็นปฐมบทสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 15 ปีของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ในช่วงปี 2561
นั่นคือรูปแบบของรายการที่เคยคงที่และคงทนมาตลอดระเวลาอันยาวนานนั้น ถูกปรับเปลี่ยน ด้วยการ “ผ่า” รายการออกเป็น 2 ส่วน
เริ่มต้นที่เวลา 05.30 - 06.00 น. จะเป็นรายการ “เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง”
และ 06.00-08.00 น. จะเป็นรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ในฟอร์แมตเดิม
แต่ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับรายการที่เคยยืนหนึ่งอย่าง “เรื่องเล่าเช้านี้” ในส่วนของธุรกิจบริษัท ไร่ส้มฯ ที่สรยุทธรั้งตำแหน่งหัวเรือใหญ่ ก็ยังคงดำเนินต่อไป ไม่ได้สิ้นสุดไปตามบทบาทการเป็นพิธีกร
ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าบริษัทของสรยุทธ ยังคงดำเนินการธุรกิจและมีรายได้ แม้ว่าจะลดลง ตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ยังถือว่ามีกำไร
แต่สถานการณ์ในเวลานั้น ก็ยังไม่ถือว่ารุนแรงอะไรมากนัก เพราะอย่างน้อยที่สุด แม้ไม่ได้ทำงานอยู่เบื้องหน้า แต่ สรยุทธก็ยังสามารถอยู่หลังฉาก เป็นที่ปรึกษาให้กับทีมงาน เป็นผู้ผลักดันนักเล่าข่าวคลื่นลูกใหม่ให้แจ้งเกิดขึ้นมา ตลอดจนเป็นคนวางแผนหรือกำหนดทิศทางให้กับรายการได้
เทียบไม่ได้กับเวลานี้ ในยามที่เขาไร้อิสรภาพโดยสิ้นเชิง !!!
ใครจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขับเคลื่อนบริษัทไร่ส้มฯให้ดำเนินธุรกิจต่อ ?
รายการในตระกูลเรื่องเล่า ในยุคที่ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดให้กับช่อง 3 มีแนวโน้มว่าจะถูกถอดจากผังรายการ หรือไม่ ? อย่างไร ?
เพราะถ้าว่ากันตามเหตุและผลของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในสภาวะที่ช่อง 3 เอง ก็กำลังวิกฤต ทั้งในเรื่องภาพรวมของอันดับช่อง และรายได้
เป็นไปได้หรือ ที่จะอดทนให้พ้นระยะเวลา 6 ปี 24 เดือนตามคำพิพากษา !!???
เพื่อให้สรยุทธกลับมาเป็นแกนหลักของรายการเหมือนเดิม
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 25 - 31 มกราคม 2563